บิ๊กมูฟครั้งใหญ่ของตลาดเกมมิ่งในประเทศไทย เมื่อผู้นำในตลาดเกมพีซีและเกมมิ่งเกียร์ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) “SYNNEX” ลงนามเป็นพันธมิตรกับ 2 ผู้นำในตลาดเกมคอนโซล บริษัท แน๊ดซ์โปรเจค จำกัด “NADZ” และ บริษัท เนคท์ เจเนอเรชั่น อินโนเวชั่น จำกัด “NGIN” กางแผนขยายธุรกิจ เดินหน้าขับเคลื่อน Gaming Ecosystem ในประเทศไทยให้แข็งแกร่ง ด้วยมูลค่าตลาดเกมในประเทศที่คาดว่าจะสูงถึง 33,000 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังคงความร้อนแรงต่อเนื่องในปี 2565 คาดการเติบโตในระดับ 15%
ความร่วมมือครั้งนี้ จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการต่อยอดอุตสาหกรรมเกมพีซี และเกมคอนโซลได้อย่างครบวงจร ทั้งซินเนอร์ยี่ในด้านผลิตภัณฑ์ ช่องทางการจำหน่าย และบริการ ที่จะมาบุกตลาดเกมในประเทศไทยให้แข็งแกร่งขึ้น รวมถึง การเตรียมพร้อมสำหรับ Esports และโอกาสใหม่ เมื่ออุตสาหกรรมเกมก้าวสู่โลกยุคดิจิทัล ทั้งเกม NFT และการพัฒนาเกมบน Metaverse หนุนตลาดขยายในวงกว้าง
นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SYNEX) กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า หนึ่งในกลยุทธ์ของซินเน็คฯ คือการขยายธุรกิจเกมมิ่งให้ครบวงจร และเป็นโอกาสอันดีที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่วงการเกมมิ่ง 2 บริษัทชั้นนำ ประกอบด้วย บริษัท แน๊ดซ์โปรเจค จำกัด (NADZ) ร้านเกมคอนโซลชื่อดังของไทย ที่จะเข้ามาเพิ่มศักยภาพในการขยายตลาดร่วมกัน และการรุกตลาดเกมคอนโซลอย่างเต็มรูปแบบของซินเน็คฯ โดยจะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้ากลุ่ม Gaming PC Hardware ไปยังหน้าร้านของ NADZ รวมทั้ง การเพิ่มเติมสินค้ากลุ่มเกมคอนโซลจาก NADZ เข้ามาในพอร์ต เช่น เครื่อง Play Station และ Nintendo เป็นต้น อีกทั้ง ซินเน็คฯ ร่วมกับ NADZ เปิดช้อป NADZ by Synnex ผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่ายไอทีของซินเน็คฯ โดยเริ่มจากตัวแทนสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้ง สาขาในต่างจังหวัดอีก 19 แห่ง คาดจะได้เห็นความชัดเจนในปี 2565
นอกจากนี้ ซินเน็คฯ ยังได้ลงนามเป็นพันธมิตรร่วมกับ บริษัท เนคท์ เจเนอเรชั่น อินโนเวชั่น จำกัด (NGIN) ผู้นำเข้าแผ่นเกม อุปกรณ์ และจำหน่ายเครื่องเกมคอนโซลรายใหญ่ของไทย ผสานจุดแข็งในการขยายตลาดเกมมิ่งในประเทศไทยให้แข็งแกร่งขึ้น รวมทั้ง วางกลยุทธ์เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่าย เพิ่มโอกาสการขยายศูนย์บริการ (Service) ตลอดจนพัฒนานวัตกรรมทั้งในรูปแบบของสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มเกมเมอร์ และการจัดกิจกรรมการตลาดร่วมกัน
สำหรับภาพรวมตลาดเกมมิ่งในปี 2564 ซินเน็คฯ มียอดสินค้าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊กรวมกับเกมมิ่งเกียร์ ในช่วง 9 เดือนแรก อยู่ที่ 3,800 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปียอดขายรวมจะทำได้ถึง 5,000 ล้านบาท นับเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 63 ถึง 60% และสนับสนุนให้ซินเน็คฯ มี market share ของตลาดเกมมิ่งฮาร์ดแวร์ อยู่ที่ 60% เป็น No.1 PC Gaming Hardware in Thailand ประกอบกับ จุดแข็งของซินเน็คฯ มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าไอทีกว่า 5,000 ช่องทาง และบริการหลังการขายสินค้าเกมมิ่งที่ครบวงจร รวมถึง คุณภาพการบริการที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น “ประกันเทพ” ในกลุ่มของผู้บริโภคสินค้าเกมมิ่งทั่วประเทศ สร้างความเชื่อมั่นให้พันธมิตรทั้ง NGIN และ NADZ ด้วยการเป็น Value Added IT Distributor
