รีวิว Moto Z Play: Play More if You Can
Our score
7.4

Moto Z Play

จุดเด่น

  1. หน้าจอใหญ่และชัด
  2. รองรับ WiFi 5G
  3. มีอุปกรณ์เสริมที่หลากหลาย
  4. แบตเตอรี่อึด ใช้ข้ามวันสบายๆ

จุดสังเกต

  1. น้ำหนักเยอะแบบรู้สึกได้
  2. ขนาดเครื่องที่ใหญ่
  • กราฟิก

    7.0

  • รูปแบบการเล่น

    7.5

  • ความแปลกใหม่

    7.0

  • ความคุ้มค่า

    7.5

  • ภาพรวม

    8.0

ช่วงสองถึงสามวันที่ผ่านมานี้ ทีมงานแบไต๋ได้ลองสมาร์ทโฟนที่หลายต่อหลายคนต้องหันมาเหลียวมอง อย่าง Moto Z ที่มีจุดเด่นในหลายต่อหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องของการใช้อุปกรณ์เสริม Moto Mods เสริมความสามารถให้สมาร์ทโฟนเครื่องนี้ ทำอะไรได้มากกว่าเดิม

เครื่องที่ได้รับมารีวิวในครั้งนี้ คือเครื่อง Moto Z Play อ้าว! แล้วทำไมไม่เป็นตัว Z ที่เป็นรุ่นท็อปฟอร์มล่ะ… อย่าเพิ่งโวยวายก่อน ถึงจะเป็นตัว Z Play แต่ก็มีดีไม่แพ้กันนะ…

dsc_0651

เริ่มต้นดูที่รูปลักษณ์ภายนอกกันก่อนเลย ขนาดถือว่าใหญ่พอสมควรกับจอ 5.5 นิ้ว เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนขนาดสามัญที่มีหน้าจอเฉลี่ยอยู่ที่ 5 นิ้ว จับได้กระชับและพอดีมือ มีความหนาอยู่พอสมควร

dsc_0656

บอดี้รอบเครื่องเป็นโลหะ ปุ่มปรับระดับเสียงและปิดหน้าจออยู่ฝั่งขวา

ด้านบน เป็นช่องใส่ซิม ซึ่งมีความไม่เหมือนใครตรงที่ สามารถใส่ซิมขนาด Nano Sim ได้ถึงสองซิม และอีกด้าน ใส่ Micro SD ได้อีกด้วย! ต่างจากสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นอื่นๆ ที่ถาดใส่จะเป็นแบบ Hybrid แต่ต้องเลือกว่าจะใช้ทีเดียวสองซิม หรือถ้าอยากใส่ตัวการ์ด ก็ต้องเลือกใช้งานแค่ซิมเดียว

dsc_0651_cr

ด้านหน้ามี Finger Scanner สามารถอ่านลายนิ้วมือของเจ้าของเครื่อง ในการปลดล็อคหน้าจอ หรือใช้งานในการยืนยันชำระค่าบริการ ถือว่ามีความไวพอสมควรเมื่อแตะลงไป

dsc_0662

มีกล้องหน้า และกล้องหลัง ส่วนของกล้องหลังมีแฟลช 2 สี ทำให้ภาพที่ถ่ายด้วยแฟลชนั้นดูมีสีที่นวลขึ้น (ระบบแฟลชสองสีนี้ มีครั้งแรกใน iPhone 6) ส่วนกล้องหน้า ก็มีแฟลชให้มาอีกด้วย ใครที่ชอบเซลฟี่ก็เพลิดเพลินในการถ่ายภาพอย่างแน่นอน

img_20161027_162414244-horz

ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า ด้านซ้าย – ไม่ใช้แฟลช และด้านขวา – ใช้แฟลชหน้ากล้อง

มาถึงเรื่องของไส้ในกันบ้างดีกว่า สเปกของ Moto Z Play ถือว่ามีการปรับลด และเพิ่มในบางจุด แต่ไม่ได้ทำให้เลวร้ายหรือด้อยกว่าตัวพี่ใหญ่อย่าง Moto Z

เริ่มแรก ซีพียูที่ให้มาในเครื่องนี้ คือ Qualcomm Snapdragon 625 ความเร็ว 2 GHz แบบ 8 แกนสมอง พ่วงด้วยจีพียู Adreno 506 ความเร็ว 650 MHz รันด้วย Android 6.0.1 Marshmallow แสดงผลบนหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 X 1080 พิกเซล 403 ppi รองรับการแสดงวิดีโอแบบ 4K 30 fps กระจกหน้าจอเป็น Corning Gorilla Glass 3 ตัดขอบให้มีความมนเล็กน้อย

ลำโพงอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับลำโพงโทรศัพท์ อยู่ในตำแหน่งด้านหน้าพอดี เสียงที่ออกมาถือว่าใช้ได้ แต่ถ้าฟังแบบเปิดจนสุดเลยเนี่ย อาจจะดูเหมือนเสียงแตกนิดๆ (ก็ขอแนะนำว่าอย่าเปิดเพลงแบบอัดระดับเสียงจนสุดละกัน เดี๋ยวจะเสื่อมซะก่อน ไม่ว่าเครื่องไหนก็ตาม…)

สเปกในส่วนอื่นๆ

  • กล้องหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0 มีเลเซอร์โฟกัส และแฟลชสองสี
  • กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล f/2.2 แฟลชสีเดียว รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 4K 30 fps พร้อม Beauty Mode
  • การเชื่อมต่อของตัวเครื่อง มีทั้ง Bluetooth 4.0 WiFi รองรับ Dual Band (2.4 GHz + 5 GHz) a/b/g/n มี NFC
  • ใช้การเชื่อมต่อแบบ USB-C

จุดที่ชื่นชอบ (เป็นการส่วนตัว)

คือตัวของที่ชาร์จแบตที่ให้มาในกล่อง นอกจากจะให้สาย USB-C เผื่อนำไปใช้กับหม้อแปลงที่มีอยู่แล้ว ยังให้ที่ชาร์จ TurboPower แบบมาพร้อมปลั๊ก ใช้งานได้ทุกที่ เหมื่อนได้หวลรำลึกไปถึงยุครุ่งเรืองของฟีเจอร์โฟน ที่ชอบแถมที่ชาร์จสไตล์นี้มาให้ใช้งาน

จุดสังเกต

อย่างแรก ขนาดตัวเครื่อง ถึงจะบอกว่าจับได้อย่างกระชับมือก็จริง แต่สำหรับบางท่าน ขนาดในการใช้งานอาจจะมีปัญหาก็ได้ บางท่านอาจจะชินกับสมาร์ทโฟนที่มีขนาดเล็กอยู่เป็นทุนเดิม รวมไปถึงเรื่องของน้ำหนักเครื่องที่มีถึง 165 กรัม แต่เมื่อลองใส่ในกระเป๋ากางเกงแล้ว ถือว่ามีน้ำหนักอยู่พอสมควร อาจจะทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเมื่อต้องใส่แล้วเดินไปในที่ต่างๆ

อีกหนึ่งอย่าง คือตัวที่ชาร์จ TurboPower ที่ให้มานี่แหละ มีการเขียนระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “TurboPower รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟนที่มีโหมด Turbo เท่านั้น” นั่นเท่ากับว่า ต่อให้มีสมาร์ทโฟนที่มีพอร์ต USB-C แต่ถ้าไม่มี TurboPower หรือ FastCharge (หรือชื่ออื่นๆที่ยี่ห้อนั้นเรียกกัน) ก็ไม่ได้ชาร์จได้เร็ว

dsc_0664

หลายท่านอาจจะสงสัยว่าทำไม ทีมงานแบไต๋ถึงนิยามว่า ‘Play More if You Can’ ก็ตรงที่แบตเตอรี่นี่แหละ บอกได้คำเดียวว่า “อึด” เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนที่ขนาดหน้าจอใกล้เคียงกัน แบตเตอรี่ที่ให้มามากถึง 3510 mAh สแตนด์บายได้นานสุดถึง 50 ชั่วโมง! แถมรองรับการชาร์จแบบ TurboPower ชาร์จไวมากๆ โดยใช้เวลาช่วงสั้นๆ

สุดท้ายนี้ พูดถึงเรื่องของราคากันบ้าง Moto Z Play อยู่ที่ 15,900 บาท ส่วนพี่ใหญ่ สเปกจัดเต็ม Moto Z อยู่ที่ 23,900 บาท ทั้งนี้ ยังไม่รับรวมกับตัวอุปกรณ์เสริม Moto Mods ที่ขายแยกต่างหาก

ใครที่อยากลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่อย่าง Moto Z หรือ Z Play ก็สามารถไปสัมผัสและเลือกซื้อได้ ที่ True Shop, Jaymart, และ TG Fone ทุกสาขา