ถ้าพูดถึงหนึ่งในสมาร์ตโฟนที่จะเป็น ‘มาตรฐาน’ ของสมาร์ตโฟนเรือธงในปีนั้น ๆ คงหนีไม่พ้น Samsung Galaxy S Series แต่นี่ไม่ใช่สมาร์ตโฟน แต่เป็น ‘AI Phone’ ! คลิปนี้จะมาเล่าให้ฟังกัน ว่าจะ ‘AI’ สมชื่อไหม กับ ‘Samsung Galaxy S24 Ultra’ !

ความสามารถของ AI

ก่อนที่หลายคนจะได้อ่านบทความนี้ ทุกคนคงจะได้เห็นถึงคำโปรยกันตั้งแต่ก่อนเปิดตัวแน่นอนว่า ‘Galaxy AI is coming’ หรือ AI ใหม่ของซัมซุงกำลังจะมาแล้ว ! พูดได้เลยว่า Samsung Galaxy S24 Series นี้ คือสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของซัมซุง ที่อัด AI เต็มขั้น สาธิตให้ดูเลยดีกว่าว่าเรียกว่า AI Phone ทั้งที มันฉลาดยังไงบ้าง?

  • ใน Samsung Internet สามารถให้ AI สรุปเนื้อหาทั้งหมดบนหน้าเว็บนั้น, แปลหน้าเว็บ หรือแปลที่สรุปมาอีกทีก็ได้
  • ใน Samsung Note ถ้าเราพิมพ์ยาว ๆ AI ในเครื่องก็สามารถแปล, สรุป, แก้คำผิด, ทำ Format หรือเรียงหัวข้อให้ได้ด้วย AI ในเครื่องเลย
  • Samsung Keyboard สามารถใช้ AI ช่วยเขียนให้มีโทนที่แตกต่างกันตามสถานการณ์ได้
  • ใน Voice Recorder สามารถอัดเสียงแล้วถอดความออกมาแบบแยกเสียงผู้พูดได้ โดยสามารถสรุปได้ และแปลได้ด้วย
  • สามารถใช้ Interpreter ในการสนทนากับอีกฝ่ายแบบต่อหน้า (Face to Face) แถมยังวางโทรศัพท์แค่ด้านเดียว คือเราพูดภาษาไทยไป ตัวหนังสือที่แปลก็จะขึ้นอีกด้านให้ชาวต่างชาติอ่านได้เลย อันนี้ดีเลยนะ คือถือท่าเดียวไม่ต้องสลับฝั่งไปมา สะดวกมาก !
  • เวลาเราคุยโทรศัพท์ก็สามารถให้ AI บันทึกการสนทนาเป็นข้อความ แถมยังสั่งให้แปลได้ด้วย
  • นอกจากนั้นเวลาคุยโทรศัพท์ ก็ใช้ฟังก์ชัน Call Translate สนทนากับปลายสายที่ใช้คนละภาษาได้อย่างเรียลไทม์ แค่เวลากดโทรออก ให้กดสัญลักษณ์รูปดาว แล้วเลือกภาษาที่ต้องการสนทนา
  • ใน Gallery สามารถแต่งภาพได้มากกว่าเดิม เช่นถ้าเราอยากขยับวัตถุไปซ้ายหน่อยก็กดค้างและย้ายได้ ช่องว่างก็จะให้ AI Generative Fill ทับไปแบบใน Photoshop, ปรับมุมกล้องภาพให้เอียงเพิ่ม-ลด แล้วใช้ AI เจนภาพพื้นหลังส่วนที่เหลือให้หมดก็ได้ ไปจนถึงการ Remaster รูปให้ดูดีขึ้นก็ทำได้ใน AI Phone เครื่องนี้เครื่องเดียว
  • และการ Search แบบใหม่ ที่แค่เรากด Home ค้างไว้ (หรือกดแถบด้านล่างค้างไว้)​ ก็จะขึ้นเมนูมาให้เราวงกลมที่วัตถุเพื่อค้นหาได้เลย ! ฟีเจอร์นี้ชื่อ ‘Circle to Search’ แถมยังถามต่อได้ด้วย
  • ฟีเจอร์ AI ล้ำ ๆ แบบนี้ จะช่วยให้การใช้ชีวิตของเราง่ายขึ้นเยอะเลย ในแง่การทำงานก็สะดวก ด้านการใช้ชีวิตก็สบาย อย่างที่บอกมาตลอดว่า AI ไม่ได้มาแทนที่เรา แต่มาช่วยเราต่างหาก ฟีเจอร์เหล่านี้เป็นตัวอย่างที่ดีเลย

