Our score
8.1Wiko U FEEL Prime
จุดเด่น
- แรม 4 GB คือดีงาม ชีวิตดีมากเพราะแรมเยอะ
- เครื่องทำงานได้เร็วเหลือๆ สำหรับชีวิตประจำวัน และค่าตัวไม่แพง
- หน้าจอสดใส คุณภาพดี
- กล้องใช้งานได้จริงทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
- แอปโทรศัพท์สามารถบันทึกเสียงได้!
จุดสังเกต
- Bluetooth กินไฟหนักมาก จนทำใจที่จะใช้ยาก
- ยังใช้พอร์ต microUSB ตอนนี้ต้อง USB-C กันแล้ว
- เส้นสีเงินด้านหลังสามารถลอกได้
- เซนเซอร์ตรวจการแนบหูห่างไป ทำให้จอติดง่าย
- ไม่รองรับ Wifi 5 GHz
-
รูปลักษณ์เครื่อง
8.0
-
ประสิทธิภาพเครื่อง
8.0
-
คุณภาพกล้อง
7.0
-
คุณภาพหน้าจอ
8.5
-
ความคุ้มค่า
9.0
อันที่จริงแอดไม่เคยคิดว่าจำนวนแรมมันสำคัญกับสมาร์ทโฟนมากมาย เพราะเราใช้ iPhone ที่มีแรมต่ำด้อยเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องหลักมาตลอด แต่พอได้รีวิว Wiko U FEEL Prime ก็บอกได้เลยว่าจำนวนแรมนี้แหละ โคตรสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับ Android
อุปกรณ์ในกล่อง
Wiko เป็นแบรนด์มือถือที่จัดเต็มสรรพสิ่งในกล่องมาเสมอครับ คือแน่นอนแหละ ในกล่องเรามีเครื่อง มีที่ชาร์จ (จ่ายไฟ 5V 1.55A) มีสายชาร์จ มีหูฟัง และที่เริ่มแถมจนเป็นเรื่องปกติของ Android แล้วคือฟิล์มกันรอย กับเคส เพราะสมาร์ทโฟนรุ่นประมาณนี้อาจจะหาฟิล์ม หาเคสที่ตรงรุ่นยากหน่อย
แต่ที่ Wiko U FEEL Prime ให้มามากกว่าชาวบ้านคือถาดแปลงซิมครับ สำหรับแปลง Nano-sim ให้กลายเป็น Mini-sim หรือ Micro-sim จะได้ใช้กับมือถือเครื่องอื่นๆ ของเราได้ในยามที่ต้องสลับเครื่อง แล้วก็เข็มทิ่มซิมที่ Wiko ออกแบบให้มียางสีเขียวมินต์ประจำตัวของ Wiko ครบ ก็ทำให้พกพาง่าย อยู่เป็นส่วนหนึ่งของพวงกุญแจได้ครับ
การออกแบบภายนอก
ดีไซน์ของ Wiko U FEEL Prime นั้นจัดว่าดีสำหรับมือถือราคาไม่เกิน 8,000 บาทนะครับ จุดเด่นที่สุดของดีไซน์นี้คือฝาหลังที่เป็นโลหะ ซึ่งตัวโลโก้ Wiko ด้านหลังเครื่องก็ทำสวยมาก ซึ่งเมื่อรวมกับรายละเอียดอย่างช่องแฟลชหรือช่องกล้องที่เจียเพชรจนวาว ก็ทำให้ด้านหลังของเครื่องนั้นดูสวยงามลงตัว
ที่นี้มาถึงจุดที่ไม่ชอบในดีไซน์กันบ้าง เริ่มจากฝาหลังที่ส่วนหัวและส่วนท้ายทำจากพลาสติก ซึ่งสัมผัสในจุดนี่ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นอกจากนี้เส้นสีเงินบริเวณด้านบนและด้านล่างของเครื่องยังสามารถลอกได้เมื่อใช้ไปนานๆ ดูแล้วน่าจะเป็นเส้นสีโครเมี่ยมนะครับจุดนี้ ส่วนดีไซน์ด้านหน้าก็ถือว่าธรรมดาไม่หน่อย เส้นขอบโครเมี่ยมบริเวณกระจกหน้าก็ดูเป็นดีไซน์ที่ตกยุคไปนิดหนึ่งครับ
โดย U FEEL Prime นี้มี 3 สีให้เลือกคือสีทอง (Gold), เงิน (Silver) และแอนทราไซต์ (Anthracite) ที่เป็นสีเทาเข้ม
ปุ่มโฮมพร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