นอกจากนี้ ภาพรวมตลาดเกม PC Hardware และ Console Hardware มีขนาดตลาดสูสีกัน และพฤติกรรมการซื้อของเกมเมอร์ไทย นิยมซื้อ Console Game Software ผ่านร้านค้า ต่างจาก PC Game และ Mobile Game ที่ซื้อผ่านดิจิทัลเป็นหลัก ดังนั้น เป็นโอกาสที่ซินเน็คฯ จะเข้าไปในตลาดเกมคอนโซลที่มีขนาดใหญ่ขึ้น (ครอบคลุมทั้ง Hardware + Software) ไม่ใช่แค่ Hardware เหมือนฝั่ง PC เท่านั้น จึงคาดหวังยอดขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเกมของซินเน็คฯ จะเติบโตได้ถึง 2 เท่าตัว ภายในระยะเวลา 3-5 ปีจากนี้
นายประชุม สินธพสิริพร กรรมการบริหาร บริษัท แน๊ดซ์โปรเจค จำกัด (NADZ) เปิดเผยว่า การร่วมมือกับซินเน็คฯ ในครั้งนี้ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าของ NADZ รวมถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า NADZ ผ่านโซลูชั่นทางธุรกิจของซินเน็คฯ แบบครบวงจร และไม่ได้หยุดเพียงแค่ SYNNEX x NADZ เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงตัวแทนจำหน่ายของซินเน็คฯ ทั่วประเทศ ที่เราจะได้ขยายตลาด เพื่อรองรับการเติบโตในทุกๆ ด้านของอุตสาหกรรมเกมที่จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระหว่างปี 2565 – 2575
มองว่า ด้วยจุดแข็งทางด้านช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าไอทีของซินเน็คฯ ซึ่งมีกว่า 5,000 ช่องทาง จะช่วยให้กลุ่มลูกค้าปลายทางของซินเน็คฯ ได้รับประสบการณ์ทางด้านสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับเกมได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน กลุ่มลูกค้าปลายทางของ NADZ ก็จะได้รับความสะดวกสบายในการเข้าถึงสินค้าและบริการในรูปแบบ Omni Channel ได้อย่างแท้จริง
โดยปัจจุบัน NADZ มีสินค้าที่จำหน่ายหลักจะเป็นกลุ่มเครื่องเล่นเกมคอนโซล เป็นสัดส่วนถึง 60% โดยวัดจากมูลค่าการขายจากประเภทกลุ่มสินค้าทั้งหมด ประกอบด้วย เครื่องเล่นเกมคอนโซล แผ่นเกมคอนโซล อุปกรณ์เกมคอนโซล ของสะสม ตลอดจนบัตรเติมเงินบนแพลตฟอร์มเกมคอนโซล อุปกรณ์ไอที สินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์ เป็นต้น และมีช่องทางการจำหน่ายทั้งหมด 3 ช่องทางหลัก ประกอบด้วย ร้านค้าจำนวน 5 สาขา และช่องทาง E-commerce ผ่าน Lazada และ Social Commerce เช่น LINE OA , K-market ในอนาคต NADZ มีแผนที่จะขยายสาขาโดยผ่านการร่วมมือระหว่าง NADZ และพาร์ตเนอร์เพิ่มเติม สำหรับการจับมือกับซินเน็คฯ ก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่บริษัทฯ วางไว้
นายวันธนบดี จิตตานุเคราะห์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนคท์ เจเนอเรชั่น อินโนเวชั่น จำกัด(NGIN) เปิดเผยว่า ในฐานะผู้นำด้านเกมคอนโซลในประเทศไทย ได้จับมือร่วมกับผู้นำอันดับหนึ่งด้านเกมมิ่งพีซี นับเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น เพราะนอกจากจะสร้างความแข็งแรงให้ Gaming Ecosystem ของประเทศไทยแล้ว จะทำให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจในธุรกิจร่วมกัน การใช้ทรัพยกรต่าง ๆ ร่วมกัน เพื่อลดต้นทุนทางธุรกิจ และเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภคให้เข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น ในราคาและบริการที่ดีขึ้นกว่าเดิม
