Our score
8.4[รีวิว] Hasselblad X2D 100C กล้องมีเดียมฟอร์แมต 100MP มี SSD 1 TB ในตัว ราคาเกือบครึ่งล้าน!
จุดเด่น
- เซนเซอร์มีเดียมฟอร์แมต 100 ล้านพิกเซล BSI CMOS
- กันสั่น 5 แกน 7 สต็อป
- จอ LCD และ EVF ใหญ่ ละเอียดเต็มตามาก
- วัสดุพรีเมียม
- ไฟล์ RAW 16-bit สีแน่น ๆ
- SSD 1 TB ในตัวกล้อง
- ระบบไวกว่ารุ่นเดิมมาก ทั้ง Auto focus, Blackout และ Shutter lag
- มิติระดับมีเดียมฟอร์แมต
จุดสังเกต
- ไม่มี Joystick เลื่อนจุดโฟกัสยากในบางสถานการณ์
- ตัวกล้องค่อนข้างมีน้ำหนัก ถ้าเทียบกับกล้องฟูลเฟรม
- ราคา...
- ไฟล์กินทรัพยากรคอมพิวเตอร์สูง
- เปิดไฟล์ RAW กับ Capture One ไม่ได้
- ไม่มีโหมดวิดีโอ
ถ้าพูดถึงกล้องระดับโปรที่เหนือขึ้นไปกว่าฟูลเฟรมเชื่อว่าทุกคนจะต้องนึกถึง ‘กล้องมีเดียมฟอร์แมต’ กันอย่างแน่นอน ซึ่ง 1 ในค่ายกล้องมีเดียมฟอร์แมตที่ขึ้นชื่อเป็นที่รู้จักในวงการช่างภาพมืออาชีพอย่างยาวนานก็คงจะไม่พ้นชื่อนี้ครับ กับ ‘Hasselblad’ แบรนด์กล้องสัญชาติสวีเดนที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2!
ที่เกริ่นมายาวขนาดนี้ต้องบอกว่ากล้องแบรนด์นี้เขาไม่ธรรมดาจริง ๆ กล้องที่ NASA เอาไปถ่ายบนดวงจันทร์เป็นครั้งแรกของโลกก็มาจากแบรนด์นี้นี่ล่ะครับ และในที่สุดเราก็ได้มีโอกาสได้รีวิวกับเขาบ้าง กับ ‘Hasselblad X2D 100C‘ กล้องมิเรอร์เลสมีเดียมฟอร์แมตรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับสเปกอัดแน่น เซนเซอร์ระดับ 100 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัสที่ไวกว่าเดิม กันสั่น 5 แกนก็มีมาให้ พร้อมกับ SSD 1 TB ในตัว ไม่ต้องเสียบเมมก็ใช้งานได้ทันที ในราคาเฉพาะบอดี 329,800 บาท อะไรมันจะล้ำขนาดนั้น ทั้งสเปกทั้งราคา 😂
สเปกหลัก Hasselblad X2D 100C
- เซนเซอร์มีเดียมฟอร์แมต 100 ล้านพิกเซล BSI CMOS (43.8 × 32.9 mm)
- Hasselblad X Mount
- กันสั่น 5 แกน 7 สต็อป
- RAW 16-bit
- Leaf / Electronic Shutter
- ISO 64-25,600
- PDAF 294 Zones
- ถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 3.3fps
- ชัตเตอร์สปีดสูงสุด 1/4000s
- จอ LCD 3.6 นิ้ว ระบบสัมผัส tilt ได้ 2.36 ล้านจุด
- OLED EVF 5.76 ล้านจุด กำลังขยาย 1.00x
- Top LCD 1.08 นิ้ว 158,400 จุด
- 1 TB internal SSD + CFexpress Type B (สูงสุด 512 GB)
- Wi-Fi, Bluetooth
- X Battery ใช้รุ่นเดียวกับรุ่น X1D II และ 907x 50c
- ขนาด 148.5 x 106 x 74.5mm
- น้ำหนัก 895 กรัม
บอดีและการจับถือ
สำหรับรูปร่างหน้าตาของเจ้า X2D 100C นั้นยังคงมาในทรงเดียวกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง X1D II 50C เลยครับ วัสดุตัวกล้องทำจาก Machined aluminium ดูพรีเมียมแข็งแรงน่าใช้งานมาก ๆ แต่ก็มาพร้อมน้ำหนักตัวเฉพาะบอดีเกือบ 900 กรัม กับเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่เห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็นกล้อง Hass แน่นอนก็ปุ่มชัตเตอร์สีส้มดูเด่นสะดุดตาตัดกับบอดีสีดำดุดันนี่ล่ะครับ รุ่นนี้ยังมี Top LCD ด้านบนบอดีกล้องมาให้ด้วย และไม่ใช่จอขาวดำธรรมดานะแต่เป็นจอสีขนาด 1.08 นิ้ว เอาไว้บอกตั้งค่ากล้องต่าง ๆ หรือสถานะแบตเตอรี่
ตัวกริปเองต้องบอกว่าออกแบบมาได้จับถนัดมือดีมาก ๆ มาพร้อมจอ LCD 3.6 นิ้ว ระบบสัมผัสที่งัดออกมาปรับองศา Tilt (เฉพาะมุมงัด) ได้แล้ว ความละเอียด 2.36 ล้านจุด ซึ่งถือว่าใหญ่กว่าจอ LCD กล้องทั่ว ๆ ไปพอสมควรเลยครับ ส่วนเรื่องสีสันความคมชัด และระบบสัมผัสก็ทำงานได้ดีสมกับราคากล้องจริง ๆ ถ้าให้อธิบายความรู้สึกคือมันเหนือกว่าจอกล้องทั่ว ๆ ไปหลายขุมเลยทีเดียว
ในขณะที่ปุ่มบนตัวกล้องก็มีเพียงไม่กี่ปุ่มเท่านั้น เน้นจิ้มหน้าจอเอาแทนเช่นการเลื่อนจุดโฟกัสเป็นต้น (แต่ไดอัลหน้าหลังหรือปุ่ม Mode, WB, ISO, AF-L, AF-D ยังมีอยู่นะ)
ช่องมองภาพตัวนี้เป็นแบบ OLED EVF 5.76 ล้านจุด ที่มาพร้อมกับกำลังขยายถึง 1.00x ที่ต้องบอกว่าทั้งละเอียด และขนาดใหญ่เต็มตามาก ๆ ถ้าได้ลองสักครั้งก็ยากที่จะลืมประสบการณ์ที่ได้สัมผัสลงได้
ส่วนพอร์ตต่าง ๆ ของรุ่นนี้มีเพียงแค่ Type-C (รองรับการชาร์จ Power Delivery) กับช่องเสียบ CFexpress Type-B เพียงเท่านั้นครับ โดยที่แบตเตอรี่ยังเป็น X Battery รุ่นเดียวกับ X1D II และ 907x 50C เสียบลงไปกลมกลืนกับฐานตัวกล้องได้เลยไม่ต้องมีฝาปิดแบตอะไรให้ยุ่งยาก
เซนเซอร์มีเดียมฟอร์แมตระดับ 100 ล้านพิกเซล!
ถ้าเป็นเรื่องกล้องหัวใจสำคัญก็ต้องเซนเซอร์รับภาพนี่ละครับ X2D 100C ใช้เซนเซอร์ขนาดมีเดียมฟอร์แมต 100 ล้านพิกเซลแบบ BSI CMOS ซึ่งใหญ่กว่าฟูลเฟรมพอสมควร (คูณ 0.79x ของเซนเซอร์ฟูลเฟรม) และด้วยความที่เซนเซอร์ใหญ่นี่ล่ะทำให้สามารถอัดความละเอียดถึง 100 ล้านพิกเซล เรียกว่าเก็บดีเทลได้ทุกเม็ด เอาไปถ่าย Portrait คือเห็นคนถ่ายสะท้อนในตาของแบบ ขณะที่เนื้อไฟล์ก็ยังฉ่ำ ให้ไฟล์ RAW ระดับ 16-bit กันเลยทีเดียว (กล้องทั่ว ๆ ไปตันที่ 14-bit) ถ้าคิดว่าฟูลเฟรมคือสุดแล้ว มีเดียมฟอร์แมตคือสุดกว่า
Color Science ของค่ายนี้จะเรียกว่า Hasselblad Natural Colour Solution หรือ HNCS ที่ให้โทนค่อนข้างเป็นธรรมชาติเลยครับ อ่านรีวิวนี้แล้วน่าจะสัมผัสเอกลักษณ์ไฟล์ของเจ้า X2D ได้ อ้อ Hass เขาไม่มีชุดชัตเตอร์ในตัวกล้องนะครับ ใช้ Leaf Shutter ในตัวเลนส์หรือ Electronic Shutter เท่านั้น
ลองครอปความโหดของ X2D 100C มาให้ดูดีเทล 100 ล้านพิกเซลว่าทำได้ดีขนาดไหน!
Tips: Leaf Shutter คือระบบชัตเตอร์ในเลนส์คล้ายกลีบรูรับแสง ข้อดีของกล้องที่ใช้ระบบนี้คือชัตเตอร์นิ่มนวลมาก และซิงก์แฟลชได้ทุกความเร็วชัตเตอร์ไม่ต้องพึ่งระบบ High Speed Sync
ระบบโฟกัส PDAF+CDAF โฟกัสได้ไวกว่าเดิมถึง 3 เท่า
ต้องบอกก่อนว่าผู้เขียนเคยจับ ๆ ลอง ๆ รุ่นก่อนอย่าง X1D II 50C มาบ้างแล้วครับ พอมาจับ X2D คือว้าวเลยทั้งระบบตัวกล้องหรือโฟกัสนั้นไวขึ้นมาก ๆ โดยระบบโฟกัสเป็นแบบ PDAF+CDAF (294 PDAF) ที่ครอบคลุม 97% ชองเฟรมภาพ โฟกัสไวขึ้น 3 เท่า โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับเลนส์ใหม่ ๆ อย่างเซต XCD 2,5/38V, XCD 2,5/55V และ XCD 2,5/90V
แต่ถ้าคิดว่ามันจะใช้งานเหมือนกล้องฟูลเฟรมยุคปัจจุบันอันนี้ก็ต้องบอกว่าไม่เชิงซะทีเดียวครับ ด้วยความที่เซนเซอร์มันใหญ่มาก ระบบโฟกัสก็อาจไม่ได้ไวเท่ากล้องที่เซนเซอร์เล็กกว่าเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ยิ่งไม่มี Joystick มาให้ด้วยอีก (รุ่นก่อนก็ไม่มี) ถ้าไม่ใช้วิธีโฟกัสแล้ว Recompose หรือใช้นิ้วจิ้มจุดโฟกัสใหม่ก็แนะนำว่าเอาตาส่องช่องมองแล้วใช้นิ้วเลื่อนจุดโฟกัสกับจอหลังกล้องเป็น Trackpad จะสะดวกกว่าครับ กล้องไม่ใช่ตัวเล็ก ๆ ถ้าต้องจิ้มจอทุกครั้งแขนก็รับไม่ไหว โดยเฉพาะติดเลนส์หนัก ๆ อย่าง XCD 2,8/135 เอาไปถ่าย Portrait
อีกอย่างคือรุ่นนี้มีระบบ AF-C ด้วย แต่ถ้าอยากได้ Face-Detection หรือ Eye-AF อันนี้ไม่มีให้ใช้เนอะต้องโฟกัสเอง เน้นสกิลช่างภาพระดับหนึ่งเลย
โหมด Crop สุดหลากหลาย มี XPan แนว Cinematic!
X2D 100C เป็นกล้องที่มีโหมด Crop ให้ใช้งานกันหลากหลายมากที่สุดเท่าที่เคยจับมาเลยล่ะครับ นอกจาก 16:9, 3:2 อะไรพวกนี้แล้ว สเกล A4, A3, 2:1, 5:4, 11:85 ยกมาหมด รวมถึงโหมด XPan ให้ภาพอัตราส่วน 65:24 แนว Cinematic เหมือนกล้องฟิล์ม Hasselblad XPan สุดโด่งดังในอดีตที่ราคาดีดไปหลักแสนบาทแล้วในปัจจุบัน
กันสั่น 5 แกน 7 สต็อป
ถ้าใครที่เคยใช้กล้องความละเอียดสูงคงรู้กันดีครับว่าการสั่นไหวเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้ภาพของเราเบลอได้ง่ายกว่าเซนเซอร์พิกเซลต่ำ ๆ X2D 100C ยังยัดระบบกันสั่น 5 แกนมาให้เสร็จสรรพ แถมเคลมว่าชดเชยชัตเตอร์สปีดได้ถึง 7 สต็อป จากที่ลองมาก็ช่วยได้เยอะครับ แม้ว่าผู้เขียนเองจะมือไม่นิ่งจนถือ 7 สต็อปได้ แต่ใช้งานจริง 2-3 สต็อปก็ไหวอยู่!
SSD 1 TB ในตัวกล้องไม่ต้องเสียบเมมก็ใช้ได้!
สิ่งที่ชอบมากของ X2D 100C คือ SSD 1 TB ในตัวนี่ล่ะครับ นอกจากทำให้ตัวกล้องทำงานได้ไวเช็กรูปหลังกล้อง 100 ล้านพิกเซลได้ลื่นไหลแล้ว ก็ยังสามารถใช้งานได้เลยไม่ต้องเสียบการ์ดเพิ่มก็ได้ ถ่าย RAW ได้ประมาณ 3,000 – 4,000 ใบก็เหลือเฝือแล้ว!
ความเร็วเขียนอ่านก็ไม่ใช่เล่น ๆ อยู่ที่ 2370MB/s และ 2850MB/ ตามลำดับ จากความรู้สึกคือนอกจากบันทึกหรือดูรูปได้ไวมากแล้ว เรื่อง Blackout หรือ Shutter lag ก็ทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนพอสมควรครับ ไม่รู้สึกหงุดหงิดเรื่องช้าตามสไตล์มีเดียมฟอร์แมตแล้ว รวมถึงเรื่องระบายความร้อนที่พัฒนาขึ้นกว่ารุ่นก่อนพอสมควร
วิดีโอ…
แม้จะจั่วหัวเรื่องวิดีโอมา แต่ทาง Hasselblad บอกว่ารุ่นก่อนใส่มาก็ไม่มีใครใช้ งั้นเราถอดออกเลยละกัน เพราะเหตุนี้ X2D จึงไม่มีฟีเจอร์วิดีโอใส่มาด้วยครับ… สำหรับสายภาพนิ่งที่เน้นคุณภาพแบบสุดติ่ง เรื่องอื่นเราไม่สน อะไรไม่ใช้ก็ตัดออก
ชมภาพจาก Hasselblad X2D 100C
เริ่มด้วยภาพ Portrait จาก X2D 100C กับเลนส์ XCD 2.8/135 (ระยะเทียบเท่าเลนส์ 105mm เป็นกล้องฟูลเฟรมแต่มิติยังคงเป็น 135mm) โทน JPG หลังกล้องไม่ได้ตบแต่งอะไรเพิ่ม อาจมีรีทัชบางจุดให้นางแบบบ้างเล็ก ๆ… อยากให้เห็นว่า Hasselblad Natural Colour Solution (HNCS) ให้โทนเป็นอย่างไรบ้าง
สารภาพว่าจริง ๆ ตอนต้นปี 2023 ผู้เขียนแอบได้เอา X2D 100C ไปเล่นที่ญี่ปุ่นมาแล้วแหละ แต่ตอนนั้นเวลาจำกัดมาก 2-3 วันเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้ไม่ครบ รอบนี้ได้เล่นเต็มที่ละมารีวิวได้ (ฮา)
สรุป
Hasselblad X2D 100C เรียกว่าเป็นกล้องที่สเปกกับราคาคุ้มค่าตัวมาก ๆ เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ ประสิทธิภาพโดยรวมถือว่าอัปเกรดขึ้นจาก X1D II 50C อย่างชัดเจน ทั้งด้านความเร็ว และการใช้งานที่ลื่นไหลคล่องตัวมากขึ้น กันสั่น 5 แกนที่ช่วยให้ภาพคมชัดง่ายกว่าเดิมเยอะ ถ้ามีงบซักครึ่งล้านแล้วอยากได้กล้องบ้าพลัง มิติแบบมีเดียมฟอร์แมต มีคอมแรง ๆ ไว้แต่งภาพ 100 ล้านพิกเซลอยู่แล้วคือจัดได้เลยครับ คุ้มค่าแน่นอน แต่ความคิดเห็นส่วนตัวโทนสีรวมถึง Skin tone ของ Hass ค่อนข้างดีงามอยู่แล้ว จะกด JPEG จบหลังกล้องก็สบายครับ (เพราะผู้เขียนก็ทำ ไฟล์ RAW มันใหญ่จัด 200MB+ แค่ JPG ก็หลัก 40MB แล้ว 😂) ทำให้รู้สึกอยากพกออกไปถ่ายรูปได้ทุกวันแม้จะค่อนข้างมีน้ำหนักก็ตาม
แต่ข้อสังเกตก็มีอยู่เหมือนกันครับ ถึงไม่นับเรื่องราคาแน่นอนว่ามันไม่ใช่กล้องสำหรับทุกคนล่ะ ทั้งระบบโฟกัสที่เราจะต้องเลื่อนจุดโฟกัสเอาเองไม่มีตัวช่วยอย่าง Face Detection หรือ Eye AF มาให้ ฟีเจอร์วิดีโอที่ถูกตัดทิ้งไปเลย หรือเรื่องน้ำหนักที่มากกว่ากล้องฟูลเฟรมทั่ว ๆ ไป รวมถึงต้องใช้ทรัพยากรสูงกว่าทั้งคอมพิวเตอร์ และหน่วยเก็บความจำ กับอีกสิ่งหนึ่งที่รู้สึกเสียดายมาก ๆ คือไฟล์ RAW ของ Hass ไม่สามารถเปิดกับโปรแกรมอย่าง Capture One Pro ได้ครับ แต่ถ้า Lightroom ยังได้ปกติ
X2D 100C มีราคาเฉพาะบอดี – 329,800 บาท และตอนนี้มีชุดสำหรับสายถ่ายภาพบุคคล ‘Lightweight Portrait Kit’ ประกอบด้วยเลนส์อีก 2 ตัว XCD 4/45P + XCD 1.9/80 (ระยะเทียบเท่าประมาณ 36mm และ 63mm บนกล้องฟูลเฟรม) ในราคาสุดคุ้ม 527,200 บาท (จากราคาปกติ 568,800 บาท)
สุดท้ายต้องขอบคุณทาง Srishti Digilife (Thailand) และ Hasselblad Thailand ที่ให้ยืมเซตกล้องรวม ๆ แล้วราคาเกือบล้านมารีวิวให้ครั้งนี้ด้วยครับ 🙏
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส