ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ยังคงมีอิทธิพลต่อการใช้จ่ายในการซื้อของขวัญปีใหม่ 2565 นี้ โดย 77% หรือมากกว่า 3 ใน 4 ของนักช็อปชาวไทยยอมรับว่าโควิด-19 มีผลกระทบต่อความตั้งใจที่จะซื้อของขวัญในช่วงเทศกาลนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าปลีกยังสามารถคาดหวังว่าในเดือนธันวาคมนี้ คนไทยจะมีการจับจ่ายอย่างคึกคัก เพราะนักช็อปได้มีแผนจะซื้อของขวัญปีใหม่ให้กับคนในครอบครัวและเพื่อนฝูง หรือแม้กระทั่งซื้อของขวัญให้ตัวเอง จากผลสำรวจโดยมาร์เก็ตบัซซในกลุ่มตัวอย่างคนไทย 500 คนทั่วประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน 2564 พบว่า นักช็อปมีแผนจะซื้อของขวัญที่ร้านค้าด้วยตนเอง อยู่ที่ 53% และซื้อของขวัญผ่านช่องทางออนไลน์ อีก 43% ซึ่งอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน
สำหรับนักช็อปชาวไทยที่ตั้งใจจะซื้อของขวัญที่ร้านค้ามีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายสูงกว่านักช็อปออนไลน์ โดยคาดการณ์ว่าจะใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 2,000 บาท สำหรับการซื้อที่ร้าน และน้อยกว่า 1,600 บาทสำหรับการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ ผู้ที่มีรายได้ครัวเรือนสูง ก็จะมีความต้องการในการซื้อของขวัญมากขึ้นเมื่อเทียบกับครัวเรือนที่มีรายได้น้อยกว่า
ของขวัญ 5 อันดับยอดนิยมจากการสำรวจในปีนี้ คือ สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม, สินค้าสุขภาพและอาหารเสริม, กระเช้าของขวัญ, สินค้าประเภทเครื่องประดับ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ตามลำดับ
มร.แกรนท์ บาร์โทลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มาร์เก็ตบัซซ (Marketbuzzz) กล่าวว่า “ในทุกปีผู้ค้าปลีกจะวางแผนและสร้างแคมเปญเพื่อโปรโมทสินค้าและเตรียมสต๊อกสินค้าไว้ให้เพียงพอในช่วงเทศกาล เพราะคนไทยยังคงมีความตื่นตัวในการเฉลิมฉลองไปกับเทศกาลและมีรายการของขวัญอยู่ในใจ อย่างไรก็ตามผู้ค้าปลีกต้องเผชิญกับปัญหาโควิด-19 ในหลายด้าน รวมถึงกำลังซื้อของนักช็อปที่น้อยลง ฉะนั้นการเร่งทำยอดขายจึงเป็นสิ่งสำคัญ”
มร.แกรนท์ บาร์โทลี่ กล่าวเสริมว่า “ด้วยภาวะเช่นนี้ จึงทำให้คนไทยมีเงินที่จะจับจ่ายน้อยลงและมีความรอบคอบในการใช้จ่ายและเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น โดยให้ความสำคัญในหลายปัจจัยทั้งราคาและการจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ แบรนด์และร้านค้าปลีกจึงต้องเร่งสร้างแคมเปญการตลาดให้ตรงใจมากขึ้น เพื่อเร่งกระตุ้นยอดขายในช่วง High Season นี้”
ทั้งนี้ ยังมีเรื่องที่น่ายินดีคือ คนไทยเริ่มที่จะเลือกซื้อสินค้าสำหรับเทศกาลปีใหม่ และกว่าครึ่งหนึ่งของคนไทยที่ตอบแบบสำรวจได้เริ่มซื้อของขวัญตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีและหวังว่าจะเกิดความคึกคักตลอดสิ้นปีนี้