โดย NGIN เป็นผู้นำเข้าแผ่นเกมคอนโซลที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับหนึ่ง และเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับทุกค่ายเกมและทุกแพลตฟอร์ม ทั้งในแบบ Exclusive และ Non-Exclusive โดยสินค้าที่จำหน่ายหลักจะเป็นกลุ่มสินค้าแผ่นคอนโซลเกม ซึ่งถือเป็นสัดส่วนมากถึง 45% ของประเภทกลุ่มสินค้าทั้งหมด ประกอบด้วย เครื่องเล่นเกมคอนโซล แผ่นเกมคอนโซล อุปกรณ์เกมคอนโซล ของสะสม ตลอดจนบัตรเติมเงินบนแพลตฟอร์มเกมคอนโซล ซึ่งในปัจจุบันผู้นำเข้าที่มีอยู่ในตลาดเกมคอนโซล มีเพียงแค่ 3 รายเท่านั้น และ NGIN มี market share เกมคอนโซลในประเทศไทยอยู่ที่ 75% ของตลาดรวม ซึ่งมีส่วนแบ่งอยู่ที่ประมาณ 12% ของตลาดเกมมิ่งประเทศไทย และ 9% ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การจับมือขยายตลาดร่วมกับซินเน็คฯ ครั้งนี้ จะทำให้ตลาดเกมคอนโซลสามารถเข้าถึงเหล่าเกมเมอร์ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแผ่นเกม PlayStation5 ที่คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นในปี 2565 อีกทั้ง การได้รับความนิยมของ GameFI (NFT) ทำให้ตลาดเกมก้าวข้ามผ่านพรมแดนจากตลาดเกมมิ่งสู่ตลาดทุน นับเป็นโอกาสสำคัญ การจับมือพันธมิตรชั้นนำอย่างซินเน็คฯ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตในครั้งนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ดี ภาพรวมตลาดเกมในประเทศไทย จากการรวบรวมข้อมูลในหลากหลายธุรกิจ พบว่าในทุก Segment ทั้งในส่วนของ Mobile Gaming, PC Gaming, Console Gaming และ Arcade Gaming คาดปี 2564 มูลค่าตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 33,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นโดยประมาณ 16% จากปี 2563 เนื่องจากมาตรการ Work from Home และภาครัฐบาลที่สนับสนุนอุตสาหกรรมอีสปอร์ต (E-Sport ) ประกอบกับ ไทยอยู่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APAC) ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของวงการเกมในตลาดโลก อีกทั้ง ตลาดเกมในประเทศไทยใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สะท้อนโอกาสการเติบโตในอุตสาหกรรมนี้ รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ของคนไทยที่ให้ความสนใจทางด้านเกมและความบันเทิงในช่วงวิกฤตมากขึ้น โดยสัดส่วนประเภทเกมในประเทศไทยแบ่งตามแพลตฟอร์ม ดังนี้ Mobile Game (เกมมือถือ) 67% ตามด้วย PC Game (พีซี) 24% และ Console Game (คอนโซล) 9%
ทั้งนี้ คาดการณ์ปี 2565 ตลาดเกมจะเติบโตต่อเนื่องมากกว่า 15% มองเทรนด์ใหม่ของเกมที่จะเริ่มขึ้นในปี 2565 สองเรื่องที่ชัดเจนคือ เกมแนว Play to Earn : เกม NFT ต่าง ๆ ที่มีระบบเกี่ยวพันกับ Cryptocurrency จะดึง non-gamer และ investor เข้ามาขยาย Ecosystem ของวงการเกมเพิ่มขึ้นไปอีก และการพัฒนาเกมบน Metaverse ( MR, AR+VR ) ตามที่ทราบว่า Facebook ประกาศที่จะพาโลกเข้าสู่ Metaverse ไปนั้น เกมเป็นคอนเทนต์แรกๆ ที่จะถูกนำเทคโนโลยีมาใช้ประกอบเพื่อให้ผู้ใช้งานได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ บนเทคโนโลยีในอนาคต จึงเป็นโอกาสของผู้ที่มีความพร้อมในตลาดนี้