เขากลับมาอีกแล้ว มือถือเรือธงที่เคยฟาดรางวัล DXOMark ทั้งกล้องและหน้าจออันดับ 1 พร้อมกัน ที่รอบนี้กลับมากับกล้องซูมที่โหดมาก จนสงสัยว่าต้องซูมโหดขนาดนี้เลยหรอ ? นี่คือ HONOR Magic6 Pro

กล้องหลัง

ขอเริ่มรีวิวที่กล้องหลังก่อนเลย รุ่นนี้มี 3 ตัว คือกล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ที่ปรับรูรับแสงได้จาก f/1.4 – f/2.0 ได้แบบเดียวกับเลนส์ของกล้องใหญ่ (ล่างซ้าย) , กล้องถ่ายมุมกว้างมาก 50 ล้านพิกเซล (ล่างขวา) และ กล้อง Telephoto หรือกล้องซูมด้านบน ที่ฟังผมดีๆ นะ ‘ความละเอียด 180 ล้านพิกเซล’ ใช่ 180 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นกล้องเรือดำน้ำ Periscope 2.5 เท่า ที่อัดความละเอียดมาอย่างแน่นเลยทีเดียว

พูดถึงความโหด DXOMark ก็ให้คะแนนเรื่องกล้องของ HONOR Magic6 Pro ไว้ที่ 158 คะแนน ณ วันที่ถ่ายตอนนี้อยู่ที่อันดับ 1 และขึ้นโพเดียมรับเหรียญทองไปแล้ว แถมยังได้เหรียญทองในส่วนอื่น ๆ อีก 4 ด้านคือ กล้องหน้า, จอ, เสียง และแบตเตอรี่ รวมเป็น 5 เหรียญทอง โห! จะโหดไปไหน ว่าแล้วเรามาดูภาพถ่ายจากเครื่องนี้เลยดีกว่า

การถ่ายภาพทั่วไป ถ่ายออกมาได้สีที่สวยงามเลย คือสีไม่ได้สดมากจนเกินไป แม้จะมีบางช็อต เช่น ดอกไม้ที่อาจจะสีหลุดจากความเป๊ะอยู่บ้าง แต่ก็สามารถเปลี่ยนโหมดภาพเป็น Natural ได้ (แต่รีวิวนี้เราใช้แค่ Vibrant เท่านั้นเลย)

ซึ่งนอกจากการใช้กล้องหลักถ่ายแล้ว กล้องซูมที่อัดแน่นมาที่ 180 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายวัตถุได้ดี ชัด ละเอียดมากจริง ๆ คุณลองซูมเข้าไปดูภาพป้ายนี้ คือภาพที่คมมากจนเห็นลายบนป้าย หรือดูดอกไม้นี้ ก็จะเห็นยันเกสรด้านบน หรือขนตรงโคนดอก หรือภาพดอกไม้หลังฝนตกที่เห็นชัดยันหยดน้ำบนใบ แบบนั้นเลย และด้วยความที่กล้องซูมแค่ 2.5 เท่า ทำให้ถ่ายภาพวัตถุได้ง่าย ถ่ายสนุก ไม่ต้องถอยเยอะ บางทีผมว่าใช้กล้องซูมนี้แทนกล้องหลักได้เลยนะ

อีกโหมดที่มีแล้วถ่ายง่ายขึ้น คือ HONOR AI Motion Sensing Capture ที่มีการอัปเกรดให้ดีกว่าเดิม ด้วยการใช้ AI ที่เทรนให้รู้จักสถานการณ์ต่าง ๆ กว่า 8 ล้านภาพ เพื่อให้เลือกซีนการถ่ายแบบอัตโนมติได้อย่างแม่นยำ และยังถ่ายได้ทุกกล้อง ทุกระยะ ตั้งแต่ 0.5x – 5x ซึ่งผมว่าโอเคเลยล่ะ

ทีนี้การถ่ายภาพบุคคล เราได้ไปถ่าย เอิร์น ภัทรวดี ทาเลนต์ของ BT ซึ่ง HONOR Magic6 Pro จะถ่ายได้ที่ 1 เท่า, 2 เท่า ในกล้องหลัก และถ่ายที่ 2.5 เท่า ในกล้อง Telephoto, และ 5 เท่าจากการครอปภาพ โดยสกินโทนทำออกมาได้โอเคเลย แม้ไม่ได้สดเด้งเหมือนใคร แต่ได้เรื่องความสวยงามของระยะและความคมของภาพ ที่อยากจะให้เป็นข้อสังเกตไว้เล็กน้อย คือถ้าเครื่องเจออากาศร้อนมาก ๆ แล้ว การเบลอฉากหลังจะหยุดทำงานเอาได้ เรื่องนี้ต้องรอทาง HONOR ออกซอฟต์แวร์มาแก้ จะเพอร์เฟคได้มากกว่านี้

ส่วนการถ่ายภาพมุมกว้างมาก สามารถถ่ายได้ที่ 122 องศา ซึ่งคุณภาพของภาพ ทำรายละเอียด สี ได้คล้ายกับกล้องหลักอยู่พอสมควรเลย แม้ว่าการเก็บ Dynamic Range อาจจะทำได้ไม่ดีเท่า แต่สามารถใช้งานคู่กันได้แน่นอนเลย

ส่วนภาพการซูม จากล้อง 180 ล้านพิกเซล ที่ซูมสูงสุดได้ 100 เท่า โดยระยะที่ถ่ายแล้วชัด อย่างกับไม่ได้ซูม จะอยู่ที่ 2.5 – 10 เท่า ลองดูจากภาพชุดนี้เลย ซึ่งในระยะเท่านี้ เป็นระยะที่เราใช้บ่อยกว่าระยะลึกมาก ๆ เช่นถ่ายป้ายใกล้ ๆ หรือดอกไม้ที่เก็บรายละเอียดของดอกเยอะ ๆ ถ้าซูมไปมากกว่านั้น ก็จะชัดน้อยลง และก็จะยิ่งวุ้น

ส่วนการถ่ายภาพกลางคืน สามารถถ่ายได้ทั้งในโหมดกล้องธรรมดา และโหมดกลางคืน ซึ่งในทั้ง 2 โหมดจะถ่ายออกมาได้ดูสว่างดีทั้งคู่ แต่ในโหมดกลางคืนจะถ่ายได้สว่างกว่า ซึ่งด้วยความที่กล้องถ่ายภาพซูมให้ความละเอียดเยอะมากแบบนี้ ก็เลยทำให้เอาไปถ่ายภาพกลางคืนระหว่างซูมได้ดีด้วย ลองดูภาพเทียบกันระหว่างโหมดกล้องธรรมดากับโหมดกลางคืนชุดนี้กันดู

กล้องหน้า

พลิกมาที่กล้องหน้า จะเห็นว่ากรอบกล้องของ HONOR Magic Series เขาจะวางเป็นรูกว้าง ๆ คล้ายเม็ดยา เพราะมีทั้งกล้องหน้า 50 ล้านพิกเซล และ 3D Depth Camera ที่ใช้สแกนหน้าปลดล็อกเครื่อง

ซึ่งภาพเซลฟี่ มีสกินโทนดีไม่แพ้กล้องหลัง ไม่เข้มเกินไป ไม่ซีดเกินไป เรียกว่าบาลานซ์สีดีเลย แถมยังถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ หรือถ่ายแบบถอยระยะได้อีกเล็กน้อยได้ด้วย (ต้องเลือกนะว่าจะถ่ายหมู่ หรือถ่ายหลังละลาย)

และสำหรับงานวิดีโอ HONOR Magic6 Pro ถ่ายได้สูงสุดที่ 4K 60FPS เลย ซึ่งยังสามารถถ่ายโหมดภาพยนตร์ ที่มี LUT ให้ได้เลือกใส่กันได้ง่าย ๆ แต่ถ่ายได้แค่ 4K 30FPS หรือจะถ่ายเป็นไฟล์ LOG ที่จะเป็นสีเรียบ ๆ เอาไว้สำหรับไปแต่งต่อก็ได้เช่นกัน แบบนี้จะถ่ายได้ 4K 60FPS เลย ส่วนวิดีโอกล้องหน้าถ่ายได้ความละเอียดสูงสุดที่ 4K 30FPS หรือ 1080P 60FPS เท่านั้นเลย

ดีไซน์

กลับมาที่ดีไซน์รอบตัวเครื่องกันบ้าง คือ HONOR Magic6 Pro ใช้การดีไซน์ที่ได้ต่อยอดมาจาก Magic5 Pro อย่างกรอบของกล้องที่ได้เพิ่มสี่เหลี่ยมมุมมนเข้าไปรอบนอก ทำให้ดูสวยงามคล้ายนาฬิกาหรูอะไรทำนองนั้นเลย และฝาหลังที่ในไทยมีวางจำหน่าย 2 สี คือ ‘Epi Green’ สีเขียวแบบทุ่งหญ้าธรรมชาติ บนวัสดุหนังวีแกน ที่มีลวดลายจับแล้วรู้สึกเหมือนได้สัมผัสหญ้าจริง ๆ อีกสีคือ Black สีดำบนกระจกด้านที่ติดรอยนิ้วมือได้ยาก

ส่วนรอบ ๆ ตัวเครื่องก็เหมือนสมาร์ตโฟนทั่วไป มีลำโพงคู่บน-ล่าง (เสียงดีมากด้วยนะ) ช่องใส่ซิม 2 ซิม พอร์ต USB-C 3.1 และกันน้ำกันฝุ่น IP68 อีกด้วย

พูดถึงเรื่องดีไซน์แล้ว HONOR ได้มีเปิดตัว PORCHE DESIGN HONOR Magic6 RSR ด้วยนะ ! ซึ่งสเปกภายในแทบจะเหมือนกับรุ่น Pro นี้เลย แต่ดีไซน์ การพรีเซนต์ แกะกล่อง ต่างกันกับ Magic6 Pro เลย ตัวเครื่องทำฝาหลังแบบที่คล้ายกับรถ Porche ทั้งการทำสี และการใส่มาทั้ง Flyline และ Peakline ให้จับถือได้ง่าย และกรอบกล้องแบบ 6 เหลี่ยมด้วย (แต่น่าเสียดายที่ไม่มีขายที่ไทย)

หน้าจอ

หน้าจอของ HONOR Magic6 Pro ครอบด้วย HONOR NanoCrystal Shield เป็นกระจกที่แข็งแรงมาก ๆ ผ่านการรับรองจาก SGS (องค์กรทดสอบและรับรองระบบ) ระดับ 5 ดาว คือเขาทดสอบว่า ต่อให้ตกพื้นถนนคอนกรีตก็ไม่เป็นไรเลย ส่วนสเปกจอด้านในเป็น OLED แบบ LTPO ขนาด 6.8 นิ้ว ปรับรีเฟรชเรตได้ 1-120Hz กับความสว่าง 5,000 Nits (ปรับแสงให้ดู) และมีเซนเซอร์แสกนนิ้วมือแบบแสงใต้จอ

ซึ่งจอนี้เป็นจอที่ถนอมสายตาด้วยนะ คือมี Dynamic Dimming, Circadian Night, Nature Tone และเทคโนโลยี Pulse Width Modulation (PWM) คือความถี่ของการหรี่แสงที่กระพริบแบบที่ตามองไม่เห็น (แต่กล้องมองเห็น)​ ที่ 4320Hz ซึ่งทำให้การมองจอสบายตายิ่งกว่าเดิม

ซึ่งคุณภาพจอ ที่ได้รางวัลจาก DXOMark ก็ต้องบอกว่าเหมาะสม เพราะแสดงสีได้สมจริง ไม่สดเกินไปจนหลอกตา และยังรองรับคอนเทนต์ 4K HDR ด้วย แถมคมชัดด้วยนะ รวมถึงดูภาพ HDR ที่สว่างเฉพาะจุดก็ได้ ต้องยอมรับว่าจอนี้ ช่วยให้การเสพคอนเทนต์ ไถฟีด และเล่นเกม ได้อรรถรสดีเลยล่ะ

สเปก

และแน่นอนว่า HONOR Magic6 Pro เป็นสมาร์ตโฟนเรือธง ก็ต้องมาพร้อมชิปเซตเรือธง Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3 ซึ่งเราเห็นกันอยู่แล้วว่าประสิทธิภาพแรงสุดในฝั่ง Android ในตอนนี้ พร้อมแรมขนาด 12GB และ ROM ขนาด 512GB ขายควมจุเดียวนะ

เราทดสอบ Snapdragon 8 Gen 3 ด้วย Geekbench 6.2.2 ได้คะแนน Multi-Core ที่ 5,320 และ Single-Core ที่ 1,369 ส่วนการทดสอบกราฟิกด้วย Wild Life Stress Test ได้คะแนนสูงสุดที่ 17,807 และต่ำสุดที่ 11,573 คะแนน ความนิ่งอยู่ที่ 65% และอุณหภูมิสูงสุด 45 องศา ส่วน Solar Bay Stress Test ด้าน Ray Tracing ได้คะแนนสูงสุด 8,638 คะแนน และต่ำสุด 5,692 คะแนน เรียกว่าสูงตามมาตรฐานของ Snapdragon 8 Gen 3 เลย

ทีนี้เราลองเอาไปเล่นเกมจริงบ้าง โดยถ้าเราเล่น Genshin Imapct ที่ปรับสุด และ 60FPS คือสามารถเล่นได้สบายมาก ๆ ไม่มีอาการเฟรมดรอป และไม่เจอความหน่วงเลย แม้จะเล่นเป็นเวลานานก็ตาม หรือจะเป็น RoV ก็ปรับสุดทุกอย่าง ตั้ง 60FPS ก็ไม่เจอเฟรมดรอปใด ๆ เหมือนกัน สมชื่อ Snapdragon 8 Gen 3 เขาเลยจริง ๆ

ทีนี้มาดูซอฟต์แวร์ที่อยู่ในเครื่องกันบ้าง HONOR Magic6 Pro ใช้ซอฟต์แวร์เป็น MagicOS 8.0 ที่มีพื้นฐานมาจาก Android 14 ซึ่งมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอยู่ เช่น Magic Capsule ที่เวลาเราเล่นเพลง หรือจับเวลา ก็จะมีแจ้งเตือนด้านบนถึงเนื้อหาที่เล่นอยู่ หรือเวลาที่เหลือ Magic Portal นี่สิไม่คุ้น ! เพราะเป็นเหมือนประตูมิติในการส่งต่อเนื้อหา เช่นว่า อ่านเนื้อหาข่าวนี้แล้วชอบ ก็คลุมข้อความ Text ค้าง ลากเข้า Portal ไปเก็บใน Note ได้เลย หรืออยากจะส่งรูปให้เพื่อน ก็แค่กดค้าง โยนเข้า Portal ไปส่งได้เลย ง่าย ๆ แค่นี้เอง

แบตเตอรี่

เรื่องแบตเตอรี่ Magic6 Pro ใส่แบตแบบ ‘Silicon-Carbon’ ขนาด 5,600 มิลลิแอมป์มาให้ ถือว่าให้มาเยอะ และมีชิปจัดการพลังงาน HONOR E1 ที่เขาเคลมว่าใช้ในที่อุณหภูมิต่ำได้ดี แต่นี่เมืองไทยไม่น่าเจออุณหภูมิต่ำ แต่เราก็ขอทดสอบในอุณหภูมิร้อนแทนละกัน

จากการทดสอบใช้จริง แบตเต็มตอน 9 โมง ใช้ยาวถึง 5 ทุ่ม กับการเปิด 5G และไม่เล่นเกม โดยมีเวลาการเปิดจออยู่ที่เกือบ 5 ชั่วโมง สรุปแบตเหลือ 40% อึดเกิ้น

ส่วนหัวชาร์จก็ให้มาเป็น HONOR SuperCharge 100 วัตต์ แต่ตัวเครื่องรองรับแค่ 80 วัตต์เท่านั้น ซึ่งก็ได้ลองจับเวลาชาร์จ จาก 10% – 100% ในเวลาเกือบ ๆ 44 นาที (ถ้ารับได้ 100W ตามหัวน่าจะดี) หรือใครอยากชาร์จไร้สายก็รองรับที่ 66 วัตต์ HONOR Wireless SuperCharge ก็ได้ เรียกว่าแบตอึด ชาร์จไว สมเหรียญทองเรื่องแบตเตอรี่จาก DXOMark เลย

ข้อสังเกต

รีวิว BT จะมีข้อสังเกตกับคุณผู้ชมเสมอ โดยข้อสังเกตที่กองบรรณาธิการเราได้ถือใช้งานจริงมาซักระยะหนึ่งก็พบว่าความรู้สึกเวลาถือใช้ ทำให้รู้สึกว่าตัวเครื่องหนาและหนักอยู่ อาจจะด้วยการดีไซน์ที่ทำให้รู้สึกถึงน้ำหนักที่เพิ่มเข้ามา คาดว่าน่าจะเป็นเพราะน้ำหนักถ่วงตรงฝั่งหัวมากกว่า แต่บางคนอาจจะชอบความหนักแน่นของดีไซน์นี้ก็ได้นะ

ราคา

และรีวิวที่ดี ก็ต้องมีราคา HONOR Magic6 Pro ประกาศราคาวางจำหน่ายในประเทสไทยที่ราคา 34,990 บาท เอาจริง ๆ ก็เป็นเรือธงที่เปิดราคามาถูกสุดแล้วในตอนนี้ แล้วไม่ใช่แค่นั้น เพราะยังมีโปรโมชันช่วงจองอีก โดยถ้าจองเครื่องตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน – 21 เมษายนนี้ จะสามารถ เลือกรับ ได้ 1 อย่าง ระหว่าง Trade Up สูงสุด 5,000 บาท (เครื่องเก่าแลกใหม่ ได้ราคาเท่าไหร่ บวกให้อีก 5,000 บาท) หรือ รับฟรี ลำโพง HARMAN KARDON ONYX STUDIO 7 มูลค่า 5,990 บาท ไปเลย เฉพาะช่องทาง Online ของร้านค้าที่ร่วมรายการเท่านั้นนะ สามารถซื้อได้ที่ HONOR Brand Shop ทุกสาขา หรือช่อทางออนไลน์ของ HONOR Official Store ได้เลย ซึ่งเอาจริง ๆ ผมว่าด้วยราคาที่เปิดมาว่าคุ้มมาก ๆ แล้ว ของแถมที่ให้มาด้วยนี่ กองบก. เราใช้คำว่า ‘ราคาเร้ามาก’ ยังไงใครสนใจไปจัดกันได้เลย เรือธงที่กล้องซูมโหดขนาดนี้ ย้ำชื่ออีกที HONOR Magic6 Pro