Our score
8.9Dyson V15 Detect Absolute (HEPA)
จุดเด่น
- พลังดูดสูงถึง 230 Air-Watt ทำให้มั่นใจว่าจะดูดทำความสะอาดทุกอย่างได้
- หัวดูด Laser Slim Fluffy คือดีงาม น้ำหนักเบา มีเลเซอร์ส่องพื้นให้เห็นฝุ่นง่าย ๆ
- มีหน้าจอด้านหลังเพื่อบอกแบตเตอรี่เหลือและจำนวนฝุ่นชนิดต่าง ๆ พร้อมปรับการทำงานให้เหมาะกับฝุ่น
- มีหัวดูดมากมาย ใช้งานได้หลากหลาย
- ซีลป้องกันฝุ่นออกจากเครื่องระดับ HEPA ทำให้ฝุ่นไม่ฟุ้งออกจากเครื่องเวลาใช้งาน (ใช้แล้วไม่เจ็บคอ)
จุดสังเกต
- น้ำหนักมาก ใช้งานนาน ๆ แล้วเหนื่อยกว่ารุ่นอื่น ๆ ที่เบากว่านี้
- หัวแปรงมาตรฐานเป็นหัวปลายแหลม ที่ใช้ลำบากเพราะยาวเกินไป แนะนำให้ใช้หัวแปรงในท่อดูดแทน
- หัวแปรงที่ดีที่สุดคือ แปรงปัดฝุ่นไร้รอยขีดข่วน ที่ต้องซื้อเพิ่ม
- หัวปากแหลมไม่มีไฟแล้ว
-
รูปร่างลักษณะ
9.0
-
ความสะดวกในการใช้
8.7
-
ความสามารถในการทำความสะอาด
9.9
-
ความยืดหยุ่นในการใช้งาน
9.5
-
ความคุ้มค่า
7.5
เมื่อปีที่แล้ว Dyson เปิดตัว Dyson V12 Detect Slim เครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นแรกที่มาพร้อมหัวดูดพื้นแบบยิงเลเซอร์ให้เห็นพื้นที่เกาะอยู่ที่พื้น ซึ่งทำให้ทำความสะอาดพื้นได้ง่ายและรวดเร็วมาก มาถึงปีนี้ไดสันได้เปิดตัว Dyson V15 Detect เครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นใหญ่ที่ให้กำลังดูดสูงขึ้น แล้วมีหัวเลเซอร์มาให้ด้วย วันนี้เราจึงจะมารีวิวให้ดูว่าเครื่องรุ่นใหม่นี้ดียังไงบ้างครับ
ดีไซน์ตัวเครื่องและการใช้งาน
ดีไซน์ตัวเครื่องของ Dyson V15 Detect Absolute (HEPA) นั้นใช้ดีไซน์ถังเก็บฝุ่นตามแนวท่อดูด ที่ใช้มาตั้งแต่ Dyson V10 ซึ่งเวลาทิ้งฝุ่นก็ต้องกดด้านหน้าเครื่องลงถังขยะเพื่อเปิดถังเก็บฝุ่นจากด้านหน้า แล้วก็มีหน้าจอด้านหลังเหมือน V11 ซึ่งบริเวณหน้าจอนี้จะมีปุ่มเพื่อปรับแรงดูด 3 ระดับคือ Eco, Med และ Boost นอกจากนี้สามารถนับจำนวนฝุ่นและปรับกำลังดูดอัตโนมัติได้เหมือน V12 ซึ่งถ้าเป็นหัวดูดที่รองรับอย่างหัวเลเซอร์ดูดพื้น แรงดูดระดับกลางจะถูกเปลี่ยนเป็น Auto เพื่อปรับกำลังดูดและการหมุนให้เหมาะสมกับฝุ่นในขณะนั้น นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ด้วยตัวเองเหมือนเครื่องดูดฝุ่นไดสันรุ่นใหม่ ๆ ด้วย
ไดสันเคลมว่า Dyson V15 Detect Absolute (HEPA) สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 60 นาทีเมื่อใช้โหมด Eco ร่วมกับหัวดูดที่ไม่มีมอเตอร์นะครับ ซึ่งเราลองดูเวลาจากหน้าจอหลังเครื่องเมื่อใช้โหมดดูดต่าง ๆ ก็ได้ตัวเลขเวลาที่ใช้งานได้ตามนี้