จุดเด่นที่หน้าเครื่องอย่างหนึ่งคือปุ่มโฮมที่สแกนลายนิ้วมือได้ ซึ่งสามารถสแกนเพื่อปลดล็อกจอได้แม้จะไม่ได้เปิดจอขึ้นมาก่อนครับ ก็ทำงานได้ดี สแกนเร็ว จนบางทีดึงมือถือออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วไปโดนปุ่มโฮมนี้ก็ปลดล็อกจอไปแล้ว
นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดลายนิ้วมือเพื่อเป็นแป้นลัดเข้าแอปต่างๆ หรือใช้โทรด่วนหาเบอร์ที่ตั้งเอาไว้ ที่เรียกว่าฟังก์ชั่น Quick Action ได้ด้วย โดยสามารถกำหนดได้ใน Settings -> Fingerprint
ปุ่มโฮมนี้ใช้แทนปุ่ม Back, Home, Recent App ของแอนดรอยได้เลย
ฟังก์ชั่นที่น่าสนใจของปุ่มโฮมนี้คือมันใช้แทนปุ่ม Back, Home, Recent App ของแอนดรอยได้เลย ทำให้เราไม่ต้องโชว์เมนูเหล่านี้บนจอให้เปลืองพื้นที่จอก็ได้ โดยการสัมผัสปุ่มโฮมในหน้าแอปใดๆ จะแทนการกด Back, กดลึกลงไปจะแทนปุ่ม Home และกดค้างคือเป็น Recent App ที่จะมีหน้าแอปที่เคยเปิดไว้ให้เลือกครับ
ว่าด้วยเรื่องสเปก
ลองหมุนดูรอบเครื่องกัน!
แม้ว่า Wiko U FEEL Prime จะเป็นสมาร์ทโฟนตัวท็อปที่สุดแล้วของค่าย Wiko แต่ก็ไม่ได้มีสเปกที่สูงมากครับ เพราะยังต้องการวางราคาระดับเข้าถึงง่ายอยู่ ซึ่งสเปกคร่าวๆ มีดังนี้
- CPU: Qualcomm® Snapdragon™ 430 Octa-Core 1.4 GHz 64 bit
- RAM: 4 GB
- ROM: 32 GB ใส่ MircoSD ได้สูงสุด 64 GB
- รองรับ 2 Nano-sim รองรับ 4G ทั้ง 2 ซิม (download 150, Upload 50 Mbps)
- หน้าจอ: 5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 Full HD
- กล้องหลัง: 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชคู่ f/2.2
- กล้องหน้า: 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชหน้า
- Android 6.0
- ราคา 7,990 บาท
ประสิทธิภาพเครื่อง
เห็นว่า Wiko U FEEL Prime ใช้หน่วยประมวลผลเป็นแค่ Snapdragon 430 นี่อย่าคิดว่าการใช้งานจริงจะอืด กระตุกนะครับ จากการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันที่ใช้เป็นเครื่องหลักมานานนับเดือนบอกเลยว่า Wiko U FEEL Prime ใช้ลื่นมาก เล่น facebook หรือเปิดเว็บต่างๆ ได้ลื่น เสถียรดี เล่นเกมที่ใช้กราฟิกหนักๆ อย่าง Space Marshals 2 ก็ยังสบายๆ ใช้แล้วสบายใจครับ
สไตล์การใช้มือถือของแอดนั้นจะไม่สนใจเรื่องการปิดแอปหรือเคลียร์แรมนะครับ คือถ้าแอปมันไม่ค้าง ก็ไม่ไปบังคับปิดมัน ซึ่ง U FEEL Prime ที่มีแรม 4 GB ก็ทำให้ทึ่งตรงนี้ เพราะแม้แอดจะเล่นเกม แล้วออกไปเปิดเฟซบุ๊ก เปิดเว็บ โทรศัพท์ ใช้งานผ่านไปครึ่งวัน แล้วกลับไปเปิดเกมใหม่ ตัวเกมก็ยังอยู่ ไม่ต้องโหลดเข้าเกมใหม่ จึงสรุปได้ว่าจำนวนแรมนี่แหละที่สำคัญกับ Android มากๆ ในยุคที่ซีพียูระดับกลางอย่าง Snapdragon 430 ก็แรงเหลือเฟืออย่างตอนนี้
คะแนนทดสอบประสิทธิภาพ
- Antutu 6.2 – 44047 คะแนน
- Geekbench 4
- คะแนนในส่วน CPU single core 637 และ multi-core 2115
- คะแนนในส่วน Compute ที่วัดประสิทธิภาพ GPU นั้นอยู่ที่ 1707 คะแนน
ซอฟต์แวร์ในเครื่อง
ตัวรอมของ Wiko U FEEL Prime นั้นปรับปรุงจาก Pure Android ไปไม่เยอะครับ ดังที่เราจะเห็นจากหน้าล็อก ตัว Notification หรือเมนูเซ็ตค่าต่างๆ นั้นก็เป็นลักษณะของ Android 6 นั้นแหละ
แถมเมื่อใส่ MicroSD เข้าไปก็สามารถฟอร์แมทในรูปแบบ Adoptable Storage Devices เพื่อให้ใช้พื้นที่ของ MicroSD ลงแอปได้ เสริมความจุเครื่องเข้าไปอีก แต่ก็มีข้อควรระวังอยู่ว่าการใช้ฟังก์ชั่น Adoptable Storage Devices ต้องใช้การ์ด microSD ความเร็วสูงสุดที่จะซื้อไหวนะครับ ไม่งั้นเครื่องอืด แล้วเราไม่สามารถถอดการ์ดออกมาดื้อๆ ได้ ไม่งั้นเครื่องรวนนะครับ ซึ่งถ้าไม่ชัวร์ก็เลือกฟอร์แมทการ์ดแบบ Portable อย่างเดิมดีกว่า ใช้เก็บรูป แบ็กอัปข้อมูลเป็นหลักนี่แหละ
ซอฟต์แวร์พิเศษที่มีใน Wiko U FEEL Prime
- My Smart Left Page หน้าซ้ายสุดในหน้าโฮม เอาไว้แสดงข่าวสารเด่นๆ แอปใช้บ่อย เบอร์โทรที่โทรบ่อย หรือค้นหาแอปในเครื่อง
- File Lock ล็อกไฟล์ลับเก็บไว้ในเครื่องไม่ให้คนอื่นเปิด
- My Apps คือ App Drawer นั้นเอง
- Phone Assist ช่วยจัดการเรื่องพลังงาน, เคลียร์แรม ปรับแต่งเครื่องต่างๆ
นอกจากนี้ Wiko U FEEL Prime ยังมีความสามารถพิเศษเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในการใช้ด้วย
- สามารถบันทึกเสียงสนทนาโทรศัพท์ได้ในตัว
- สามารถบันทึกจอแนวยาวได้ (2 ฟังก์ชั่นนี้รวมกันนี่สำหรับจอมเก็บหลักฐานเลยนะ)
- แตะๆ จอเพื่อเปิดหน้าจอได้ พลิกเครื่องเพื่อ mute ได้
- Smart Gesture เมื่อลากนิ้วจากมุมซ้ายบนของจอ จะมีแผ่นให้วาดคำสั่งลงไป เช่นวาด O เพื่อเปิดกล้อง
คุณภาพกล้อง
กล้องของ Wiko U FEEL Prime ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของสมาร์ทโฟนราคาต่ำหมื่นนะครับ คือถ่ายทอดภาพออกมาได้คมชัด สีสันโอเค อาจจะไม่ได้คมกริบ หรือสีสันสดใสในระดับสมาร์ทโฟนเรือธง แต่ก็ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี ถ้าจะมีติบ้างก็อาจจะเป็นเรื่องของ White Balance ที่บางทีวัดค่าผิดไปทางโซนเย็น ทำให้ภาพดูจืดๆ ไปหน่อย แล้วก็การเก็บรายละเอียดแสง ที่บางทีรายละเอียดภาพในส่วน Hi-light ก็หายไปเยอะ จนทำให้ภาพดูหลอกตา
ตัวอย่างภาพจาก Wiko U FEEL Prime
ในส่วนของการปรับแต่งการถ่ายภาพ Wiko U FEEL Prime ก็มีโหมด Pro ให้เลือก ที่สามารถปรับความสว่าง, ISO, White balance ความคมชัดได้ แต่ไม่สามารถปรับความเร็วซัตเตอร์ได้นะครับ นอกจากนี้ก็มีโหมดสำหรับถ่ายกลางคืนโดยเฉพาะ และโหมดถ่ายพาโนราม่าที่ใช้ได้ดีเลย
ในส่วนของกล้องหน้านั้นมีแฟลชให้ด้วย ซึ่งลองถ่ายดูแล้วก็ถือว่าแฟลชตัวนี้ใช้ได้ เกลี่ยแสงจากฉากหลังได้ดีเหมือนกัน แล้วก็มีโหมด Facebeauty ให้ปรับแต่งหลังจากถ่ายรูป ที่ช่วยแต่งหน้าให้สวย ทำผิวสว่าง ลบรอยคล้ำใต้ตา ลบสิว ทำหน้าเนียนได้อย่างโอเคเลย ต้องการเนียนมากเนียนน้อยก็ปรับเองได้
การถ่ายวิดีโอก็ทำได้ดีครับ รายละเอียดเก็บมาครบถ้วน ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีพอประมาณ แต่การเก็บเสียงในพื้นที่เสียงดังๆ อาจจะไม่ได้ดีนัก
Bluetooth คือข้อเสียใหญ่
ถ้าถามว่าข้อเสียใหญ่ของ Wiko U FEEL Prime คืออะไร เท่าที่ทดลองใช้กับเฟิร์มแวร์รุ่นล่าสุดคือ 23 ก็น่าจะเป็นเรื่อง Bluetooth นี่แหละครับ ที่กินแบตเตอรี่หนักมาก จากปกติใช้เครื่องพ้นวันได้สบายๆ แต่พอเปิด bluetooth ทิ้งไว้ แม้จะไม่ได้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใดกลับกินแบตเตอรี่สูงถึงเกือบ 50% ของแบตเตอรี่เครื่อง ซึ่งจะเป็นปัญหามากสำหรับคนที่มีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ bluetooth ตลอดเวลาอย่างชุดหูฟังหรือนาฬิกาอัจฉริยะที่แบตเตอรี่ของ U FEEL Prime จะลดลงเร็วกว่าปกติ
นอกจากนี้การที่เซนเซอร์ตรวจสอบระยะเพื่อดับจออยู่ห่างจากลำโพงแนบหูมากเกินไป ยังทำให้จอติดเวลาเอาหูแนบกับเครื่องอยู่บ่อยๆ จนทำให้ไปกดโดนสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในจอได้ง่ายๆ
ที่เหลือก็เป็นเรื่องจุกจิกอย่างโหมด Ambient Display ที่จะทำให้จอติดเวลาที่ได้รับการแจ้งเตือนใหม่ๆ กลับกลายเป็นว่าหลังจากล็อกจอจนจอดับไปแล้ว หน้าจอจะติดอีก 2-3 ครั้งทุกครั้งหลังจากล็อก ทำให้บางทีก็เป็นการกระตุ้นเครื่องให้ทำงานโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้สุดท้ายก็ต้องปิดโหมด Ambient Display ทิ้งไป
นอกจากนี้ก็มีเรื่องพอร์ตหลักของเครื่องที่ควรจะเป็น USB-C กันได้แล้วครับ ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ยังเป็น MicroUSB อยู่เลย ก็ทำให้ชาร์จไฟลำบากนิดหนึ่ง
ซึ่งจุดอ่อนของ Wiko U FEEL Prime เหล่านี้อาจจะดูไม่ใหญ่มาก (ยกเว้นเรื่อง Bluetooth ที่อาจทำให้คนที่มีอุปกรณ์เสริมเบือนหน้าหนีได้) แต่ก็รบกวนการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เหมือนกันนะครับ
สรุป Wiko U FEEL Prime แรมนั้นสำคัญจริงๆ
Wiko U FEEL Prime เป็นเครื่องพิสูจน์ว่ายังไงแรมเยอะก็ดีกว่าแรมน้อยเสมอครับ หน่วยประมวลผลไม่ได้เร็วมาก แต่มีแรมมากก็ได้ชัยไปกว่าครึ่งแล้ว แอดติดใจมากที่แอปที่เปิดๆ เอาไว้ไม่ได้หายไปง่ายๆ ก็ทำให้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นอีกเยอะ เป็นเรื่องที่ iPhone จอมกั้กแรมควรดูเป็นเยี่ยงอย่างจริงๆ
ก็สำหรับราคาที่ 7,990 ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่คุ้มค่า เหมาะสมอีกรุ่นหนึ่งเลยครับ