เสียวหมี่เปิดตัว Redmi Note 11 Series พร้อมทีวี QLED 55 นิ้วราคาไม่ถึง 2 หมื่น

เสียวหมี่ (Xiaomi) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ชุดใหม่เพียบ ทั้งสมาร์ตโฟนตระกูล Redmi Note 11 Series 4 รุ่น เริ่มต้นเพียง 6,299 บาท นอกจากนี้ยังขนกองทัพผลิตภัณฑ์ AIoT อีกมากมาย นำโดย Xiaomi TV Q1E 55”, Xiaomi Air Purifier 4 Series, Mi Robot Vacuum – Mob 2 Series และ Redmi Buds 3 Lite มอบความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของ Xiaomi Ecosystem 

Redmi Note 11 Series ที่เปิดตัวในครั้งนี้ประกอบด้วยสมาร์ตโฟน 4 รุ่น คือ

• Redmi Note 11 Pro 5G
• Redmi Note 11 Pro
• Redmi Note 11S
• Redmi Note 11

กล้องคุณภาพระดับแฟล็กชิปเพื่อการถ่ายภาพอย่างมืออาชีพ 

Redmi Note 11 Pro 5G, Redmi Note 11 Pro และ Redmi Note 11S มาพร้อมกับกล้องหลักความละเอียด 108MP ขนาดเซนเซอร์ 1/1.52” พร้อมเทคโนโลยีรวมเม็ดพิกเซลแบบ 9-in-1 อีกทั้งยังใช้ Dual native ISO เพื่อให้ภาพที่คมชัดสีสันสดใส แม้อยู่ท่ามกลางสภาวะที่มีแสงน้อย

ส่วนเลนส์อัลตร้าไวด์ที่กว้างถึง 118 องศาจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถเก็บภาพได้ครบทุกมุมทุกบรรยากาศ เลนส์มาโครระดับ 2MP ที่จะทำให้ทุกการถ่ายภาพระยะใกล้แจ่มชัด นอกจากนี้เซนเซอร์ขนาด 2MP ที่มาพร้อมกับ Redmi Note 11 Pro, Redmi Note 11S และ Redmi Note 11 ยังสามารถทำให้ภาพถ่ายคนทุกภาพดูมีมิติสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนกล้องหน้าความละเอียดสูง 16MP ที่ให้ภาพคมชัดสดใสทุกมุมมอง

หน้าจอ FHD+ AMOLED DotDisplay ที่มาพร้อมกับอัตรารีเฟรชเรต 120 Hz และรูปทรงแสนบางสุดล้ำ 

สมาร์ตโฟนตระกูล Redmi Note 11 Series มาพร้อมกับการอัปเกรดหน้าจอที่ให้อัตรา Refresh Rate สูงถึง 120 Hz และอัตรา Touch Sampling Rate สูงถึง 360 Hz ทำให้ระบบสัมผัสที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ หน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว และ 6.43 นิ้วของสมาร์ตโฟนซีรีส์นี้ เป็นรูปแบบ FHD+ AMOLED DotDisplay ที่ DCI-P3 Wide Color Gamut โดยมีค่าความสว่างถึง 1200 nit เพื่อให้มั่นใจได้ว่าแม้เจอสภาวะแสงจ้าระหว่างวัน หน้าจอก็จะยังให้ความคมชัดอยู่เสมอ

โดยมาพร้อมดีไซน์คอนเซ็ปต์แบบขอบแบนล้ำสมัย ตัวเครื่องยังมีลำโพงคุณภาพสูงถึงสองตัวติดอยู่ที่บริเวณด้านหัวและด้านท้ายเครื่องเพื่อให้เสียงสเตอริโอ

ประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วทรงพลัง

Redmi Note 11 Pro 5G ใช้ชิป Snapdragon® 695 เทคโนโลยีการผลิต 6nm แบบ octa-core พร้อมรองรับ 5G และมีความเร็วสัญญาณ CPU 2.2 GHz ส่วน Redmi Note 11 Pro และ Redmi Note 11S ใช้ชิปเซ็ตประมวลผลทรงพลังจาก MediaTek Helio G96 ซึ่งเป็นระบบ octa-core เช่นกันและมี RAM สูงถึง 8 GB 

นอกจากนี้ Redmi Note 11 คือสมาร์ตโฟนที่ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon® 680 ระบบประมวลผลคุณภาพระดับแฟล็กชิป 6nm ที่พร้อมทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพและยังประหยัดพลังงานได้ในคราวเดียวกัน

โดยสมาร์ตโฟนทั้งสี่รุ่นนี้ มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh พร้อมเทคโนโลยีการชาร์จแบบ 67W Turbo Charging ใน Redmi Note 11 Pro 5G และ Redmi Note 11 Pro นี้ สามารถทำให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้ถึง 50% ในระยะเวลาเพียงแค่ 15 นาที* ในส่วนของ Redmi Note 11S และ Redmi Note 11 สมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับเทคโนโลยี 33W Pro Fast Charging ที่สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ภายในระยะเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง*เท่านั้น 

Redmi Note 11 Pro 5G 1และ Redmi Note 11 Pro จะวางจำหน่ายในประเทศไทยเร็ว ๆ นี้ สำหรับ Redmi Note 11S และ Redmi Note 11 วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 ณ Xiaomi Store ทุกสาขาและร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม พิเศษ สำหรับผู้ที่ซื้อในวันที่ 5 – 28 กุมภาพันธ์ 2565 รับทันที Xiaomi Canvas Tote Bag มูลค่า 590 บาท

• Redmi Note 11S ความจุ 8GB+128GB ราคา 8,299 บาท
• Redmi Note 11 ความจุ 6GB+128GB ราคา 6,999 บาท
• Redmi Note 11 ความจุ 4GB+128GB ราคา 6,299 บาท

นอกจากนี้เสียวหมี่ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AIoT ที่จะมาช่วยยกระดับความสะดวกสบายของชีวิตและเติมเต็ม Xiaomi Ecosystem อีกทั้งหมด 4 ผลิตภัณฑ์ด้วยกัน ได้แก่ Xiaomi TV Q1E 55” สมาร์ตทีวีใหม่ล่าสุดจากเสียวหมี่ที่มาพร้อมกับความคมชัดระดับ 4K อีกทั้งยังมีระบบเสียงคุณภาพสูงเปรียบเสมือนการรับชมความบันเทิงในโรงภาพยนตร์

Xiaomi Air Purifier 4 Series เครื่องกรองอากาศดีไซน์มินิมอลจากเสียวหมี่ที่มีประสิทธิภาพในการกรองอากาศสูงถึง 99.97% มาพร้อมกับระบบเซนเซอร์ความแม่นยำสูงเพื่อตรวจจับ PM 2.5 และมลพิษทางอากาศในรูปแบบต่าง ๆ อีกทั้งยังสามารถผลิตไอออนประจุลบเพื่อทำให้คุณภาพอากาศภายในห้องสะอาด สดชื่น และบริสุทธิ์มากขึ้นอีกด้วย

Mi Robot Vacuum – Mob 2  Series สามารถทำความสะอาดพื้นห้องของผู้ใช้ได้อย่างสะอาดและแม่นยำในทุก ๆ ตารางเมตร ทำให้ห้องของผู้ใช้สะอาดปราศจากสิ่งสกปรกในทุก ๆ มุมห้อง นอกจากนี้ยังสามารถรองรับระบบการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และ Amazon Alexa อีกด้วย 

โดยผลิตภัณฑ์กลุ่ม AIoT จะวางจำหน่ายวันที่ 30 มกราคม 65 โดยมีราคาและโปรโมชันดังนี้