- Eco: ใช้งานได้ราว 70 นาที
- Medium: ใช้งานได้ราว 40 นาที
- Boost: ใช้งานได้ราว 8 นาที
ซึ่งปกติเราใช้งานแรงดูดระดับกลางหรือเป็นโหมด Auto ก็ทำความสะอาดได้เรียบร้อยเอี่ยมอ่องดีครับ แทบไม่เจอสถานการณ์ที่ต้องใช้แรงดูดระดับ Boost ที่กินแบตหนัก ๆ เลย
ส่วนการทำความสะอาดเครื่องก็ไม่ยาก นอกจากการทิ้งฝุ่นจากถังด้านหน้าแล้ว บริเวณสีฟ้า ๆ ด้านหลังเครื่องยังสามารถดึงออกมาล้างทำความสะอาดได้ ซึ่งจุดนี้จะเป็นทั้งฟิลเตอร์ดูดฝุ่นของเครื่อง และฟิลเตอร์ HEPA ที่กรองฝุ่นก่อนออกจากเครื่องครับ
รุ่นย่อยของ Dyson V15 Detect
ช่วงที่เรารีวิวนี้ Dyson V15 Detect มี 2 รุ่นย่อยครับคือ Dyson V15 Detect Absolute (HEPA) รุ่นแพงกว่าคือ 34,900 บาท ที่มีการซีลระดับ HEPA ทั้งเครื่อง ทำให้ดักจับอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.1 ไมครอนได้ 99.97% สูงกว่า Dyson V15 Detect Absolute รุ่นธรรมดาที่ดักจับอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน ได้ 99.99% แต่ก็ทำให้รุ่น HEPA มีกำลังในการดูดน้อยกว่ารุ่นปกตินิดหน่อยครับ เพราะมีการซีลเครื่องที่หนาแน่นกว่า
V15 Detect Absolute (HEPA) | V15 Detect Absolute | |
---|---|---|
ซีลกันฝุ่น | ดักจับ 99.97% ของอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.1 ไมครอน | ดักจับ 99.99% ของอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน |
แรงดูด | 230 Air-Watt | 240 Air-Watt |
หัวดูดปากแคบในท่อเพิ่มความยาว | มี | ไม่มี |
หัวดูด 2-in-1 | แบบปากแคบพร้อมขนแปรง | แบบปากกว้างพร้อมขนแปรง |
คลิปหนีบหัวดูดกับท่อ | ไม่มี (ใช้หัวดูดปากแคบในท่อแทน) | มี เพื่อติดหัวดูดไปด้วยอีก 2 ตัว |
ราคา | 34,900 บาท | 30,500 บาท |
ปกติแล้วไดสันจะปรับเปลี่ยนรุ่นย่อยและประเภทหัวดูดที่แถมไปเรื่อย ๆ นะครับ บางจังหวะก็จะมีรุ่นที่ขายพร้อม Dyson Grab & Go Dok แท่นเก็บเครื่องดูดฝุ่นแบบตั้งกับพื้นขายด้วย ซึ่งก็ทำให้เราเก็บเครื่องได้เป็นระเบียบขึ้นโดยไม่ต้องเจาะผนังเพื่อติดตั้งชุดเก็บเครื่องที่มาในกล่องครับ ซึ่งใช้ดีมาก (แต่เสียดายนิดหนึ่งที่ตัว Dok สามารถเก็บหัวดูดได้แค่ 1 อันที่แท่น ถ้าเก็บได้ 2 อันจะดีมาก) ก็ลองดูก่อนซื้ออีกครั้งว่าเป็นรุ่นย่อยอะไรนะครับ
อุปกรณ์ของ Dyson V15 Detect Absolute (HEPA)
สำหรับชุดที่เราได้รับมารีวิวนี้ประกอบไปด้วย
- หัวดูด Laser Slim Fluffy™ – หัวดูดพื้นแปรงขนนุ่มพร้อมเลเซอร์ สำหรับทำความสะอาดพื้นแข็ง
- หัวดูด Digital Motorbar™ – หัวดูดพื้นแบบแปรงซี่ ๆ เพื่อจับฝุ่นและเส้นผมออกจากพื้นผิวทุกประเภท พร้อมซี่หวีป้องกันผมพันกันดึงเส้นผมออกจากหัวแปรงโดยอัตโนมัติ เอาไว้ดูดพรมได้
- หัวดูดปากแคบในตัว – หัวดูดที่ซ่อนอยู่ในท่อเพิ่มความยาว สามารถดึงออกมาใช้งานได้ทันที
- หัวดูดปากแคบแบบ 2-in-1 – หัวดูดปากแคบที่ปรับเป็นหัวแปรงได้
- หัวดูดฝุ่นสำหรับผ้าและที่นอน – หัวดูดปากกว้างพร้อมแปรงสั้น ๆ เพื่อดูดฝุ่นจากผ้า
- หัวดูดเก็บเส้นผม – หัวดูดพร้อมมอเตอร์เล็ก ที่ไม่ได้เป็นแกนสมมาตร ทำให้ผมไม่พันแกน
- แปรงปัดฝุ่นขนนุ่มขนาดเล็ก – หัวดูดแปรงนุ่มสำหรับเฟอร์นิเจอร์
- หัวต่อสำหรับดูดฝุ่นที่สูง – ข้อต่อเปลี่ยนมุมดูดได้
เรารีวิวเครื่องดูดฝุ่นไร้สายจากไดสันมาหลายรุ่น ก็ชอบใจที่ชุดนี้มีหัวดูดพื้นมาให้ 2 หัว สำหรับพื้นแข็งและพื้นพรม พร้อมหัวดูดแบบปากแคบในตัวที่ซ่อนอยู่ในท่อดูด ซึ่งเป็น Dyson V15 เป็นเครื่องดูดฝุ่นไดสันรุ่นแรกที่เราเทสต์แล้วมีหัวแบบนี้ (เฉพาะรุ่น HEPA นะ Dyson V15 รุ่นธรรมดาไม่มีหัวนี้) ก็ใช้งานได้สะดวกดีครับ ไม่ต้องพกหัวปากแหลมไปด้วย แต่ถ้ายังให้คลิปหนีบติดหัวอื่น ๆ ไปกับท่อดูดด้วยเราก็ดีใจกว่านี้
ส่วนที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่คือหัวดูดปากแคบแบบ 2-in-1 คือถ้าเอาหัวแปรงไปอยู่ที่ปลายแหลมจะไม่สะดวกเท่าไหร่ เพราะเมื่อรวมหัวกับตัวเครื่องแล้วจะยาวมากจนเกะกะเวลาทำความสะอาดไปหมด แถมหัวแปรงยังไม่ได้ยึดแน่นนักด้วย ที่สำคัญคือมันไม่มีหัวปากแหลมแบบที่มาพร้อมไฟแล้วด้วยครับ (เข้าไปดูในเว็บไดสันคือไม่มีเครื่องรุ่นไหนมาพร้อมหัวแหลมที่มีไฟแล้ว ไม่รู้ทำไม) เราจึงไม่ได้ใช้หัวนี้เท่าไหร่ เราจึงแนะนำให้ซื้ออุปกรณ์เสริมอย่าง “ชุดทำความสะอาดแบบละเอียด” เพื่อเอาหัวแปรงละเอียดมาใช้แทนหัวแปรงที่อยู่ในชุดครับ
ชุดทำความสะอาดแบบละเอียด
ชุดนี้ประกอบด้วยอุปกรณ์ 3 ตัวคือ
- แปรงปัดฝุ่นไร้รอยขีดข่วน ที่ขนแปรงทำจากเส้นใย PET ขนาด 0.05 mm จำนวน 8,100 เส้น ทำให้นุ่มมาก ใช้ดูดฝุ่นเฟอร์นิเจอร์ หรืออุปกรณ์ที่เป็นรอยได้ง่ายได้อย่างสบายใจ และสามารถดึงปลอกมาทำความสะอาดตัวเองได้ด้วย
- หัวดูดสำหรับซอกเข้าถึงยาก เป็นหัวปลายแหลมที่เล็กกว่าปกติ ที่สามารถบิดได้ 22 องศาสำหรับเข้ามุมยาก ๆ ได้ พร้อมปรับเป็นหัวแปรงได้ ซึ่งเราว่าหัวแปรงมันก็ติดกับปลายหัวแหลมได้ไม่ค่อยแน่นหนา
- สายดูดเพิ่มความยาว สายยางที่สามารถดึงออกเพื่อเพิ่มความยาวหรือจับบิดไปมาเพื่อทำความสะอาดในจุดต่าง ๆ ได้
ส่วนตัวเราแล้วใช้แปรงปัดฝุ่นไร้รอยขีดข่วน รวมกับสายดูดเพิ่มความยาวบ่อยครับ ทำความสะอาดคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ไอที รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ได้ดี แทนที่หัวแปรงที่มาในชุด Dyson V15 ไปเลย
โดยชุดนี้มีราคา 2,500 บาท แต่บางช่วงไดสันก็อาจจะมีโปรพิเศษลดราคาเมื่อซื้อพร้อมเครื่องครับ นอกจากนี้ไดสันก็ยังมีชุดหัวแปรงพิเศษอีกตัวคือ ชุดแปรงขนสัตว์เลี้ยง วางขายด้วยในราคาเท่ากัน เหมาะมากสำหรับบ้านที่มีน้องหมาแมวที่มีขนยาว ๆ หน่อย
ซึ่งชุดทำความสะอาดทั้ง 2 ชุดนี้สามารถซื้อไปใช้กับเครื่องดูดฝุ่นรุ่นเก่าได้ด้วย ใช้ได้ตั้งแต่ Dyson V7, V8, V10, V11, V12 และ Digital Slim ครับ
ความแตกต่างระหว่าง Dyson V15 Detect และ V12 Detect Slim
เครื่อง 2 รุ่นนี้วางตลาดในคนละกลุ่มกันนะครับ ตัว V15 ไม่ได้มาแทน V12 เดิม แต่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องดูดฝุ่นที่ใช้งานแตกต่างกัน
V15 Detect | V12 Detect Slim | |
---|---|---|
เทคโนโลยีไซโคลน | 14 ท่อ | 11 ท่อ |
ขนาดถังเก็บฝุ่น | 0.54 ลิตร | 0.38 ลิตร |
แรงดูด | 230 AW (รุ่น HEPA) 240 AW (รุ่นธรรมดา) | 150 Air-Watt |
ปุ่มใช้งาน | แบบไกปืน กดค้างเพื่อทำงาน | ปุ่มกดเริ่ม กดอีกทีเพื่อหยุด |
ระยะเวลาใช้งาน | 60 นาที | 60 นาที |
น้ำหนัก | 2.61 กก. | 2.2 กก. |
ราคาเริ่มต้น | 30,500 บาท | 28,500 บาท |
จะเห็นว่ารุ่น V12 Detect Slim นั้นสมชื่อคำว่า Slim ครับ คือตัวเล็กกว่า จุดฝุ่นได้น้อยกว่า กำลังน้อยกว่า ที่สำคัญคือน้ำหนักเบากว่า สำหรับคุณผู้หญิง หรือใครที่ต้องใช้งานนาน ๆ เราจึงแนะนำเป็นรุ่น V12 ดีกว่า เพราะพอเครื่องเบาก็ออกแรงน้อยกว่า ส่วน V15 Detect คือเกิดมาเพื่องานหนักเลย กำลังดูดมากกว่าเกือบเท่าตัว และถังเก็บฝุ่นใหญ่กว่าด้วย ไม่ต้องออกไปทิ้งบ่อย ๆ ครับ
สรุป Dyson V15 Detect นั้นเหมาะกับใคร
Dyson V15 Detect เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นที่มีกำลังมากที่สุดของไดสันในตอนนี้นะครับ ก็เหมาะสำหรับบ้านขนาดใหญ่ หรือใครที่ต้องการอุปกรณ์ทำความสะอาดที่มั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับทุกความสกปรกในบ้านได้ (ยกเว้นอะไรที่เกี่ยวกับน้ำนะ เครื่องนี้ดูดน้ำไม่ได้)
แต่ข้อจำกัดของ Dyson V15 Detect ก็คือน้ำหนักครับ เครื่องหนักกว่าไดสันรุ่นอื่น ๆ แบบรู้สึกได้ ถ้าไปลองจับแล้วรู้สึกว่าหนักจนใช้งานนาน ๆ ไม่ไหว เราก็แนะนำเป็น Dyson V12 Detect Slim แทนครับ เครื่องเล็กกว่า เบากว่า ได้หัวเลเซอร์เหมือนกัน แต่กำลังดูดน้อยกว่า และถังเก็บฝุ่นเล็กกว่านะ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส