ตอนแรกที่ได้รับ Samsung Galaxy Z Fold5 มารู้สึกว่า มันสวยขึ้น และบางลงอย่างเห็นได้ชัด แล้วยิ่งถ้าเทียบกับรุ่นที่ยังใช้อยู่ปัจจุบัน คือ Z Fold2 มันบางลงอย่างชัดเจนเลย ส่วนเรื่องของการพับ เดิมมันจะป่องนิดนึง แต่ตอนนี้ พับสนิทแล้ว ถึงแม้ดีไซน์จะไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่แต่จะแตกต่างกันอย่างไรไปแบไต๋กันเลยดีกว่า

ดีไซน์

ดีไซน์ตัวเครื่อง Samsung Galaxy Z Fold5 ปีนี้ ก็มาในเทรนด์เดียวกันกับ S23 Ultra คือดีไซน์ต่อยอดจาก Z Fold4 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แค่ย้ายแฟลชกล้องหลัง จากด้านล่างของเลนส์กล้อง มาไว้ด้านบนขวาแทน ! ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องรุ่นนี้ก็เบาลงอีกหน่อย จาก 263 กรัมใน Z Fold4 เหลือ 253 กรัมเท่านั้น ! ส่วนที่เหลือก็คือเหมือนเดิม ทั้งการวางปุ่ม Volume, ปุ่มเปิด-ปิด และการวางพอร์ต USB-C 3.2 ด้วยเช่นกัน

นอกจากเรื่องของดีไซน์แล้ว สีปีนี้เขาก็มีเปลี่ยนนะ ซึ่ง Samsung ประเทศไทย เขาก็ได้เชิญสื่อ รวมถึงแบไต๋ ไปลองจับเครื่องจริงก่อนเปิดตัวด้วย Samsung Galaxy Z Fold5 วางจำหน่ายทั่วไปอยู่ 3 สีหลักคือ Phantom Black, Cream และ Icy Blue

วัสดุทั้งจอนอก และฝาหลังคือกระจก Gorilla Glass Victus 2 ที่แกร่งที่สุดในตอนนี้ โดยถ้าสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ Samsung.com ก็จะมีสีพิเศษให้ได้เลือกซื้อเป็นสี Blue, Gray ด้วย ส่วนวัสดุรอบเครื่องเป็น Armor Aluminum ที่แข็งแรงอยู่แล้ว

บานพับใหม่

Galaxy Z Fold5 มาพร้อมกับบานพับใหม่อย่างที่หลายคนรอคอยกัน ในรุ่นนี้เค้าเรียกวิธีพับจอแบบใหม่ว่า Dew drop Hinge โดยสามารถพับประกบกันสนิทแบบนี้ ! เป็น ‘Zero Gap Design’ ทีนี้ก็ไม่ต้องกลัวอะไรหลุดเข้าไปในจอแล้ว นอกจากนี้ยังเพิ่มความแข็งแรงโดยเพิ่ม dual rail structure เข้ามา ช่วยให้เกิดการกระจาย tension เมื่อมีการทำตกกระแทก

ไหน ๆ ดูเรื่องการพับแล้ว ลองดูความหนาของตัวเครื่องบ้าง คือตอนแรกที่สัมผัสตัวเครื่องก็พบว่ามันบางลงจริง เราขอวัดให้ดูเลยดีกว่าก็พบว่ามันหนาแค่ 13.4mm ตอนพับ และ 6.1mm ตอนกางเท่านั้นเอง
ตัวจอด้านในของ Samsung Galaxy Z Fold5 เป็นหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 7.6 นิ้ว Refresh Rate สูงสุด 120 Hz วัสดุเป็น ‘Ultra Thin Glass’ เหมือนเดิม ที่ถ้าเอาไปเปิดเนื้อหา HDR ก็จะคมชัดสวยงาม สมชื่อ Samsung Display เลย

นี่คือ UDC – Under Display Camera หรือกล้องใต้จอที่ถูกปรับปรุงใหม่ ซึ่งสามารถซ่อนกล้องใต้จอได้เนียนมากจนมองแทบไม่เห็น ด้วยการเพิ่มเม็ด Pixel ลงในบริเวณส่วนของกล้องหน้าให้มีความละเอียดมากขึ้น คือถ้าสังเกตอยู่ยังไงก็เห็นนะ แต่จอนี้มักจะแสดงผลพิกเซลตรงหางตาเรามากกว่า ซึ่งก็แทบดูไม่ออกแน่ พอพิกเซลมันมากจนบังจอไปหมด คุณเอา Z Fold 5 ไปเสพคอนเทนต์ขนาดใหญ่เต็ม 7.6 นิ้ว ดูซีรีส์เกาหลีก็คือไม่มีติดขัด ไม่มีรูกลม ๆ มาขวางตาเลย เหมาะกับสายเสพคอนเทนต์ และสายเกมแน่นอน

ส่วนจอนอกที่เป็น Dynamic AMOLED 2X แบบเดียวกับจอใน ขนาด 6.2 นิ้ว 120Hz อัตราส่วน 21.6:18 นี้ก็ยังถือว่าใหญ่เต็มตาอยู่ แม้จะเป็นอัตราส่วนที่ยังดูสูงอยู่บ้าง แต่นำไปใช้แบบพับปิดไว้ ถือใช้งานมือเดียวก็สบาย ๆ Flex Mode ที่จะกางเครื่องครึ่งหนึ่งเหมือน Laptop ที่เป็นเอกลักษณ์ก็ยังอยู่ ซึ่งแอปที่รองรับ จะมี Touch Pad ให้เหมือนใช้งานโน้ตบุ๊กก็ได้

รวมถึง Task Bar ด้านล่างนี้ก็ยังมีมาให้เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือจำนวน app สามารถใส่ได้มากขึ้นสูงสุด 12 apps ถ้าใช้ gesture control แบบนี้ คือมีแอปที่ เรียงมาจากหน้า Home, แอปที่เปิดล่าสุด แบ่งจอ Multi windows ได้สูงสุด 3 แอปเหมือนเดิม หรือทำเป็นแท็บลอยขึ้นมาก็ได้ และใช้ได้กับแทบทุกแอป ยังลื่นไหลเหมือนเดิม

ส่วนฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือ Two-hand drag and drop ได้ ทำให้การใช้งานต่าง ๆ ง่ายขึ้น กล่าวคือเราแตะภาพค้างด้วยมือข้างหนึ่ง และใช้อีกข้างส่งรูปข้ามแอปฯที่เราเปิดไว้คู่กันได้เลย สะดวกขึ้นมาก รวมถึงฟีเจอร์ดึงภาพออกจากพื้นหลัง ที่เคยเห็นในซีรีส์ S23 ใน Z Fold5 สามารถไดคัตภาพออกจากพื้นหลังตรงจากบนเว็บไปใช้ได้เลย พอเราไดคัตเสร็จ ก็นำไปใช้ต่อ เช่นส่งในแชต หรือแปะแอปอื่น ๆ ได้ทันที

อีกแอปที่กำลังจะมาถึงฝั่งซัมซุงคือ ‘Goodnotes’ แอปจดโน้ตชื่อดังก็มาลงให้ใช้ใน Z Fold5 และ Galaxy Tab S รุ่นใหม่ ๆ แล้วด้วย อันนี้ดีและสะดวกมากกับคนที่อยากใช้เพื่อการทำงาน แต่ยังเป็นแค่เบต้านะ

S-Pen

อุปกรณ์เสริมอย่าง S-Pen สำหรับ Galaxy Z Fold เขาได้มีการออกแบบใหม่ เพื่อใช้คู่กับ Z Fold5 โดยเฉพาะ คือเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดจาก S-Pen รุ่นเก่า (เกือบเท่ารุ่น S แล้ว) ซึ่งจะนำมาใช้กับ S-Pen Case รุ่นใหม่ ที่มีล็อกยึดปากกาไม่ให้หลุดง่ายด้วย

สเปก

ส่วนสเปก Z Fold 5 ก็จัดมาเป็นชิปเซตเรือธงประจำปีอย่าง Snapdragon 8 Gen 2 ตัวเดียวกันกับใน S23 Series เรือธงต้นปี และมีการขยายขนาดของ Vapor Chamber ให้ใหญ่ขึ้น 30% ช่วยระบายความร้อนได้ดีขึ้น มาพร้อมกับแผ่น Graphite ที่ช่วยนำความร้อนออกจากเครื่องอีกทางนึงด้วย

โดยจากเท่าที่เราได้ถือเทสต์เล่นกันมาสักพักเนี่ย แม้เราจะนำไปถ่ายวิดีโอ 4K 60fps ออกแดดหน้าสตูดิโอ District ก็เรียกได้ว่ายังไม่ร้อนมากเท่าไหร่ แค่อุ่น ๆ นะ เครื่องยังไม่ Throttle และแล็กใด ๆ ซึ่งการเล่นเกมที่มีกราฟิกหนัก ๆ อย่าง Genshin Impact เท่าที่เราลองเล่น ปรับภาพกราฟิกสุด และตั้งค่าเฟรมเรตที่ 60FPS เล่นบนจอใหญ่ขนาดนี้ก็ใหญ่สะใจเต็มตามากเลยทีเดียวนะเนี่ย แม้เล่นไปแล้วราว 10 นาที ตัวเครื่องก็เรียกได้ว่ามีอุณหภูมิอุ่น ๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับร้อนมาก และยังรักษาเฟรมเรตประมาณ 60FPS ไว้ได้ โดยเราได้ทดสอบเกม Honkai : Star Rail และ RoV แบบปรับสุด, 60FPS ไปด้วย ก็เล่นได้ลื่น ๆ ไม่มีเฟรมตก

กล้อง

กล้องถ่ายภาพของ Z Fold 5 มาพร้อมกับเซ็ตอัปกล้อง 3 ตัว ประกอบไปด้วย Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล, Wide 50 ล้านพิกเซล และ Telephoto 10 ล้านพิกเซล กับกล้อง Cover ขนาด 10 ล้านพิกเซล และกล้อง UDC ด้านในขนาด 4 ล้านพิกเซล

แม้กล้องจะเหมือนเดิม แต่ด้วยความที่ Z Fold 5 ใช้ชิปเซตใหม่ ภาพถ่ายที่ process ออกมาก็ถือว่าทำได้ดีขึ้น และรวดเร็วมากขึ้น จากการลองไปถ่ายภาพหลายสภาพแสง ภาพที่ Process ออกมาก็ทำได้ดีในเรื่องจัดการความสว่าง, ดีเทล, Dynamic Range ก็ได้คุณภาพดี สีไม่แปลก และอุณหภูมิสีที่ดีด้วย ส่วนเลนส์ Ultra Wide ที่เก็บภาพได้กว้าง 123 องศา ก็มี Dynamic Range และดีเทลที่ดีไม่แพ้กล้องหลักนะ

ด้านเลนส์ Tele ก็สามารถ Space Zoom เป็นระยะจริง 3x และ Digital Zoom ได้ 30x ซึ่งในสภาพแสงกลางแจ้งก็สามารถหวังผลได้ถึงประมาณ 20x เลย คุณผู้ชมลองดูดีเทลได้ แต่ถ้าจะจำเป็นต้องใช้ไกลขนาดนั้นจริง ๆ 30x ก็ยังเอาอยู่ แต่ขอสภาพแสงดี ๆ หน่อยนะ

ในการถ่ายภาพ Portrait สามารถถ่ายได้ 3 ระยะเลยคือ 1x 2x และ 3x ซึ่ง 2x ก็จะได้คุณภาพภาพดีที่สุด คือได้สกินโทนที่ออกมาดูดี ไม่ติดเหลือง และถ่ายได้หลายสภาพแสงด้วย โดยระหว่างถ่าย เราสามารถเปิด Dual Preview ให้ถ่ายภาพได้โดยที่แบบเห็นตัวอย่างภาพก่อน ไว้จัดท่าได้ด้วย หรือจะยก Z Fold 5 มาถ่ายเซลฟีด้วยกล้องหลักก็ได้เช่นกัน

ส่วนการถ่ายภาพกลางคืน แม้จะใช้เวลาถ่ายแอบนาน (2-5 วินาที)​ แต่พอถ่ายแล้ว จะให้ภาพที่แม้จะมืดสนิทก็ยังได้ภาพที่สว่าง และชัดได้ แต่ตอนถืออาจจะต้องถือนิ่ง ๆ หน่อยนะ รวมถึงตอนนี้ทางซัมซุงเขาบอกว่า Z Fold 5 จะถ่าย – Astrophoto, Astro Hyperlapse แบบใน S23 Series ได้แล้วด้วย ผ่านแอป Expert Raw ซึ่งต้องรออัปเดตมาในอนาคตนะ วันถ่ายทำยังไม่เปิดให้ดาวน์โหลด

พอพูดว่าเซลฟีกับเครื่องนี้ก็แหม่ เราเลือกใช้ได้ถึง 3 รูปแบบเลยนะ คือกล้อง UDC ด้านใน กล้องบนจอ Cover และกล้องหลักด้านหลัง เดี๋ยวลองถ่ายแต่ละอันแล้วเทียบให้ดู

กล้อง UDC ด้านในก็อยู่ในระดับที่พอใช้ประชุมกับหน้าจอใหญ่ด้านในได้ ส่วนกล้องบนจอ Cover ก็ได้คุณภาพดีเลย process ภาพได้คมชัด และถ้าอยากเน้นคุณภาพเลย ก็ใช้จอ cover เป็น viewfinder แล้วถือถ่ายตัวเองด้วยกล้องหลัง ก็จะได้คุณภาพสูงที่สุด

แบตเตอรี่

แบตเตอรี่ของ Z Fold5 นั้นให้มาที่ 4,400 mAh ซึ่งด้วยความเป็นจอพับก็ถือว่าใหญ่มากแล้ว และในพื้นที่ที่จำกัดแบบนี้ด้วย และจาก Snapdragon 8 Gen 2 ที่ค่อนข้างเก่งเรื่องการจัดการพลังงาน ก็จะทำให้แบตอึดมากขึ้นประมาณ 1.3 ชม. (average usage time) โดยเท่าที่ให้กองบรรณาธิการทดสอบเล่น Genshin Impact กราฟิกสุด ความสว่างจอประมาณ 50% นานเป็นเวลา 10 นาที แบตลดไปแค่ 5%! อึดมาก ถ้านำไปใช้งานทั่วไป จะทำให้ใช้งานได้ยาวนานกว่านี้แน่นอน

ส่วนการชาร์จแบตกลับ ก็รองรับการชาร์จเร็วที่ 25W ที่ใช้หัวชาร์จ PD เสียบได้เลย และชาร์จไร้สายได้ 15W

ข้อสังเกต

อย่างแรกที่เราสังเกตเจอคือรอยพับของหน้าจอที่ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง, ปากกา S-Pen ใหม่ใช้ได้แค่เฉพาะจอใน, และเรื่องของ Codec เสียงที่รองรับน้อยเหมือน S23 Ultra เป๊ะ ๆ เลย แต่ก็มี Codec เสียงเฉพาะ ของ Samsung Galaxy Buds อย่าง SSC อยู่

ราคา

Samsung Galaxy Z Fold 5 สมาร์ตโฟนจอพับเรือธงจากซัมซุงแห่งปี วางจำหน่ายในประเทศไทยที่ราคา 59,900 บาท ในความจุเริ่มต้น 12/256 GB และยังมีสเปกอื่น ๆ อีกตามนี้เลย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส