Our score
7.5รีวิว benco S1 Plus : สมาร์ตโฟนที่อยากขอส่วนแบ่งตลาดราคาถูกด้วย ‘แบรนด์หัวใจไทย’
benco แบรนด์ 'หัวใจไทย' ขอลุยตลาดไทยจริงจังพร้อมส่งสมาร์ตโฟนมาสู้ ด้วยดีไซน์ เน้นใช้งานทั่วไป ชาร์จไว 33W ในราคา 5,599 บาท และประกันแน่น 24 เดือน แต่ตลาด Red Ocean นี้จะสู้ไหวแค่ไหนกันนะ ?
นี่คือ benco S1 Plus สมาร์ตโฟนรุ่นประหยัด แต่คือรุ่นท็อปสุดที่ benco ขายในประเทศไทยตอนนี้ ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่ผ่านการออกแบบมาเฉพาะ แถมยังให้การชาร์จที่ไวถึง 33W และหัวชาร์จ USB-C to USB-C ในราคาหลัก 5000 กว่าบาท แต่ว่า ด้วยตลาดที่การแข่งขันสูงเสียยิ่งกว่าสมาร์ตโฟนราคา 10,000 บาทขึ้นไปแล้วนั้น benco S1 Plus จะมีจุดเด่นอะไรให้สู้คนอื่นไหวบ้าง เรามาหาคำตอบไปพร้อมกันในรีวิวนี้ครับ
จุดเด่น
- ตัวเครื่องให้ประกันมากสุดในสมาร์ตโฟนเรตราคานี้ที่ 24 เดือน และประกันซอฟต์แวร์ตลอดชีพ
- ดีไซน์ตัวเครื่องที่ค่อนข้างโดดเด่นในเรตราคา โดยเฉพาะสีขาว ที่มีความแตกต่างในแต่ละเครื่อง
- มาพร้อมกับมาตรฐานชาร์จเร็ว 33W (PD) พร้อมกับหัวชาร์จ USB-C to USB-C ด้วย
- สเปกเครื่อง และซอฟต์แวร์ที่ค่อนข้างคลีน ทำให้สามารถใช้งานทั่วไปได้อย่างดี ไม่หน่วงมากนัก
- ให้พอร์ตมาครบ ทั้ง USB-C และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
จุดสังเกต
- สเปกเครื่องยังไม่เหมาะกับการเล่นเกมมากนัก
- กล้องถ่ายภาพมีการปรับแต่งของซอฟต์แวร์ที่ค่อนข้างน้อยมาก และสีออกมาดูแปลก ๆ เล็กน้อย
- แบตเตอรี่มีอาการแบตไหล แม้จะสแตนบายไว้เฉย ๆ แต่บางช่วงก็แบตเตอรี่อึดเมื่อใช้งานทั่วไป
- ราคาเครื่องยังถือว่าสูงกว่าคู่แข่งในเรตราคาเดียวกัน
- ซอฟต์แวร์ที่มีการปรับแต่งน้อย อาจจะมีคนที่ชอบและไม่ชอบได้เช่นกัน
-
หน้าจอ
8.0
-
กล้อง
6.5
-
แบตเตอรี่
8.5
-
เสียง
7.0
-
ประสิทธิภาพ
7.0
-
ดีไซน์
8.5
-
ความคุ้มค่า
7.0
ถ้าใครไม่เคยได้ยินชื่อของแบรนด์สมาร์ตโฟน ‘benco’ ผมว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่แปลกมากมายอะไรมากนักครับ แต่ว่า นี่คืออีกครั้งหนึ่งที่ benco ตัดสินใจที่จะลงแรงจริงจัง ไปกับการทำตลาดในประเทศไทย ไปพร้อมกับสมาร์ตโฟนที่ตอนนี้คือรุ่นท็อปที่สุดของค่าย อย่าง benco S1 Plus ซึ่งเราจะมาหาคำคอบว่ามันมีอะไรดีบ้าง ไปพร้อมกับการตอบคำถามที่ว่า benco จะเข้ามาสวู้ในตลาดประเทศไทยได้แค่ไหนกัน ?
ก่อนเราจะเริ่มอ่านรีวิวนี้กัน เรามาปูพื้นกันก่อน เพราะแม้จะบอกว่า benco S1 Plus เครื่องนี้คือสมาร์ตโฟนตัวท็อปสุดของค่าย แต่ benco S1 Plus เครื่องนี้ วางจำหน่ายในประเทศไทยที่ราคา ‘5,599 บาท’ เท่านั้นนะ และนี่คือสมาร์ตโฟนที่ benco เขาบอกว่าตัวเองเป็น ‘แบรนด์น้องใหม่หัวใจไทย’ ด้วยนะ
สเปกของ benco S1 Plus
- หน้าจอ : LCD ขนาด 6.8 นิ้ว รีเฟรชเรต 90Hz ความละเอียด 1.5K (2,460 x 1,080) Touch Sampling 240Hz ความสว่างสูงสุด 580 nit
- ชิปเซต Unisoc T616 รองรับการเชื่อมต่อ 4G
- หน่วยความจำขนาด 256GB UFS 2.2
- RAM : 8GB
- กล้องหลัง 2 ตัว ประกอบไปด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (f/1.79)
- กล้องถ่ายภาพมาโครความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้าขนาด 16 ล้านพิกเซล (f/2.0)
- แบตเตอรี่ 5,000 mAh พร้อมชาร์จไว 33W vivo FlashCharge
- ซอฟต์แวร์ INONE UI V.1.2 (Based on Android 13)
- มีสีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว (Moon White) และสีดำ (Dark Grey)
- ราคาวางจำหน่ายในประเทศไทย 5,599 บาท
แล้ว benco คือใครกัน ?
ก่อนที่เราจะมาดูตัวสมาร์ตโฟนของ benco เครื่องนี้ เรามารู้จัก benco แบบจริง ๆ จัง ๆ อีกรอบก่อนดีกว่า ค่อนข้างมั่นใจว่าใครหลาย ๆ คน น่าจะไม่เคยได้ยินชื่อ benco มาก่อนแน่ ๆ แต่ถ้าพูดถึงแบรนด์ที่ชื่อ LAVA ล่ะ ?
สมัยก่อน (จริง ๆ ปัจจุบันก็ยังมีนะ) ถ้าเกิดว่าเครือข่ายไหนอยากจะวางขายสมาร์ตโฟนราคาประหยัดสุด ๆ ไปพร้อม ๆ กับโปรรายเดือนของเครือข่าย แต่ละเจ้าคงไม่สามารถผลิตสมาร์ตโฟนกันเองได้แน่ ๆ แล้ว เวลาแต่ละเครือข่ายอยากวางขายสมาร์ตโฟนที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง ก็มักจะต้อง ‘OEM’ หรือก็คือจ้างแบรนด์ต่าง ๆ ผลิตเอานั่นแหละ ซึ่ง LAVA ก็เป็นแบรนด์ที่เคยผลิตสมาร์ตโฟนให้กับเครือข่าย AIS มาก่อนนี่แหละ
ซึ่งบริษัทที่ผลิต LAVA มาขายให้ในประเทศไทย ก็คือ ‘INONE Technology’ นี่แหละครับ บริษัทนี้ผลิต LAVA ให้ทาง AIS ในช่วงปี 2014 ที่ผ่านมา จนกระแสของสมาร์ตโฟนแบรนด์เครือข่ายก็เสื่อมความนิยมลงไป จนปี 2019 INONE ก็ได้ตัดสินใจสร้างแบรนด์ใหม่ในชื่อ ‘benco’ ขึ้นมานั่นเอง
จากการศึกษาเพิ่มเติมของผู้เขียน benco นั้น พบว่าจนถึงตอนนี้ benco ทำตลาดแล้วในประเทศเนปาล, บังคลาเทศ, ไทย, อินเดีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ซาอุดีอาระเบีย, อียิปต์, โมซัมบิก, และมาดากัสการ์ โดยเน้นผลิตและวางขายสมาร์ตโฟนที่ราคาประหยัด เข้าถึงได้ง่าย ๆ และเจาะกลุ่มเป้าหมายทั่ว ๆ ไปด้วย
ซึ่งในประเทศไทยก็ได้มีการขายสมาร์ตโฟนแบรนด์นี้มาตั้งแต่ปี 2019 นี่แหละครับ โดยก็ขายมาหลายรุ่นเหมือนกัน อย่างตอนนี้เองก็ขายสมาร์ตโฟนเน้นราคาประหยัดเป็นหลักเลย จนมาถึงรุ่นนี้ที่ benco ตัดสินใจขายรุ่นท็อปสุดในตอนนี้ กับ benco S1 Plus นั่นเอง
ซึ่งความเป็น ‘แบรนด์หัวใจไทย’ ของเขานั้น benco กล่าวในงานแถลงข่าวเลยว่าทางแบรนด์ได้พยายามเน้นด้านบริการหลังการขายที่ดีขึ้น ด้วยการให้ประกันตัวเครื่องที่ 24 เดือน หรือ 2 ปี ตรวจเช็กฟรี ส่งซ่อมฟรี และยังมีการรับประกันแบบ DOA ในกรณีที่ตัวเครื่องมีปัญหา สามารถนำมาเปลี่ยนคืนได้ในระยะเวลา 14 วัน และเน้นว่าการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยของ benco นั้น เป็นเหมือนแบรนด์มาเปิดสาขาในประเทศไทยแบบจริงจัง ทำให้สามารถรับการตอบรับจากผู้ใช้ได้ดีขึ้นไปด้วยนั่นเอง
ดีไซน์
ดีไซน์ของ benco S1 Plus เรียกได้ว่าค่อนข้างมีตัวมีตนมากขึ้นอีกเล็กน้อยครับ โดยทาง benco ได้บอกว่ามีการลงทุนด้านการดีไซน์ตัวเครื่องมากกว่าเดิม โดยเฉพาะในสีขาว (Moon White) ที่ทำเป็นลายคล้าย ๆ หินอ่อน ที่มีดีไซน์ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละเครื่องด้วยนะ
ซึ่งสีที่เรารีวิวกันอยู่ตอนนี้คือสีดำ (Dark Grey) ครับ ซึ่งจะไม่ได้หวือหวาแบบสีขาวที่จะออกไปทางลายหินอ่อนเว่อวังอะไรนะ แต่สีดำนี้ก็ยังมีดีไซน์ที่เป็นตัวของตัวเองอยู่เล็กน้อย ด้วยการแบ่งฝาหลังด้านบนเป็นแบบมันเงา และด้านล่างเป็นแบบขัดด้านแทน (แต่เป็นพลาสติกขัดด้านทั้งคู่นะ) ซึ่งโดยรวม ๆ แล้วก็ทำให้การจับถือทำได้ค่อนข้างโอเคอยู่นี่แหละครับ ดูติดมือดี
ส่วนรอบ ๆ ข้างเครื่องก็เป็นขอบตัดตามสมัยนิยม เอาปุ่มเปิด-ปิด และเพิ่ม-ลดเสียงไว้ด้านขวาของตัวเครื่อง และเอาพอร์ตต่าง ๆ ไว้ด้านล่างทั้งหมดเลย ซึ่งจะมีพอร์ต USB-C 2.0 ไมโครโฟนลำโพง และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรอยู่โซนเดียวกันนี้ แล้วก็เอาช่องเสียบซิม ที่ใส่ได้ 2 ซิมพร้อมกัน และใส่ Micro SD Card ได้ด้วย ไว้ด้านบนซ้ายของตัวเครื่องแทน เอาจริง ๆ เป็นการให้พอร์ตที่ค่อนข้างครบ และพร้อมมากอยู่เลยแหละ
ซึ่งงานประกอบในภาพรวมถือว่าค่อนข้างหนักแน่นอยู่นะ อาจจะดูหนาไปเล็กน้อย แต่ได้เรื่องความแน่นนี่แหละ ตอนถือใช้ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นสมาร์ตโฟนราคาถูกแต่อย่างใดเลย โดยรวม ๆ แล้วทำให้การใช้งานโดยทั่วไปทำได้ค่อนข้างโอเคอยู่เลยทีเดียว
หน้าจอ
หน้าจอของ benco S1 Plus ก็ไม่ได้หวือหวาอะไรมากนักครับ เป็นหน้าจอแบบ LCD ขนาด 6.8 นิ้ว รีเฟรชเรต 90Hz ความละเอียด 1.5K (2,460 x 1,080) ที่ให้ความสว่างสูงสุด 580 nits นะ ซึ่งเป็นขนาดที่เรียกว่าใหญ่ได้ใจเลยแหละ แต่อย่างที่บอกว่านี่คือหน้าจอ LCD ซึ่งไม่ได้เป็นหน้าจอที่สดเด้งแบบที่เราเห็นในหน้าจอ AMOLED (ที่แน่นอนว่าเรตราคานี้ก็หาได้ยากเช่นเดียวกัน) แต่ก็ยังถือได้ว่าสามารถทำคุณภาพของภาพได้ในระดับที่ค่อนข้างโอเคอยู่ครับ
ในด้านการเอาหน้าจอมาเพื่อใช้งานโดยทั่ว ๆ ไปแล้วนั้น ถือว่าโอเคครับ ถ้านี่เป็นสมาร์ตโฟนที่ซื้อมาให้คนทั่วไปใช้ หรือซื้อให้พ่อแม่ใช้กัน เอาไว้ไถฟีดโซเชียลมีเดีย หรือดูยูทูปเล็กน้อย ก็ไม่ได้มีปัญหา เล่นภาพได้โอเค (แต่เล่นได้สูงสุดแค่ 1080P 60FPS นะ) เพียงแต่ว่า ในเรตราคานี้ คู่แข่งเจ้าอื่น ๆ เองก็มีความสามารถในการทำหน้าจอที่ไม่ได้ต่างกันมากนักเลยครับ โดยเฉพาะในเรตราคาใกล้ ๆ กันแล้วนั้น คุณภาพของจอก็จะออกมาใกล้ ๆ กันเลยนั่นเอง
กล้องถ่ายภาพ
กล้องถ่ายภาพของ benco S1 Plus รุ่นนี้เอาจริง ๆ คือ 1 ในจุดอ่อนของเขาเลยครับ เพราะว่าแม้จะให้กล้องถ่ายภาพหลักมาที่ความละเอียดระดับ 48 ล้านพิกเซล แต่ว่าด้วยความที่ซอฟต์แวร์ของกล้องถ่ายภาพนั้นถ่ายออกมาแล้วยังได้คุณภาพของภาพที่ออกมาทางสีปรับแต่งค่อนข้างน้อย แถมยังมีการเร่งความสดของภาพให้ออกมาแปลก ๆ เล็กน้อย
ค่อนข้างมั่นใจว่ากล้องถ่ายภาพนั้นอาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่เน้นมากที่สุดในสมาร์ตโฟนรุ่นนี้นะครับ แต่ว่าด้วยคู่แข่งในเรตราคานี้มีอยู่จำนวนมาก ทำให้การแข่งขันด้านกล้องถ่ายภาพนั้น benco ยังแอบเป็นรองกับชาวบ้านอยู่พอสมควรครับ โดยเฉพาะกับสมาร์ตโฟนที่เน้นเรื่องของกล้องแม้จะราคาเบา ๆ เช่น Samsung, vivo นั่นเองครับ แต่แน่นอนว่าถ้าแค่อยากได้กล้องที่แค่พอถ่ายไปลงในโซเชียลมีเดียได้ ก็สามารถทำได้เหมือนกันครับ
และด้วยความที่ว่ากล้องถ่ายภาพนั้นมีเพียงแค่กล้องหลักเท่านั้น อีกกล้องเป็นกล้องถ่ายภาพมาโคร เลยทำให้การถ่ายภาพซูมก็ใช้การครอปภาพจากกล้องถ่ายภาพหลักเท่านั้น และไม่สามารถถ่ายมุมกว้างมากได้แต่อย่างใดครับ ก็เลยจะสามารถซุมเข้าไปได้ลึกสุดแค่ 10 เท่าเท่านั้นนะ (ภาพด้านล่างเป็นขนาด 1x, 2x, 5x และ 10x ตามลำดับ)
สเปกภายในเครื่อง ประสิทธิภาพ และการเล่นเกม
ทีนี้สเปกภายในเครื่องของ benco S1 Plus นั้น มาพร้อมกับชิปเซต Unisoc T616 ครับ คือเป็นชิปที่ค่อนข้างเจอกันบ่อยในสมาร์ตโฟนเรตราคานี้ (เช่น realme C35) เพียงแต่ว่าเป็นชิปที่ไม่ได้มีความนิยมมากเท่า Snapdragon หรือ MediaTek Helio นะ ทำให้ตอนแรกจะรู้สึกว่าตัวชิปไม่ได้เหมาะสมกับการเล่นเกมมากนัก
แต่จากที่ได้ลองใช้งานมาจริง ๆ แล้ว ก็พบว่าในการใช้งานโดยทั่วไป เช่นเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือใช้งานทั่ว ๆ ไปนี่ เรียกได้ว่าใช้งานได้แบบสบาย ๆ ไม่มีข้อกังขาใด ๆ ครับ คือถ้าซื้อให้ครอบครัวใช้งาน หรือเป็นเครื่องสำรอง ก็ถือว่าเพียงพอแล้วครับ
แต่จากการทดสอบประสิทธิภาพด้วย Geekbench 6.3.0 แล้วนั้น จะได้คะแนน Multi-Core ที่ 1456 คะแนน และได้คะแนน Single Core ที่ 429 คะแนนด้วยกันครับ รวมถึงการทดสอบความแรงของการ์ดจอด้วย 3D Mark Wild Life Stress Test ก็ได้คะแนนสูงสุดที่ 478 คะแนน และคะแนนต่ำสุดที่ 471 คะแนนครับ โดยความนิ่งจะคงที่ที่ 98.5% ครับ โดยรวมๆ แล้วเล่นเกมเบาๆ ทั่ว ๆ ไปได้แน่นอน แต่อาจจะยังเล่นเกมแรงมาก ๆ ไม่ได้นะ
ซึ่งจากการทดสอบเล่นเกม RoV มา สามารถปรับการตั้งค่าสูงสุดได้ แต่ตั้งความละเอียดสูงมากไม่ได้ โดยสามารถเล่นได้ที่เฟรมเรตประมาณ 50-60FPS ครับ แต่ถ้าเจอไฟท์เยอะ ๆ เฟรมเรตก็อาจจะดิ่งลงไปบ้างเหมือนกัน
ซึ่งโดยรวม ๆ แล้ว ในสมาร์ตโฟนเรตราคานี้ ส่วนนี้ก็การแข่งขันสูงไม่น้อยเลยทีเดียวครับ มีอีกหลายเจ้ามาก ๆ ที่อาจจะให้สเปกสูงกว่านี้ แลกกับบางอย่างที่ลดลงไป แต่ในรุ่นนี้ก็ให้สเปกที่สูงพอจะใช้งานทั่ว ๆ ไปได้มากอยู่นะ เช่นแรมขนาด 8GB, ROM ขนาด 256GB แบบ UFS 2.2 ที่มักจะเจอในสมาร์ตโฟนในเรตราคาที่แพงกว่านี้ ดังนั้น โดยส่วนตัวของผู้เขียนมองว่า สเปกของ benco S1 Plus รุ่นนี้จะเน้นทำมาเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่า
แบตเตอรี่
แบตเตอรี่ของ benco S1 Plus นั้นให้มาสูงตามมาตรฐานสมาร์ตโฟนปัจจุบันด้วยแบตเตอรี่ขนาด 5000 มิลลิแอมป์ครับ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานแล้ว แต่ที่โหดจริงคือการชาร์จกลับครับ เพราะได้ให้ความเร็วการชาร์จมาที่ 33W ผ่านมาตรฐาน PD เลยครับ หมายถึงว่า ถ้าเกิดว่าเรามีหัวชาร์จที่สามารถชาร์จแบบ PD ได้ (เช่นหัวชาร์จของ Samsung ที่ 25W) ก็เป็นไปได้ว่าสามารถชาร์จ benco S1 Plus เครื่องนี้ที่ 25W เช่นเดียวกันเลย แถมหกัวชาร์จที่ให้มาก็เป็นหัวชาร์จแบบ USB-C และให้สายแบบ USB-C to USB-C เช่นกัน (แม้หลาย ๆ แบรนด์ โดยเฉพาะในเรตราคานี้จะยังให้หัวแบบ USB-A to USB-C อยู่)
ส่วนความอึดของแบตเตอรี่นั้น เอาจริง ๆ ตรงนี้ผู้เขียนก็ยังคงเกิดความสงสัยไม่น้อยเช่นกัน เพราะตอนที่ทดลองใช้มานั้น ยังคงเจอปัญหาที่ว่าตัวเครื่องเกิดแบตเตอรี่ไหล แม้จะไม่ได้ทำอะไรอยู่เลยก็ตามอยู่บ้าง แต่ในหลาย ๆ ครั้งก็ยังสามารถใช้งานแบบเปิดจอโดยแบตเตอรี่ไม่ได้ลดลงเร็วขนาดนั้นด้วยเหมือนกัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าโดยรวมๆ แล้ว ตัวซอฟต์แวร์อาจจะยังมีบัคอีกพอสมควรครับ แต่ด้วยว่า benco ยังเป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างใหม่ในตลาด คาดว่าปัญหานี้น่าจะได้รับการแก้ไขบ้างในภายหลังแน่นอน
ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่กลับ ด้วยว่าผู้เขียนมีหัวชาร์จที่ผ่านมาตรฐาน PD 90W มา และลองชาร์จแบตเตอรี่เทียบกันกับหัวที่แถมมาในกล่อง ก็ยังรู้สึกได้ถึงความเร็วในการชาร์จที่ค่อนข้างคล้ายกันอยู่ครับ อันนี้ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่งเลย เพราะหาหัวชาร์จได้ง่ายแน่นอน (หรือใช้ที่เขาแถมมาก็ได้เหมือนกัน)
สรุปส่งท้าย
โดยรวม ๆ แล้ว benco S1 Plus อาจจะยังไม่ใช่สมาร์ตโฟนที่ดีที่สุดในเรตราคานี้ แต่แน่นอนว่า นี่คือครั้งแรกที่ benco กระโดดขึ้นมาจับตลาดราคาสูงเกิน 5,000 บาทเป็นครั้งแรกครับ แน่นอนว่า นี่เป็นเหมือนแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ทาง benco ยังสามารถพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้อีกแน่ ๆ ด้วยฟีเจอร์ที่มีมาให้เล่นในตอนนี้ แต่ว่า ด้วยต้นทุนที่จำกัดกว่าคู่แข่ง ในตลาดที่เรียกว่ารุนแรงยิ่งกว่าน่านน้ำสีแดง หรือ Red Ocean นี้แล้ว การที่ benco S1 Plus จะเข้าไปต่อสู้ในตลาดนี้ ยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากไม่น้อยเลยทีเดียว
ผู้เขียนก็ยังอยากให้กำลังใจ benco นะ เพราะการแข่งขันล้วนดีเสมอ การเข้ามาของ benco อาจจะยังไม่สามารถเขย่าตลาดได้ในขณะนี้ แต่อย่างน้อยที่สุด benco น่าจะให้ความพอใจได้กับการประกันที่ให้มามากถึง 24 เดือน (หรือ 2 ปี) ได้ไม่มากก็น้อยแน่นอน
อย่างที่บอกไปว่า benco S1 Plus นั้นวางจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ที่ราคา 5,599 บาทครับ โดยสามารถซื้อได้ตามร้านตู้ที่ benco ให้จัดจำหน่าย รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ทั้ง Lazada benco Official Store และ Shopee benco Official Store ได้เช่นเดียวกัน