ดีไซน์

ดีไซน์ตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S24 Ultra ถ้าในรุ่นแล้วเรียกว่า ‘แทบแยกไม่ออก’ ดีไซน์ของรุ่นนี้ขอใช้คำว่า ‘จูนมาอย่างดี’ แล้วกัน เพราะแม้ดีไซน์ตรงกล้องหลังจะออกมาคล้ายเดิม (เพิ่มเติมคือกรอบกล้องใหญ่ขึ้น) แต่ดีไซน์โดยรวมจัดว่าค่อนข้างเหลี่ยมขึ้น เพื่อรับกับหน้าจอที่เหลี่ยมขึ้นด้วยเช่นกัน

ฝาหลังของ S24 Ultra เป็นกระจก Corning Gorilla Glass Victus 2 แบบด้าน ที่ด้านมากกว่าเดิม สัมผัสดีกว่าเดิม แถมรอบนิ้วมือที่ว่าติดยากแล้ว ก็ยากกว่าเดิมด้วย ! สีที่รีวิวอยู่นี่คือสี ‘Titanium Purple’ หรือม่วงไทเทเนี่ยม S24 Ultra เครื่องนี้ใช้วัสดุรอบเครื่องเป็นไทเทเนี่ยมแล้ว ! ซึ่งสีของ S24 Ultra ปีนี้เปลี่ยนไปพอสมควรนะ จะมี Titanium Black (สีดำด้านแบบใหม่), Titanium Gray และ Titanium Yellow และเหมือนเดิมที่ซัมซุงยังมีสี Online Exclusive ให้ได้ซื้อผ่านเว็บไซต์ Samsung.com อีกด้วย (มี 3 สีนะ)

พอวัสดุขอบด้านข้างเครื่องเป็นไทเทเนียมแล้ว ทำให้ตัวเครื่องแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิม และ สัมผัสของขอบข้างเลยจะแตกต่างจากรุ่นที่แล้วพอสมควรเลย ดีไซน์การวางปุ่ม และพอร์ต USB-C 3.2 ยังคงเหมือนเดิม ยกเว้นลำโพงด้านล่างที่ไม่เป็นซี่แล้ว เป็นสี่เหลี่ยมรูเดียวเลย ที่อยากให้เป็นข้อสังเกตเล็กน้อยคือเรื่องของการจับถือ เพราะตัวเครื่องดูเหลี่ยมมากขึ้น เลยอาจจะรู้สึกแปลก ๆ สักหน่อย แต่ถ้าถนัดแล้ว หรือใส่เคสก็ไม่มีปัญหานะ

กล้อง

สิ่งหนึ่งที่สามารถเซตมาตรฐานของสมาร์ตโฟนเรือธงในปีนี้ได้เป็นอย่างดี คือกล้องถ่ายภาพนี่แหละ โดย Samsung Galaxy S24 Ultra จัดชุดเลนส์กล้องหลังมาคล้ายเดิม แต่ไม่เหมือนเดิม ประกอบไปด้วย เลนส์ Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล, Wide หรือเลนส์หลัก 200 ล้านพิกเซล, Telephoto 3 เท่า 10 ล้านพิกเซล และ Telephoto แบบ Periscope ขนาด 50 ล้านพิกเซล ซูม Optical ได้ 5 เท่า

แม้จะใช้เซนเซอร์ตัวเดิม แต่การ Process ภาพจากกล้องหลักก็ยังดีขึ้นได้อีกนะ Process ภาพได้เร็วขึ้น จัดการความสว่าง, ดีเทล, Dynamic Range ได้ดี ดีกว่าเดิมด้วยการทำให้ภาพดู ‘จริง’ มากขึ้น คือจุดไหนควรมืด ก็ปล่อยมืด ไม่เร่งให้สว่างจนหลุดความเป็นจริงไป ในแง่สีก็ทำได้ดีด้วยนะ กองบก. เราลองใช้โหมด Portrait ถ่ายภาพดอกไม้ในหลายสภาพแสง ทั้งแสงน้อย มาก หรือแสงตกกระทบเต็ม ๆ ก็ออกมาสวย สมจริงดีมาก ๆ อันนี้ฝากเป็นเทคนิคไว้ได้เลยนะ ถ้าใช้โหมด Portrait ถ่ายวัตถุ แล้วใช้เลนส์ซูมช่วยถ่ายดี ๆ จะทำให้วัตถุดูสวยดีมากแน่นอน ส่วนกล้องถ่ายภาพมุมกว้างมากก็ถ่ายได้ดีไม่แพ้กล้องหลังเลยด้วย ลองดูภาพกันดู

ด้านเลนส์ Telephoto ที่เห็นสเปกมันลดลง ก็ยังคงซูมอย่างพี้คค ได้เหมือนกับ S23 Ultra คือซูมดิจิทัลแบบ Space Zoom ได้สูงสุด 100 เท่าเหมือนเดิมนะ โดยใช้การเพิ่มความละเอียดกล้องถ่ายภาพซูม (รุ่นที่แล้ว 10 ล้านพิกเซลเองนะ 10 เท่าน่ะ) ทำให้ภาพในช่วงระยะ 1 เท่า – 10 เท่าใช้เลนส์ Optical ล้วน ๆ ผสมกับการครอปภาพในแบบที่ทำงานร่วมกันหมด ซึ่งระยะหวังผลให้พอ ๆ กันกับ S23 Ultra เลย ! ใช่ พอ ๆ กัน แม้จะลดระยะที่ซูมได้ลง แต่บอกเลยว่ายังเอาไปซูมคอนเสิร์ตได้สบาย ๆ แถม ระยะ 5 เท่าทำให้เรามีโอกาสได้ใช้มากขึ้นด้วยนะ เช่นถ้าอยากถ่ายวัตถุให้เด่น ๆ ภาพระยะ Close Up โดยไม่ต้องเข้าใกล้ ก็ใช้เลนส์ 5 เท่าถ่ายได้เลย

ซึ่งมันจะนำไปสู่การถ่ายภาพบุคคลด้วย โดยเราได้ลองนำเอา Samsung Galaxy S24 Ultra ไปถ่าย นาว-ญาตาวี ทาเลนต์ของแบไต๋ดู ในโหมด Portrait สามารถถ่ายได้ทั้งระยะ 1 เท่า, 2 เท่า, 3 เท่า และ 5 เท่า ! ใครที่เคยเล่นกล้องใหญ่มาจะทราบ ว่าเลนส์กล้องในระยะ 50mm หรือ 69mm จะให้ฟีลในการถ่ายภาพที่ต่างกับเลนส์ระยะ 115mm แบบที่เราถ่ายภาพ Portrait ที่ 5 เท่าแบบนี้ ทำให้ได้ระยะที่สวยงาม ได้หลายโอกาสมาก ส่วนคุณภาพก็ดีแบบไม่ผิดหวังแน่นอน สีผิวดูจริงในหลายสถานการณ์ ตัดขอบเส้นได้ละเอียดมากสุดที่กองบกเราเคยเห็นมา แถมได้โบเก้ที่สวย ถ้าไม่ได้ปรับอะไรเยอะมากนัก

ส่วนการถ่ายภาพกลางคืน ด้วยกล้องถ่ายภาพที่ความละเอียดเยอะ รับแสงได้มาก ทำให้ใช้เวลาถ่ายไม่นานเลย ถ่ายออกมาสว่างกำลังดี ไม่มืดไป และเก็บรายละเอียดได้โอเคเลย และการเป็นสมาร์ตโฟนถ่ายภาพกลางคืนที่ซูมได้ ก็ยังซูมถ่ายภาพได้ดีเหมือนกันด้วย ซึ่งส่งผลกับการถ่ายภาพบุคคลในที่แสงน้อย ที่ใช้กล้องซูมความละเอียดเยอะ ๆ มาทำ Pixel binning ทำให้ Noise น้อยลงด้วย ส่วนโหมด Astrophoto, Astro Hyperlapse ถ่ายดาวสวย ๆ ก็ยังมีมาเหมือนเดิม รอดาวน์โหลด Expert Raw มาลองเล่นกันได้เลย

การถ่ายวิดีโอ

ด้านการถ่ายวิดีโอ สามารถถ่ายได้สูงสุดที่ 8K 30FPS แต่แนะนำให้ถ่ายที่ 4K 60FPS ซึ่งคุณภาพก็คือดีมาก กันสั่นดีมาก แถมยังปรับการซูมระหว่างถ่ายได้ครบทุกระยะเลยด้วย ตั้งแต่ 0.6 เท่า, 1 เท่า 3 เท่า 5 เท่า และ 10 เท่า ! โดยยังเก็บความกันสั่น และคุณภาพได้ดีเหมือนเดิมเลยด้วย ใช้ถ่ายงานได้ดีแน่นอน หรือถ้าจะถ่ายด้วยโหมด Super Steady ที่ 1440P 60FPS ก็ทำได้เช่นกัน

