Edifice (เอ-ดิ-เฟียส) เป็นหนึ่งในไลน์นาฬิกาข้อมือของ Casio ที่เน้นสำหรับหนุ่มยุคใหม่ ให้ภาพลักษณ์ที่ดูดี แถมยังผสมผสานฟังก์ชั่นที่ทันสมัย ช่วยให้ผู้ที่เดินทางต่างประเทศบ่อยๆสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และวันนี้เราขอรีวิว Casio Edifice รุ่นล่าสุดคือ EQB-600 ที่ต้องบอกว่ายอมใจกับการออกแบบเลย

แล้วทำไมเรายังต้องใส่นาฬิกาอยู่ ในเมื่อสมาร์ทโฟนก็บอกเวลาได้

พูดตรงๆ คือเครื่องประดับของผู้ชายมีน้อยกว่าผู้หญิงมาก นาฬิกาข้อมือจึงถือเป็นเครื่องประดับไม่กี่อย่างของผู้ชายที่สามารถบอกรสนิยม บอกไลฟ์สไตล์ มันเลยมีคำกล่าวที่ว่า ผู้ชายลงทุนและตั้งใจเลือกนาฬิกาข้อมือของตัวเองมาก เพราะมันเป็นเครื่องประดับชิ้นเดียวของเขา นอกจากนี้นาฬิกาข้อมือยังสามารถแสดงเวลาได้ตลอดเวลา ยกมือขึ้นมาดูเวลาได้เสมอ ทำงานได้นานเป็นปีๆ โดยไม่ต้องเปลี่ยนถ่านหรือชาร์ตไฟ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สมาร์ทโฟนทดแทนไม่ได้

การออกแบบนาฬิกา

มาดูที่การออกแบบกันบ้าง ตัวเรือนของ Edifice EQB-600 รุ่นนี้ค่อนข้างใหญ่ ทำจากสแตนเลสเนื้อดี ให้ภาพลักษณ์หนักแน่นสำหรับผู้ชาย ขีดด้านข้างแทนตัวเลข 1 – 12 ของนาฬิกาก็เป็นงานหล่อวัสดุให้ดูมีความหนาขึ้นมา หน้าปัดสามารถบอกวันที่ วันในสัปดาห์ได้ด้วย โดย Edifice EQB-600 มีจำหน่าย 2 สีคือเรือนที่มีลูกโลกสีน้ำเงิน กับลูกโลกสีดำขอบเหลือบน้ำเงิน-ส้มๆ ซึ่งก็เลือกกันตามความชอบนะครับ

จุดเด่นมาตลอดของ Edifice คือบอกทั้งเวลาท้องถิ่นและบอกเวลาโลกพร้อมกัน

ซึ่งการแสดงเวลาโลกของ Edifice EQB-600 นั้นมาอย่างอลังการ ด้วยโดมลูกโลกหรือ 3D Globe Dial บริเวณด้านขวาของตัวเรือนนี้ ที่ดูครั้งแรกก็จะรู้สึกสวย เป็นงานหล่อที่มีมิติ มีสูงมีต่ำ ดูสักพักจะเริ่มสงสัยว่าลูกโลกบอกอะไรเรา พอเข้าใจแล้วจะรู้สึกว่าน่าทึ่งมาก

การอ่าน 3D Globe Dial

3D Globe Dial นั้นทำงานคู่กับหน้าปัดเวลาโลกอันเล็กที่อยู่ทางด้านซ้าย โดยหน้าปัดเวลาโลกก็บอกเวลาของเมืองที่เรากำหนดไว้ แล้วมาดูว่าเป็นกลางวัน-กลางคืนจากโดมลูกโลก เสมือนการหมุนจริงของโลก สังเกตที่ขอบโดมเราจะเห็นว่าครึ่งบนจะเป็นสีเข้มแทนกลางคืน ส่วนครึ่งล่างจะเป็นสีอ่อนแทนกลางวัน ซึ่งเราจะดูว่าเวลาของอีกเมืองที่เราตั้งไว้เป็นกลางวัน-กลางคืนโดยดูจากเข็มของโดมลูกโลก ว่าอยู่บนแดนกลางวันหรือกลางคืน

  • จุดที่เชื่อมกลางวัน-กลางคืนฝั่งซ้ายคือรุ่งเช้า
  • ส่วนจุดเชื่อมฝั่งขวาคือพลบค่ำ

ที่นี้มาสังเกตที่ตัวแผนที่โลกของ 3D Globe Dial จะเป็นภาพของโลกที่มองลงมาจากขั้วโลกเหนือ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นแหลมประเทศไทย และเกาะญี่ปุ่น

การเชื่อมต่อ Bluetooth

ความสามารถพิเศษของ Edifice EQB-600 รุ่นนี้คือสามารถเชื่อมต่อ bluetooth กับสมาร์ทโฟน iOS และ android ได้ แต่ไม่ใช่เพื่อแสดงการแจ้งเตือน หรือบันทึกก้าวเดิน การใช้ชีวิตเหมือน Smart Watch ทั่วไป แต่เป็นการซิงค์เวลานาฬิกาให้ตรงกับเวลาโลกเสมอ คือปกติสมาร์ทโฟนจะเช็คเวลาจาก Server ในอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว เจ้า Edifice ก็ bluetooth ไปถามสมาร์ทโฟนวันละ 4 ครั้ง เพื่อเทียบเวลาให้ตรงเสมอ และใช้เทคโนโลยี bluetooth 4.0 ทำให้กินแบตเตอรี่ต่ำ

นอกจากนี้เรายังสามารถสั่งงานนาฬิกาผ่านแอป Casio+ ได้ด้วย หลักๆ คือใช้ตั้งเวลา ผู้ใช้สามารถเลือกเมืองทั่วโลกมากกว่า 300 แห่งเพื่อเซ็ตเวลาโลกให้กับนาฬิกาได้ง่ายๆ แล้วเมื่อกดเปลี่ยนโซนเวลา ก็จะได้เห็นการเคลื่อนไหวที่น่าทึ่งของเข็มนาฬิกาบนหน้าปัด และสำหรับการเดินทาง เมื่อเดินทางไปถึงต่างประเทศและสมาร์ทโฟนปรับเวลาแล้ว ก็สามารถเชื่อมต่อกับนาฬิกาเพื่อปรับเวลาได้ทันที ผู้ใช้ก็สามารถกดปุ่มที่ตัวนาฬิกาเพื่อสลับเวลาท้องถิ่นกับเวลาโลกโดยไม่ต้องสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนก็ได้

ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ Edifice รุ่นนี้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ คือไม่ต้องเปลี่ยนถ่าน ไม่ต้องเอามาขยับเพื่อชาร์จไป แค่ใส่ติดตัวไว้ให้ตัวเรือนโดนแสงก็ทำงานไปได้เรื่อยๆ แล้ว โดนแดดแรงๆ 8 นาทีก็ใช้ได้ทั้งวัน เมื่อชาร์จไฟจนเต็ม หรือโดนแดดแรงๆ 21 ชั่วโมง ก็สามารถทำงานได้ 19 เดือน ด้วยฟังก์ชั่นประหยัดพลังงาน (คืออยู่ในที่มืดแล้วเข็มนาฬิกาจะหยุดเดิน เมื่อเจอแสงจะเดินต่อในเวลาที่ถูกต้อง)

ราคาและการจำหน่าย

สุดท้าย ไม่พูดถึงไม่ได้คือราคา Casio Edifice EQB-600 ทั้ง 2 สีนี้ราคา 19,000 บาท ซึ่งรุ่นที่เรานำมารีวิวเป็นรุ่น Thailand Limited Edition 2016 ที่มีลวดลายประเทศไทยอยู่ที่สายนาฬิกา ซึ่งมีจำกัดเพียงสีละ 20 เรือนเท่านั้น แต่ละเรือนจะมีหมายเลขกำกับด้วย ซึ่งรุ่น limited นี้ราคา 19,900 บาท คือเพิ่มมาอีก 900 บาทเท่านั้น

ใครสนใจก็ไปดูได้ที่งาน Siam Paragon Watch Expo 2016 จัดตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 14 สิงหาคมที่สยามพารากอนครับ