Our score
8.3[รีวิว] GoPro Hero 12 Black กล้องแอ็กชันที่ดีกว่าเดิม แบตอึด ต่อ AirPods เป็นไมค์ได้ด้วย!
จุดเด่น
- แบตอึดขึ้น 2 เท่า
- HDR และกันสั่นทำได้ดีกว่าเดิม
- เชื่อมต่อหูฟังไร้สายอย่าง AirPods เป็นไมค์ได้
- รองรับการทำ Timecode ไม่จำกัดกล้อง
- ปรับอัตราส่วนง่ายขึ้น ไม่ต้องไปใช้ Pro mode
- Max Lens Mod 2.0 กว้างสะใจด้วยมุมมองภาพกว้าง 177 องศา
- รู Tripod-mount แบบมาตรฐาน 1/4"
- ราคาถูกลงกว่ารุ่นก่อน เหลือเพียง 14,900 บาท
จุดสังเกต
- สเปกพื้นฐาน + หน้าตายังคงเหมือนรุ่นที่แล้ว
ถ้าพูดถึงกล้องแอ็กชันสายลุยเชื่อว่าหลาย ๆ คนจะต้องนึกถึงชื่อ GoPro เป็นอันดับแรก ๆ แน่นอนครับ ซึ่งในปีนี้ก็มาถึงรุ่น ‘GoPro Hero 12 Black’ กันแล้ว กับสเปกและหน้าตาที่เหมือนรุ่นก่อนเลย ไม่ว่าจะเป็นเซนเซอร์ขนาด 1/1.9″ วิดีโอ 5.3K 60p แต่ได้อัปเกรดหลายสิ่งภายในให้ดีและครบเครื่องยิ่งขึ้น ทั้งกันสั่น, การถ่าย HDR และอื่น ๆ อีกเพียบ เรียกว่าน่าใช้กว่าเดิมสุด ๆ แถมแบตอึดกว่าเดิมถึง 2 เท่าเลยนะ
รีวิวนี้ส่วนใหญ่เราจะมาเน้นในส่วนฟีเจอร์ถูกเพิ่มเติมเข้ามา และปรับปรุงให้ดีขึ้นจากรุ่นก่อนเป็นหลักนะครับ แต่ก่อนเราจะไปเริ่มรีวิวกัน มาดูสเปกพื้นฐานของเจ้ารุ่นนี้กันก่อนเลย!
สเปก GoPro HERO 12 Black
- เซนเซอร์ 1/1.9 (อัตราส่วนภาพ 8:7)
- กันสั่น HyperSmooth 6.0 พร้อม AutoBoost + Horizon Lock 360 องศา
- 5.3K60p, 4K120p, 2.7K240p
- slow-motion 8X
- จอ Dual screen
- รองรับวิดีโอ 10-bit 1 พันล้านเฉดสี
- ภาพนิ่ง 27MP (มี RAW)
- จับภาพจากวิดีโอได้สูงสุด 24.7MP
- กันน้ำลึก 10 เมตร แบบไม่ใส่เคส
- Webcam + Live Streaming
- Max lens mod 2.0
- แบตเตอรี่ ENDURO ความจุ 1720mAh
- ฟังก์ชัน Time Lapse ที่มีทั้ง Star Trails, Light Painting และ Vehicle Light Trails
- ฟังก์ชัน Super Photo ช่วยปรับตั้งค่าไฟล์ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมอย่างรวดเร็ว
- Hind Sight สำหรับบันทึกวีดีโอล่วงหน้าก่อนกดชัตเตอร์สูงสุด 30 วินาที
- น้ำหนัก 154 กรัม
บอดี้คล้ายเดิม แต่ก็มีบางสิ่งที่เปลี่ยนไปและชอบมาก!
สำหรับในรุ่น Hero 12 Black บอกเลยว่ารูปร่างหน้าตาภายนอกนี้เหมือนเดิม ไม่ว่าจะจอ Dual screen ดูเฟรมจากจอด้านหน้าได้หรือการวางปุ่มต่าง ๆ แต่ที่สังเกตได้เลยคือรุ่นนี้เขาจะเพิ่มลวดลายสีฟ้า ๆ เหมือนพ่นสีฝุ่นเอาไว้ที่ตัวบอดี้ด้วยครับ ซึ่งก็ดูสวยดีจะได้ไม่หยิบสลับกับรุ่นก่อนนั้นเอง
แม้ดูผ่าน ๆ นอกจากลวดลายสีฟ้าที่เพิ่มเข้ามาแล้วอย่างอื่นจะเหมือนเดิมเลย แต่บอกเลยว่าจุดนี้สิครับว้าวจริง GoPro เขาเปลี่ยนรู Tripod-mount ใต้ฐานบอดี้เป็นแบบ 1/4″ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หมายความว่าเราสามารถติดอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ทั่วไปได้เลยโดยไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์แปลงแล้วนั้นเอง เย้!
งานนี้เอาไปติดอุปกรณ์เสริมก็ง่ายเลย แม้จะเหมือนเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่บอกเลยแฟน GoPro น่าจะชอบกันแน่นอนกับฐานมาตรฐานตัวนี้
สเปกเดิมแต่แบตอึดขึ้น 2 เท่า
Hero 12 Black ยังคงใช้เซนเซอร์ 1/1.9″ (6.3 x 5.5mm) อัตราส่วน 8:7 สุดใหญ่โต ความละเอียด 27 ล้านพิกเซล ที่ถ่ายได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนสุดง่ายดาย แต่แบตเตอรี่นั้นอึดขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า เลยครับ ใช้เป็นแบต ENDURO ความจุ 1720mAh ตัวเดิมนี่แหละ แต่เคลมว่าบันทึก 5.3K 60p ได้นานถึง 70 นาที และ 4K 120p ที่ 58 นาที
ซึ่งจากที่ลองทดสอบบันทึก 5.3K 60p ยาว ๆ พบว่าฮีตตัดไปก่อนตั้งแต่ช่วงนาทีที่ 20 แล้วครับ แต่แบตยังเหลือประมาณ 65-70% เลย ต้องยอมรับว่าระบบจัดการพลังงานในรุ่นนี้ถือว่าทำได้ดีจริง ๆ
อัปเกรด HDR ที่ดีกว่าเดิม
ฟีเจอร์ HDR คุณภาพวิดีโอดีขึ้นไปอีกขั้น ที่ความละเอียดสูงสุด 5.3K 30p และ 4K 60p ด้วยการถ่าย Multi exposure มารวมไว้ในเฟรมเดียว ซึ่งให้สีสดสวยงามสไตล์ GoPro เขาล่ะครับ ดูได้จากรูปด้านล่าง ตอนปิดโหมด HDR ในส่วน Highlight นั้นล้นหายไปเลยทั้งแสงสะท้อนน้ำ และดวงอาทิตย์ แต่พอเปิด HDR ก็สามารถเก็บสีสันออกมาได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น!
เชื่อมต่อ AirPods หรือหูฟัง TWS ใช้งานเป็นไมค์ได้แล้ว!
ฟีเจอร์สุดเจ๋งที่เพิ่มเข้ามาแล้วไม่พูดถึงไม่ได้ต้องนี่เลยครับ ฟีเจอร์เชื่อมต่อหูฟังไร้สายหรือ TWS นอกจาก AirPods แล้วหูฟังไร้สายยี่ห้ออื่น ๆ ก็ใช้ได้เหมือนกันนะ ส่วนคุณภาพเสียงก็แล้วแต่รุ่นที่เอามาเชื่อมต่อเลยครับ แถมเชื่อมต่อได้สูงสุดถึง 4 อุปกรณ์เลย
วันที่เราเอาไปเทสต์สภาพแวดล้อมมีลมแรงซักหน่อย ไปดูกันว่าเจ้า GoPro Hero 12 Black ต่อกับ AirPods Pro จะทำได้ประมาณไหนดูได้ในวิดีโอด้านล่างเลยครับ!
กันสั่น HyperSmooth 6.0
ในรุ่นนี้ก็ได้อัปเกรดกันสั่น HyperSmooth 6.0 กันแล้ว ที่เคลมว่าทำได้นิ่งและนุ่มนวลกว่าเดิม รวมถึงสามารถเปิดโหมด Autoboost หรือ Horizon Lock ให้เส้นขอบฟ้าตั้งตรงตลอดเวลาได้ (แต่อาจมีครอปเฟรมภาพเข้าไปบ้าง) เราก็เลยให้นางแบบของลองเอาไปวิ่งทดสอบให้ดูกันว่านิ่งแค่ไหน ซึ่งผลลัพธ์ก็ตามคาดครับ ทำได้ดีสมกับเป็น GoPro จริง ๆ!
Timecode sync ใครมี GoPro หลายตัวสบายขึ้นเยอะ!
สำหรับใครที่มีกล้องถ่ายพร้อมกันหลาย ๆ ตัว การทำ Timecode เป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ เลยล่ะครับ เวลาเอาไปตัดต่อจะได้ทำได้ง่าย ๆ เวลาในแต่ละเฟรมกล้องตรงกัน ซึ่งเจ้า GoPro Hero 12 Black ก็ทำได้แล้ว แบบไม่จำกัดจำนวนกล้องเลย เพียงใช้งานร่วมกับแอป GoPro Quik เปิดโหมด Sync Timecode แล้วเอากล้องมาสแกน QR ในแอป แค่นี้ก็เป็นการเซต Timecode เรียบร้อยแล้ว!
Max Lens Mod 2.0 ตัวใหม่ กว้างสะใจกว่าเดิม
Max Lens Mod 2.0 ตัวใหม่ ให้มุมมอง POV กว้างสะใจถึง 177 องศา เป็น GoPro ที่เลนส์กว้างที่สุดตั้งแต่เคยมีมา ด้วยความละเอียดวิดีโอระดับ 4K 60p ซึ่งการจะใช้งานเจ้า Max Lens Mod 2.0 ตัวนี้ เราจะต้องไปเปิดใช้งานในส่วนเมนูด้วยนะครับ ไม่งั้นภาพที่ได้จะติดขอบดำ!
แต่ถ้าถามว่าเฟรมมันกว้างขึ้นแค่ไหน เราจะมาเทียบให้ดูกันครับ เทียบกันตั้งแต่
- Linear (ไม่ใช้ Max Lens Mod 2.0)
- Max-Wide
- Max-Superview
- Max-Hyperview
ใครเอาไปถ่ายกีฬาแอ็กชันจะได้มุมมองภาพกว้างสะใจแน่นอน ซึ่งเราก็มีรูปตอนไม่เปิด Max Lens 2.0 มาฝากด้วยครับ สวยไปอีกแบบเหมือนติดเลนส์ Fisheye ถ่ายเลย!
สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ปรับให้ใช้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องใช้ Pro mode
ด้วยความที่เซนเซอร์อัตราส่วน 8:7 ที่รองรับการถ่ายได้หลากหลายอัตราส่วน รวมไปถึงแนวตั้ง 9:16 ไว้ลงโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ตามกระแสสมัยนี้ GoPro Hero 12 Black เขายังปรับปรุงให้การปรับอัตราส่วนทำได้ง่ายกว่าเดิมแล้วครับแม้ใช้ใน Easy mode คือไม่ต้องเข้าไปตั้งเป็น Pro mode ก่อนเหมือนตัวเก่า ซึ่งอันนี้แหละชีวิตง่ายขึ้นเยอะสำหรับคนที่ไม่ได้เน้นใช้งานการปรับละเอียด ๆ
ชมฟุตเทจ + ภาพจาก GoPro Hero 12 Black
สรุป
โดยรวมแม้หน้าตาหรือสเปกพื้นฐานยังคงเหมือนเดิม แต่ก็หลาย ๆ สิ่งที่ถูกปรับปรุงเพิ่มเข้ามาก็เรียกได้ว่าเป็นการอัปเกรดที่ทำให้เจ้า GoPro Hero 12 Black น่าใช้งานขึ้นกว่ารุ่นก่อนพอสมควรครับ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้อย่างยาวนานมากกว่าเดิม หรือการเชื่อมต่อกับหูฟังไร้สายเป็นไมค์หรือใช้สั่งการด้วยเสียงได้ด้วย รู Tripod ไซซ์มาตรฐานเดียวกับชาวบ้าน รวมถึงฟีเจอร์แจ่ม ๆ อย่าง Timecode ที่รองรับแล้วในรุ่นนี้
สำหรับใครที่กำลังมองหากล้องแอ็กชันสักตัว ชื่อ GoPro ก็ไม่ทำให้ผิดหวังอยู่แล้วครับ เขามีประสบการณ์ทำกล้องมาอย่างยาวนาน แต่ใครที่มีรุ่น 11 อยู่แล้วถามว่าคุ้มไหมที่จะอัปเกรด? อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนแล้วครับว่าฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาสำคัญมากน้อยแค่ไหน จำเป็นไหมที่จะต้องใช้ (แต่แค่แบตอึดขึ้นเยอะนี่ก็น่าจะทำใจหลายคนใจหวั่นไหวแล้วนะ)
สุดท้าย GoPro Hero 12 Black วางจำหน่ายแล้วในราคา 14,900 บาท ที่เด็ดคือเปิดมาถูกกว่ารุ่นก่อนเกือบ 4,000 บาท ส่วน Max Lens Mod 2.0 ต้องซื้อเพิ่มแยกในราคา 3,800 บาท ใครถูกใจก็ไปจัดกันได้เลยครับ!