ส่วนกล้องหน้าของ Samsung Galaxy S24 Ultra ให้สเปกเท่ากับรุ่นที่แล้วที่ 12 ล้านพิกเซล ซึ่งคุณผู้ชมน่าจะพอเข้าใจกับคุณภาพของรุ่นใหม่นี้อย่างดีแน่นอน ลองดูตัวอย่างภาพได้ Process ภาพออกมาดีเลย สกินโทนก็ดี เบลอหลังก็สวย

ส่วนงานวิดีโอกล้องหน้า ถ่ายได้ความละเอียดสูงสุดที่ 4K 60FPS ภาพสวยงามแบบไม่แพ้กล้องหลัง ถ่าย Vlog คนเดียว หรือถ่ายคู่กัน 2 เลนส์ด้วยโหมด Dual Record ก็ได้ด้วยนะ

หน้าจอ

หน้าจอของ Samsung Galaxy S24 Ultra เองก็จัดสเปกมาเต็มเหมือนกัน แถมอย่างแรกที่ต้องบอกก่อนเลย คือในที่สุด จอ Samsung รุ้นท๊อปสุดก็เป็น จอแบน แล้ว ! เป็นจอกระจก Gorilla Glass Victus 2 เหมือนกับฝาหลัง ตัวจอยังแบน แต่ขอบด้านข้างลงโค้งนิดเดียว แต่ติดฟิล์มไม่ลงโค้งได้สบาย ๆ แน่นอน (ไม่ต้องกลัวฟิล์มลื่น) เป็นจอขนาด 6.8 นิ้ว Dynamic AMOLED 2X แบบ LTPO รีเฟรชเรต 1-120Hz ความสว่างสูงสุด 2,600 Nits !

ซึ่งคุณภาพของจอ เคยพูดมาตลอดว่า Samsung Display ไม่เคยทำให้เราผิดหวัง ซึ่งปีนี้เขาก้าวข้ามไปอีก ด้วยคุณภาพสีของจอที่จริงขึ้นกว่าเดิม คือปกติเราจะชอบมีภาพจำว่าสีจอของ Samsung จะออกไปทางสดใสมากหน่อย แต่รอบนี้ซัมซุงจูนสีออกมาให้เบาลงอีกหน่อย ซึ่งชอบสีที่จูนมาใหม่นี้นะ มันดูจริงขึ้น

อีกฟีเจอร์ที่มาแล้วในสมาร์ตโฟน Samsung คือการดูภาพแบบ HDR คือจะเร่งแสงเฉพาะจุดที่ภาพสว่างมาก เพื่อให้การมองภาพที่เราถ่าย ออกมารู้สึกสว่างเหมือนตอนเราถ่ายด้วยนะ ไม่แน่ว่าจอแบบนี้อาจจะเป็นมาตรฐานใหม่ของจอสมาร์ตโฟนก็ได้ ทั้งจอแบนแต่ขอบบาง, สีสวยแต่ดูจริง หรือความสว่างสู้แสงได้ดีแบบนี้

S-Pen

ส่วนของดีที่มีติดเครื่องรุ่น Ultra ทุกรุ่นเดี๋ยวนี้อย่าง S-Pen ก็ยังมีมาให้เหมือนเดิมนะ เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มาก ๆ ทั้งถ่ายภาพ สลับกล้อง เปลี่ยนโหมด ซูมภาพ ก็ใช้งานผ่าน S-Pen นี้ได้ อ่ะแน่นอน การใช้เพื่อเซนต์เอกสาร จดเนื้อหาเร็ว ๆ ไปจนถึงการวาดรูปก็ทำได้ดีเช่นเดิม ปากการุ่นนี้ทำสีมาใหม่ ล้อไปกับไทเทเนียมที่อยู่รอบเครื่องด้วยนะ

สเปก

ขึ้นชื่อว่าเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่จะเป็นมาตรฐานของเรือธงปีนี้ สเปกข้างในก็ต้องไม่ธรรมดาด้วย Samsung Galaxy S24 Ultra ใช้ชิปเซตด้านในเป็น Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3, แรมขนาด 12GB และรอมขนาด 256GB, 512GB (ตามความจุที่เราซื้อ) ซึ่งรุ่นนี้ Samsung ได้เพิ่มขนาด Vapor Chamber จากรุ่นที่แล้วไปอีก 2 เท่า เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องจะไม่ร้อนเกินไปเวลาใช้งานหนัก ๆ ด้วย

ซึ่งประสบการณ์การใช้งานจัดว่าดีเลย ลื่นไหล รวดเร็ว ถ่ายภาพก็ Process เร็วจนตกใจ แถมใช้ทั่วไปไม่รู้สึกถึงความร้อนด้วยนะ เวลาออกไปถ่ายวิดีโอกลางแจ้งก็ไม่เจอปัญหาภาพตัดด้วย

ซึ่งการเล่นเกมที่มีกราฟิกหนัก ๆ อย่าง Genshin Impact เท่าที่เราลองเล่น ปรับภาพกราฟิกสุด และตั้งค่าเฟรมเรตที่ 60FPS ตัวเครื่องมีความอุ่นบ้าง แต่ไม่ค่อยร้อนมากนัก แถมเฟรมเรตนิ่งขึ้นเยอะเลยทีเดียว ถือเป็นประสิทธิภาพแบบที่เราเจอได้ใน Snapdragon 8 Gen 3 เลย หรือถ้าจะเล่น RoV ก็เล่นได้ 60FPS นิ่ง ๆ แบบที่ไม่ต้องกลัวเจอไฟต์หนักอะไรแน่ ๆ

แบตเตอรี่

แบตเตอรี่ของ S24 Ultra เครื่องนี้ ให้มาที่ 5,000 มิลลิแอมป์เท่าเดิม แต่ด้วยชิปแบบใหม่ ทำให้การจัดการพลังงานดีขึ้นกว่าเดิมด้วย โดยเท่าที่ให้กองบรรณาธิการทดสอบเล่น Genshin Impact กราฟิกสุด ความสว่างจอประมาณ 25% นานเป็นเวลา 15 นาที แบตลดไปแค่ 5%! อึดมาก ถ้านำไปใช้งานทั่วไป จะทำให้ใช้งานได้ยาวนานกว่านี้แน่นอน

ส่วนการชาร์จแบตกลับ ก็รองรับการชาร์จเร็วที่ 45W ‘Super Fast Charging 2.0’ ที่ใช้หัวชาร์จ PD ที่ต้องรองรับมาตรฐาน PPS มาต่อ ถึงจะขึ้น 45W ได้ (และเหมือนเดิม ที่ไม่แถมหัวชาร์จมาให้ ก็ต้องเลือกหัวชาร์จให้เหมาะด้วยนะ) และชาร์จไร้สายได้ 15W

ในงานเปิดตัว Samsung Unpacked ที่อเมริกา นี้ เขาไม่ได้เปิดตัวแต่รุ่นพี่นะ ! แต่ยังมาพร้อมกับน้องคนรองอย่าง Samsung Galaxy S24 และ Samsung Galaxy S24+ คู่นี้อีกด้วย ! แม้จะไม่ซูมโหดแบบรุ่นพี่ แต่บอกเลยว่านี่คือรองเรือธงอีกคู่ที่น่าสนใจมาก ดูขอบเครื่องและขอบจอนี่ คือสวยมาก ขอบจอบางมาก และใช้ฟีเจอร์ AI ได้แบบ S24 Ultra เลย ถ้ามีโอกาส แบไต๋เราจะรีวิวให้ได้อ่านกัน

ข้อสังเกต

รีวิวแบไต๋ ให้ข้อสังเกตกับคุณผู้ชมเสมอ เรื่องแรกที่เราเจอมาคือเรื่องของการจับถือที่อาจจะรู้สึกแปลก ๆ ไปบ้าง เช่นขอบที่ดูเหลี่ยมขึ้น หรือความกว้างของเครื่องที่อาจจะค่อนข้างใหญ่ซักหน่อย แต่ถ้าใส่เคส ปัญหาเหล่านี้ก็จะหมดไป กับอีกเรื่องที่เราเจอทุกปี คือเรื่องของ Codec เสียง Bluetooth ที่แม้จะให้มาเยอะแล้ว แต่ก็ยังจัดว่าน้อยกว่าสมาร์ตโฟน Android ค่ายอื่นในระดับเรือธง (ซึ่งซัมซุงใช้ Codec SSC ของตัวเองก็ได้คุณภาพที่ดีได้)

รีวิวที่ดีต้องมีราคา

Samsung Galaxy S24 Ultra สมาร์ตโฟนเรือธงเบอร์สุด ที่พร้อมจะเข้ามาเซตมาตรฐานสมาร์ตโฟนเรือธงในปี 2024 นี้ ด้วยฟีเจอร์ AI ที่ล้ำจนเอามาผสาน ใช้งานจริงได้นี้ วางจำหน่ายในประเทศไทยที่ราคา 43,990 บาท