รีวิว Devialet Dione ซาวด์บาร์ราคาเหยียบแสน กับเสียงหนักแน่นพร้อม Dolby Atmos ในชิ้นเดียว
Our score
8.5

Devialet Dione

จุดเด่น

  1. ซาวด์บาร์ที่จบในตัวเดียวอย่างแท้จริง ให้เสียงเบสได้หนักแน่นโดยไม่ต้องใช้ซัปวูฟเฟอร์แยก ให้มิติเสียงรอบทิศทางและ Dolby Atmos ในระดับแยกทิศได้
  2. ให้เสียงพูดในภาพยนตร์ได้ชัดใสเคลียร์
  3. ใช้ฟังเพลงก็ให้เสียงดีกว่าซาวด์บาร์ทั่วไป มีโหมดเสียงสำหรับฟังเพลงหลายแบบ
  4. รองรับ Spotify Connect, AirPlay 2 ทำให้ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ง่าย และหลากหลายกว่าการใช้ดูหนังอย่างเดียว
  5. ดีไซน์สวยงาม มี ORB หรือลูกกลมตรงกลางเป็นจุดเด่นของดีไซน์ แถมหมุนเปลี่ยนทิศทางตามการวางซาวด์บาร์ได้

จุดสังเกต

  1. ราคาสูง
  2. รองรับเฉพาะ Dolby ไม่รองรับระบบเสียง DTS
  3. มิติเสียงยังแพ้ Soundbar ที่มีลำโพงหลังจริง ๆ อยู่
  4. ไม่มีช่อง HDMI In ทำให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพกับทีวีที่รองรับ HDMI eARC เท่านั้น
  5. ไม่มีรีโมทจริง ๆ ให้ในกล่อง ต้องใช้ผ่านแอป หรือซื้อแยก
  • ดีไซน์

    9.0

  • คุณภาพเสียงภาพยนตร์

    9.5

  • คุณภาพเสียงเพลง

    8.5

  • มิติเสียงโอบล้อม

    8.5

  • ความคุ้มค่า

    7.0

Devialet (เดอเวียเลต์) นั้นมีผลิตภัณฑ์สร้างชื่อคือ Devialet Phantom ลำโพงทรงไข่ที่ให้เบสได้ลึกดิ่งถึงใจสุด ๆ แถมให้กำลังเสียงดังเกินขนาดลำโพงไปเยอะ (ซึ่งป๋าเต็ดรีวิวไว้แล้ว) ซึ่งเมื่อแบรนด์เครื่องเสียงจากฝรั่งเศสนี้ออกซาวด์บาร์รุ่นแรกของบริษัทอย่าง Devialet Dione (เดอเวียเลต์ ดียอง) จึงเป็นที่จับตาว่าจะให้เสียงได้จัดเต็มเหมือนกับลำโพง Phantom แค่ไหน รีวิวนี้เราใช้งาน Devialet Dione มานานกว่า 6 เดือน จะเล่าให้ฟัง

Devialet Dione ซาวด์บาร์ชิ้นเดียว ให้เสียงสมบูรณ์

การใช้ Devialet Dione แบบติดผนัง ให้หมุนลูกกลม ๆ ORB เป็นแบบนี้
การใช้ Devialet Dione แบบติดผนัง ให้หมุนลูกกลม ๆ ORB เป็นแบบนี้

จุดเด่นของ Devialet Dione คือการออกแบบให้เป็นซาวด์บาร์ที่มีแค่ชิ้นเดียวหรือ All in One Soundbar ที่ไม่ต้องมีก้อนซับวูฟเวอร์เพื่อสร้างเสียงเบสแยกออกมา และไม่มีลำโพงหลังเพื่อสร้างเสียงรอบทิศทาง แต่สามารถให้เสียงรอบทิศทางแบบ 5.1.2 Channel ได้ (หมายความมีแหล่งกำเนิดเสียงรอบทิศทาง 5 ช่องสัญญาณ, มีช่องสัญญาณเสียงเบส 1 ช่อง และให้เสียงจากเพดานในระบบ Dolby Atmos ได้ 2 ช่องสัญญาณ ซึ่งดูคำอธิบายเรื่อง Channel ของซาวด์บาร์อย่างละเอียดในคลิปป๋าเต็ดด้านล่างนี้ได้เลย)

Devialet Dione เหมาะมากสำหรับคนที่อยากได้ซาวด์บาร์ชิ้นเดียวจบ ไม่อยากตั้งลำโพงด้านหลังเพิ่ม หรือไม่อยากมีก้อนซัฟวูฟเวอร์ใหญ่ ๆ ให้ดูรกห้อง

การที่มีช่องสัญญาณเสียงมากขนาดนี้ในลำโพงแค่แท่งเดียวได้ ภายในของ Devialet Dione นั้นประกอบไปด้วยไดรเวอร์หรือดอกลำโพงถึง 17 ตัว ประกอบไปด้วยไดรเวอร์แบบ Full Range 9 ตัวสำหรับเสียงรอบทิศทางและเสียงที่ยิงขึ้นเพดาน และซับวูฟเฟอร์แบบ Long-Throw ที่จับเป็น 4 คู่ รวม 8 ตัวเพื่อให้เสียงต่ำระดับบ้านสั่น แต่ตัวลำโพงไม่สั่น เพราะการจับลำโพงซับวูฟเฟอร์เป็นคู่ ทำให้แรงสั่นสะเทือนจากเสียงต่ำในลำโพงถูกหักล้างกันไป

โดยสเปกของ Devialet Dione นั้นให้เสียงได้ในช่วง 24 – 21,000 Hz ซึ่งเสียงต่ำระดับ 24 Hz คือเกือบถึงขีดสุดที่มนุษย์จะได้ยิน และให้ความดังสุดที่ 101 dB ที่ระยะ 1 เมตร หมายความว่าลำโพงตัวนี้ดังมากพอที่จะทำให้ห้องดูหนังในบ้านทั่วไปกระหึ่มได้เหมือนโรงภาพยนตร์เลย

ดีไซน์ของ Devialet Dione

ORB ตรงกลางลำโพง
ORB ตรงกลางลำโพง

งานออกแบบของ Dione นั้นแปลกตากว่าซาวด์บาร์ทั่วไปเพราะมี ORB หรือลูกกลม ๆ ที่อยู่ตรงกลางลำโพงครับ ซึ่งไม่ใช่แค่ทำให้ดูมีเอกลักษณ์ แต่ ORB ทำหน้าที่เป็นลำโพงกลาง (Center) ส่งเสียงสนทนาเวลาชมภาพยนตร์ด้วย ซึ่งถ้าดูดี ๆ ตัว ORB นี้มี Passive Radiator ประกบคู่ที่ 2 ข้าง เพื่อให้ขับเสียงต่ำจากลำโพงกลางตัวนี้ออกมาดีขึ้น

นอกจากนี้ ORB ยังสามารถบิดได้ 2 ตำแหน่ง สำหรับการวางลำโพงบนโต๊ะ หรือการแขวนผนัง โดยดูง่าย ๆ คือให้โลโก้ Devialet หันออกมายังทิศทางที่คนนั่งดูทีวี ก็จะเป็นตำแหน่งของ ORB ที่ถูกต้องครับ

วัสดุหลักของซาวด์บาร์รุ่นนี้เป็น Anodized Aluminum ให้สัมผัสที่แข็งแรง แต่มีผิวสัมผัสที่ให้ความนุ่มนวล ส่วนด้านปลายที่เป็นที่อยู่ลำโพงนั้นนั้นจะเป็นผ้าเพื่อให้เสียงผ่านออกมาได้

Dione มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เพราะภายในของซาวด์บาร์ตัวนี้ประกอบไปด้วยลำโพง 17 ตัว ทำให้มีความยาว 120 cm x กว้าง 16.5 cm x สูง 8.8 cm ซึ่งความยาวระดับ 1.2 เมตรนี้จะดูเหมาะสมสำหรับทีวีขนาด 55 นิ้วขึ้นไป และทีวีหลายรุ่นก็ไม่มีพื้นที่บริเวณขาตั้งที่กว้างพอสำหรับการวาง Dione ไว้ใต้ทีวี ซึ่งถ้าโต๊ะวางทีวีเดิมมีพื้นที่ไม่พอ ก็ต้องซื้อโต๊ะเพิ่มเพื่อวางซาวด์บาร์รุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยซาวด์บาร์รุ่นนี้มีน้ำหนัก 12 กิโลกรัมครับ

เสียงของ Devialet Dione

Devialet Dione เป็นซาวด์บาร์แบบชิ้นเดียวที่ให้เสียงต่ำได้ลึกสุดใจตามสเปกเสียงต่ำสุด 24 Hz ของมันครับ ให้เสียงเบสได้หนักแน่น สั่นสะเทือนแบบที่เราจะต้องการจากการชมภาพยนตร์โดยไม่ต้องมีซับวูฟเฟอร์แยกชิ้นจริง ๆ ต่างจากแบรนด์ทั่วไปที่ต้องอาศัยซับวูฟเฟอร์แยก ถึงจะให้เสียงได้ระดับเดียวกับ Dione

แถม Dione ยังให้เสียงดังมาก เราใช้ในห้องนั่งเล่นขนาดราว 20 ตารางเมตร ใช้ความดังไม่เกิน 50% สำหรับเสียงแบบ Dolby Atmos ก็ดังทั่วห้องแล้ว ส่วนเสียงสเตอริโอหรือเสียง 5.1 ทั่วไป ใช้ราว ๆ 40% ก็ดังมากแล้ว ตรงนี้ก็มาจากเทคโนโลยีเฉพาะของ Devialet อย่างแอมป์ Analogue Digital Hybrid (ADH) ที่ให้เสียงนุ่มนวลแบบแอมป์แอนะล็อกแต่ตัวเล็กแบบแอมป์ดิจิทัล และ Speaker Active Matching (SAM) เทคโนโลยีที่รับรู้โปรไฟล์ของไดรเวอร์ และปรับจูนสัญญาณให้เหมาะสำหรับดอกลำโพงแต่ละตัว ทำให้เสียงเหมือนต้นฉบับ และรีดประสิทธิภาพออกมาได้โดยที่ลำโพงไม่แตก

และจุดเด่นอีกอย่างของ Dione คือเป็นลำโพงที่ให้เสียงช่องสัญญาณกลางดีมาก เสียงพูดคมชัดเคลียร์กว่าซาวด์บาร์อื่น ๆ ที่เราเคยเทสต์มา ซึ่งก็เป็นผลจากเจ้าลูกกลม ๆ ORB ที่ให้เสียงได้ชัดเจน และเทคโนโลยี Adaptive Volume Level (AVL) ที่คอยจูนระดับเสียงต่าง ๆ ให้เหมาะสม ทำให้เสียงพูดเบา ๆ ก็ดังชัดเจนขึ้นมาได้

ส่วนเรื่องมิติเสียง Dione จะมีเทคโนโลยี SPACE ช่วยอัปสเกลเสียงให้เต็ม 5.1.2 ทำให้เสียงสเตอริโอปกติก็ฟังดูมีทิศทางมากขึ้น ซึ่งเราได้ทดลองเล่นเกม Final Fantasy VII Remake บน PlayStation 5 ก็รู้สึกถึงเสียงฝีเท้าวิ่งรอบตัวชัดเจน รับรู้ได้ว่าเป็นเสียงฝีเท้าที่มาจากด้านหน้าหรือด้านหลัง ก็ทึ่งกับความสามารถในการสร้างเสียงจำลองด้านหลังแบบนี้ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องเสียงรอบทิศทาง ก็ยังสู้ซาวด์บาร์แบบที่มีลำโพงด้านหลังจริง ๆ ไม่ได้นะครับ

ส่วนระบบเสียง Dolby Atmos ที่มีลำโพงยิงขึ้น 2 ช่องสัญญาณเสียง เพื่อสะท้อนเพดานและตกลงมาเพื่อจำลองเสียงจากด้านบน ก็ทำได้ดีระดับหนึ่งครับ รับรู้ได้ว่ามีเสียงด้านบน แต่ไม่ได้มากมายนัก ซึ่งเรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสูงของเพดานห้องด้วยนะครับ

การใช้ Devialet Dione ฟังเพลง

ที่เล่ามาด้านบนทั้งหมดคือการใช้ Dione เพื่อชมภาพยนตร์นะครับ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นลำโพงเดอเวียเลย์ ก็เอาไปฟังเพลงได้ดีเกินซาวด์บาร์ทั่วไป โดยโหมดการฟังเพลงจะมี 3 โหมดที่ปรับได้จากแอป Devialet ในมือถือ คือ

  • Music ให้เสียงสเตอริโอปกติ
  • Voice เน้นเสียงพูด สำหรับฟัง Podcast
  • Spatial อัปสเกลเสียงดนตรีให้กลายเป็นเสียงรอบทิศทาง ใช้ประโยชน์จากไดรเวอร์ทั้ง 17 ตัวเต็มที่

แม้ว่าโหมด Spatial จะฟังดูดี มีการใช้เทคโนโลยี SPACE ในการสร้างเพลงที่มีเสียงรอบทิศทาง แต่เวลาใช้จริงเรากลับชอบเสียงที่เรียบง่ายจากโหมด Music มากกว่าครับ เพราะให้เสียงที่หนักแน่นเป็นธรรมชาติกว่า ในขณะที่โหมด Spatial อาจทำให้เพลงส่วนใหญ่มีเสียงที่ว้าวขึ้น รู้สึกอบอวลเวลาฟังมากขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ทำงานได้ดีกับทุกเพลงครับ บางเพลงอาจให้เสียงแปร่ง ๆ รู้สึกแปลกหูจนต้องมาเปลี่ยนกลับเป็นโหมด Music สุดท้ายเวลาฟังเพลงยาว ๆ แล้วขี้เกียจเปลี่ยนโหมดระหว่างฟัง เราเลยตั้งไว้ที่ Music ไปเลย

ซึ่งเสียงเพลงจาก Dione ก็ให้เสียงในสไตล์ Devialet ที่คุ้นเคยจากลำโพง Phantom เสียงกลางแหลมสดใส ชัดเคลียร์ แถมแยกมิติได้เป็นอย่างดี เพียงแต่ว่าจะให้เบสที่หนากว่า หนักกว่า ทำให้บางทีรู้สึกว่ามีเบสบวม ๆ อยู่นิดหน่อยเวลาฟังเพลงครับ

เทียบเสียง Dione กับ Devialet Phantom II 2 ตัว

Devialet Dione และ Devialet Phantom II 95 dB 2 ลูก
Devialet Dione และ Devialet Phantom II 95 dB 2 ลูก

ถ้าเราเทียบเสียง Devialet Dione กับ Devialet Phantom II 95 dB รุ่นเล็กที่เชื่อม 2 ตัวแบบสเตอริโอ ซึ่งมีค่าตัวแทบจะเท่ากัน (Dione ราคา 95,990 บาท ส่วน Phantom II 95 dB ราคา 47,990 บาท ใช้ 2 ลูกคือ 95,980 บาท) เสียงมีความแตกต่างกันดังนี้ครับ

ในแง่การชมภาพยนตร์ Dione ชนะขาดลอย ด้วยความที่เป็นซาวด์บาร์ที่ออกแบบมาเพื่อการชมภาพยนตร์โดยเฉพาะ จึงให้เสียงแบบภาพยนตร์ที่มีมิติโอบล้อม ให้เสียงด้านบนได้ แถมให้เสียงพูดได้ชัดเจน ส่วน Phantom II 2 ตัวแล้วต่อกับทีวี ก็ให้เสียงได้แค่สเตอริโอซ้าย-ขวาครับ ไม่มีช่องสัญญาณเสียงกลาง เวลาดูหนังก็จะรู้สึกว่าเสียงตรงกลางมันโบ๋ เสียงพูดก็ไม่ชัดเท่า ส่วนเสียงรอบทิศทางไม่ต้องพูดถึงครับ ได้แค่ซ้าย-ขวา

ในแง่การฟังเพลง อันนี้ Phantom II ในฐานะลำโพงฟังเพลงโดยเฉพาะก็ไม่ทิ้งลาย ชนะในเรื่องนี้ไปได้ โดยให้เบสได้หนักแน่นลงลึกยิ่งกว่า ด้วยเสียงต่ำระดับ 18 Hz จากเทคโนโลยี Heart Bass Implosion (HBI) แล้วพอต่อ 2 ลูกแบบสเตอริโอก็ให้เสียงที่ล่องลอย เจื้อยแจ้วไปทั่วบ้าน ฟังข้าง ๆ ไม่ได้ฟังตรงหน้าลำโพงก็ยังเพราะ ไม่เหมือน Dione ที่เสียงจะดีที่สุดก็ต้องฟังตรงหน้าซาวด์บาร์

และเสียงเพลงจาก Phantom จะอยู่ตรงกลางระหว่างโหมด Music กับโหมด Spatial ในการฟังเพลงของ Dione คือเสียงของ Phantom จะโปร่งกว้างกว่าโหมด Music แต่ก็ไม่ได้ล่องลอยจนแปลกหูเหมือนโหมด Spatial แถมเบสยังกระชับกว่า ไม่ออกบวมนิด ๆ เหมือนเสียงจาก Dione ด้วย

สรุป ถ้าต้องการเลือกลำโพงชิ้นเดียว เป็นลำโพงอเนกประสงค์สำหรับใช้งานร่วมกับทีวี และยังเปิดเพลงได้เพราะด้วย Devialet Dione คือคำตอบครับ ซื้อตัวเดียวจบ แต่ถ้าต้องการเสียงเพลงที่ดีที่สุดจากเดอเวียเลต์ด้วย ก็ต้องซื้อ Devialet Phantom เพิ่มแล้วแหละครับ

การเชื่อมต่อด้วยสายของ Devialet Dione

พอร์ตของ Devialet Dione
พอร์ตของ Devialet Dione

Devialet Dione มีช่องอยู่ด้านหลังของบอดีเพื่อซ่อนพอร์ตเชื่อมต่อทั้งหมด โดยมีการเชื่อมต่อ 3 พอร์ตคือ

  • ช่อง HDMI แบบ eARC สำหรับเชื่อมต่อเสียงกับทีวีรุ่นใหม่ ๆ ที่รองรับ ARC หรือ eARC
  • ช่อง Optical TOSLINK หรือสายใยแก้วนำแสง สำหรับการเชื่อมต่อกับทีวีหรืออุปกรณ์รุ่นเก่า
  • Gigabit LAN สำหรับเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (หรือจะไม่ต่อก็ได้ เพราะซาวด์บาร์รุ่นนี้ต่อ Wi-Fi ได้)

เมื่อรวมกับสายไฟก็จะเสียบสายเข้าเครื่องได้สูงสุด 4 เส้นครับ ซึ่งถ้าใช้กับทีวีรุ่นใหม่ ๆ ที่มีพอร์ต HDMI แบบ eARC ก็จะใช้งานซาวด์บาร์รุ่นนี้ได้เต็มประสิทธิภาพ เพราะพอร์ต eARC จะมีความเร็วสูงสุดราว 37 Mbps มากที่จะส่งสัญญาณเสียงทุกประเภทที่ Devialet Dione จะรองรับได้ ต่อสายเส้นเดียว จบทุกอย่าง แต่ถ้าทีวีรองรับแค่ HDMI แบบ ARC อันนี้ต้องเล่ากันยาวเลยครับ

ด้วยข้อจำกัดของ HDMI ARC ที่มีความเร็วสูงสุดราว 1 Mbps ทำให้ไม่สามารถส่งสัญญาณเสียงที่ไม่บีบอัดเลยแบบ LPCM 5.1 Channel (ที่มาจากเครื่อง PlayStation) หรือ Dolby Atmos ในรูปแบบ Dolby TrueHD (มักพบในแผ่น Blu-Ray) ระบบจึงต้องส่งสัญญาณแบบ Dolby Digital Plus ที่บีบอัดแทน ซึ่งทำให้คุณภาพเสียงลดลงไปบ้าง

แม้ทีวีรองรับแค่ ARC ก็ยังใช้งาน Dolby Atmos ในรูปแบบ Dolby Digital Plus ผ่านซาวด์บาร์ได้

สำหรับคนที่ไม่มีทีวีที่รองรับ HDMI eARC ก็น่าเสียดายที่ Devialet Dione นั้นไม่มีพอร์ต HDMI In แยกออกมาจากพอร์ต HDMI หลัก ทำให้ไม่สามารถต่อเครื่องเล่น (อย่าง PlayStation, เครื่องเล่น Blu-Ray หรือ Apple TV) เข้าไปที่ซาวด์บาร์โดยตรง เพื่อแยกเสียงคุณภาพสูงแบบ LPCM หรือ Dolby TrueHD ออกมาให้ซาวด์บาร์เล่น ก่อนที่จะส่งสัญญาณภาพผ่าน HDMI อีกพอร์ตไปออกทีวีได้

ส่วนการเชื่อมต่อด้วยเคเบิลใยแก้ว TOSLINK นี่ยิ่งข้อจำกัดเยอะเลยครับ รองรับเสียง Dolby 5.1 ในรูปแบบบีบอัดเท่านั้น และไม่สามารถควบคุมเร่งเสียง ลดเสียงของซาวด์บาร์ผ่านรีโมตทีวีได้ด้วย สำหรับผู้ใช้ทั่วไปเราจึงไม่แนะนำให้ใช้เท่าไหร่

ความร้อนระหว่างใช้ Dione อยู่ราว 40 องศา จับแล้วอุ่นไม่ต้องตกใจ เพราะภายในมีชิป ARM Cortex-A53 4 แกน พร้อมแรมอีก 1 GB เพื่อประมวลผลเสียง และส่วนประกอบของแอมป์อีก
ความร้อนระหว่างใช้ Dione อยู่ราว 40 องศา จับแล้วอุ่นไม่ต้องตกใจ เพราะภายในมีชิป ARM Cortex-A53 4 แกน พร้อมแรมอีก 1 GB เพื่อประมวลผลเสียง และส่วนประกอบของแอมป์อีก

และข้อจำกัดอีกเรื่องของลำโพงรุ่นนี้คือไม่รองรับระบบเสียง DTS ครับ รองรับแค่ระบบ Dolby เท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าคุณมีแผ่น Blu-Ray หรือ DVD ที่เป็นเสียงในระบบ DTS มันจะถูกแปลงเป็นเสียง PCM ธรรมดาก่อน ทำให้สูญเสียความพิเศษไป ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าในอนาคตเดอเวียเลย์จะอัปเดตเฟิร์มแวร์ให้ Dione รองรับเสียง DTS บ้างครับ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ดูหนังแผ่นเลย ดูแต่สตรีมมิงพวก Netflix, Disney+ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เพราะเสียงในสตรีมมิงแทบจะทั้งหมด เป็นระบบ Dolby แถมเป็น Dolby แบบที่บีบอัดด้วย ทำให้แม้เราต่อซาวด์บาร์ได้แค่ ARC ก็ยังฟัง Dolby Atmos ใน Netflix ได้ครับ

ซึ่งเรื่องการเชื่อมต่อทั้งหมดนี้นี้ป๋าเต็ดอธิบายไว้แล้วในวิดีโอวิธีเลือกซาวด์บาร์ที่แปะอยู่ด้านบนครับ ถ้าอ่านแล้วงง ลองฟังป๋าเต็ดเล่าอีกที

การเชื่อมต่อไร้สายของ Devialet Dione

กล่องของ Devialet Dione มาเป็นกระดาษไม่เคลือบ ไม่ทำสี เพื่อให้รีไซเคิลได้ง่าย ภายในประกอบไปด้วยสาย HDMI, สาย TOSLINK, สายไฟ, กระดาษแนะนำการเจาะผนัง
กล่องของ Devialet Dione มาเป็นกระดาษไม่เคลือบ ไม่ทำสี เพื่อให้รีไซเคิลได้ง่าย ภายในประกอบไปด้วยสาย HDMI, สาย TOSLINK, สายไฟ, กระดาษแนะนำการเจาะผนัง

ซาวด์บาร์รุ่นนี้รองรับ Wi-Fi และ Bluetooth ในตัวนะครับ ทำให้รองรับหลายเทคโนโลยีคือ

  • Spotify Connect หรือการเปิดเพลงจาก Spotify ไปออกที่ลำโพงโดยตรงได้ โดยหลังจากเปิดเสร็จสมาร์ตโฟนเครื่องที่เปิดเพลงไม่ต้องอยู่ในบริเวณก็ได้ เพลงก็จะเล่นต่อไปเรื่อย ๆ เพราะซาวด์บาร์จะดึงเพลงจากเซิร์ฟเวอร์ของ Spotify โดยตรงเลย
  • AirPlay 2 เพื่อส่งเสียงคุณภาพสูงจากอุปกรณ์ของแอปเปิ้ลได้ ซึ่งพอรองรับ AirPlay 2 ก็ใช้งานแบบ Multi Room กับลำโพงอื่น ๆ ที่รองรับ AirPlay 2 ได้นะครับ ทำให้ลำโพงทั้งบ้าน (ที่รองรับ AirPlay 2) เล่นเพลงเดียวกันได้
  • UPnP สำหรับส่งสัญญาณเสียงต้นฉบับผ่านเครือข่ายไปเล่นที่ซาวด์บาร์ เช่นเก็บไฟล์เพลงบน NAS แล้วต้องการเปิดเล่นที่ซาวด์บาร์โดยตรงก็ทำได้

แต่จุดที่ขาดไปคือ Dione ไม่รองรับ roon ready เหมือนลำโพงตระกูล Phantom ทำให้ใช้งานกับ roon โปรแกรมเล่นเพลงระดับ Audiophile ไม่เต็มประสิทธิภาพ และไม่รองรับ Tidal Connect ด้วย แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่มีลำโพง Devialet รุ่นไหนรองรับ Tidal นะ

ส่วนการรองรับ Bluetooth บอกตรง ๆ ว่าเรายังไม่เคยเทสต์ครับ เพราะการใช้ลำโพงบ้านที่ไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน เปิดเพลงผ่าน Wi-Fi ได้ประสบการณ์ที่ดี และคุณภาพเสียงดีกว่าเปิดผ่าน Bluetooth เยอะครับ

การควบคุมซาวด์บาร์

ซาวด์บาร์รุ่นนี้ออกแบบให้เราสั่งงานผ่านรีโมตทีวีเป็นหลัก (อาศัยมาตรฐาน HDMI-CEC ทำให้ถ้าเราเชื่อมต่อซาวด์บาร์ด้วยสายใยแก้ว TOSLINK จะไม่สามารถควบคุมผ่านรีโมตทีวีได้) จึงไม่มีรีโมทแถมมาให้ในกล่อง ซึ่งเราทดสอบกับทีวีของ Sony ก็ทำงานได้ดี เวลากดเพิ่ม-ลดเสียง ก็จะมีระดับเสียงขึ้นบอกที่ทีวี แต่ทีวีบางแบรนด์ก็จะไม่มีตัวเลขระดับเสียงขึ้นนะครับ

นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมซาวด์บาร์ได้ละเอียดขึ้นผ่านแอป Devialet ในสมาร์ตโฟนครับ โหลดฟรีทั้ง iOS และ Android ซึ่งใช้บอกรูปแบบการเชื่อมต่อของซาวด์บาร์ได้ด้วย เช่นในรูปด้านบนเขียนว่า Dolby Audio – DD+ หมายความว่ากำลังรับสัญญาณเสียงแบบ Dolby ผ่านการเข้ารหัสแบบ Dolby Digital+ อยู่ ส่วนถ้าเขียนว่า LPCM หมายถึงเป็นเสียงที่ไม่ได้บีบอัด (ซึ่งกดตัว i ดูเพิ่มได้ว่าเป็นเสียงสเตอริโอหรือเสียง Multichannel) และถ้าเขียนว่า Atmos ก็ชัดเจนว่ากำลังทำงานกับ Dolby Atmos อยู่ครับ

นอกจากแอปจะควบคุมระดับเสียงได้แล้ว ยังสามารถสั่ง Room calibration ให้ซาวด์บาร์ส่งเสียงทดสอบสภาพแวดล้อมแล้วใช้ไมโครโฟน 4 ตัวจับเสียงที่สะท้อนกลับมา เพื่อจูนเสียงให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมของห้องที่สุดก็ได้ นอกจากนี้ตัวแอปยังให้เราเลือกโหมดเสียงที่ถูกใจ หรือจะเปิดใช้โหมดลดเสียงเบสก็ได้ สำหรับคนที่คิดว่าเบสมันเยอะไป แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถปรับ EQ เพื่อลดหรือเพิ่มเสียงเบส-แหลมได้ตามต้องการนะครับ มีแค่เปิดกับปิดการลดเสียงเบสอย่างเดียว

ส่วนถ้าคุณอยากได้รีโมตจริง ๆ ก็สามารถซื้อ Devialet Remote ที่ใช้กับลำโพงของเดอเวียเลย์ได้ทุกรุ่นมาใช้ได้ในราคา 8,790 บาทครับ

ส่วนการควบคุมบนตัวลำโพง เจ้า Dione ก็มีปุ่มแบบสัมผัส 6 ปุ่ม คือปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง, ลดเสียง, เล่นเพลง/หยุดเพลง, เพิ่มเสียง, เชื่อมต่อ Bluetooth, เปิด/ปิดไมค์ ซึ่งเราสามารถเดินมากดที่ซาวด์บาร์โดยตรงได้เลย

สรุป Devialet Dione คุ้มไหมสำหรับการลงทุน

ปุ่มควบคุมทั้ง 6 ของ Devialet Dione
ปุ่มควบคุมทั้ง 6 ของ Devialet Dione

Devialet Dione ไม่ใช่ซาวด์บาร์ที่ถูก แม้จะมีชิ้นเดียวแต่ก็วางค่าตัวไว้ 95,990 บาท สูงกว่าซาวด์บาร์แยกชิ้นเต็มระบบตัวท็อปของหลาย ๆ แบรนด์เสียอีก แต่ถ้าคุณต้องการซาวด์บาร์ที่สวย วางชิ้นเดียวจบโดยไม่ต้องมีลำโพงลูกอื่น ๆ แถมให้เสียงดีงามทั้งสำหรับการชมภาพยนตร์และฟังเพลง Dione ก็เป็นตัวเลือกที่น่าคิดครับ รับประกัน 2 ปีด้วย

และ Devialet นั้นออกผลิตภัณฑ์ไม่บ่อย ลำโพงรุ่นหนึ่งจะขายในตลาดไปหลายปี ผลิตภัณฑ์จากเดอเวียเลต์จึงใส่ฮาร์ดแวร์แบบจัดเต็ม แล้วค่อย ๆ ออกซอฟต์แวร์อัปเดตตามมาทีหลัง (ซึ่งซอฟต์แวร์นี่ก็ไม่ได้อัปบ่อย ปีละ 1-2 ครั้งเอง) เราจึงเชื่อว่า Devialet Dione จะยังอยู่ในตลาดไปอีกหลายปี ก็ไม่แน่ใจว่าในอนาคตมันอาจจะรองรับ DTS หรือมีวิธีเสริมลำโพงด้านหลังสำหรับคนที่ต้องการเสียงรอบทิศทางที่แท้จริง มันก็มีความเป็นไปได้นะครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส