Our score
8.0

[รีวิว] CMF Watch Pro 2 สมบูรณ์มากขึ้น หน้าตาสวย แบตฯ อึดขึ้น ขายไทยสิงหาคมนี้

จุดเด่น

  1. หน้าปัดนาฬิกาทรงกลมดีไซน์ใหม่
  2. ปรับแต่งหน้าตาของนาฬิกาได้อิสระ
  3. หน้าปัดนาฬิกามีให้เลือกหลายแบบ
  4. แบตเตอรี่อึด ชาร์จไว

จุดสังเกต

  1. เป็นนาฬิกาที่เหมาะสำหรับคนถนัดมือขวา
  2. ราคาค่าตัวแพงไปนิดหนึ่ง
  3. การชาร์จยังใช้แบบขั่วแม่เหล็กแบบเดิม
  4. ไม่สามารถตั้งค่าการใช้งานสลับจากมือซ้ายไปมือขาวได้ (สำหรับคนถนัดมือซ้าย)
  • หน้าจอ

    8.5

  • แบตเตอรี่

    8.0

  • ฟังก์ชัน

    7.5

  • วัสดุ

    8.0

  • ความคุ้มค่า

    7.8

เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับแบรนด์น้องใหม่อย่าง CMF by Nothing (ไม่ใหม่หรอกเพราะเปิดตัวในต่างประเทศปีที่แล้ว สิงหาคม 2023) แต่เป็นแบรนด์น้องใหม่สำหรับประเทศไทย และบทความนี้จะมารีวิว CMF Watch Pro 2 ที่สมบูรณ์แบบกว่ารุ่นแรก หน้าตาสวยดูเท่ แบตเตอรี่อึดขึ้น และขายไทยเดือนสิงหาคมนี้ ในราคาค่าตัว 2,699 บาท

Before CMF Watch Pro 2

เอาล่ะก่อนที่ทุกท่านจะอ่านรีวิว CMF Watch Pro 2 พวกเรามาย้อนกันก่อนว่ารุ่นแรกที่ไม่ขายไทยกันก่อนว่า เพราะเหตุใดรุ่นที่ 2 เป็นรุ่นที่น่าซื้อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สามารถเข้าไปอ่านรีวิวฉบับรวบรัดได้ที่นี่ : CMF Watch Pro โดยในรุ่นแรกนั้นผมได้บอกว่า เป็นนาฬิกาที่ดีนะ แต่ฟังก์ชันการทำงานยังไม่สมชื่อโปร และแบตฯ ไม่ค่อยอึดสักเท่าไหร่ แต่ในรุ่นถัดมา CMF Watch Pro 2 นั้นได้กำจัดจุดอ่อนนั้นทั้งหมด เพราะมาจากการอัปเกรดฮาร์ดแวร์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

โดยผมจะแบ่งการรีวิว CMF Watch Pro 2 นี้ออกเป็นทั้งหมด 4 พาร์ตใหญ่ ๆ ได้แก่ ดีไซน์ดี ฟังก์ชันการทำงานครบครัน ใช้ได้ยาวนาน และความรู้สึกทั้งหมดจากการใช้มา 1 สัปดาห์

Part 1 : ดีไซน์ดี

เริ่มแรกก่อนที่คุณจะซื้อนาฬิกาสักเรือนนั้นก็ต้องดูเรื่องของดีไซน์กันก่อน สำหรับ CMF Watch Pro 2 นี้เป็นพาร์ทที่โดดเด่นที่สุดของนาฬิกาเรือนนี้เลย เพราะมีการดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ปรับจากนาฬิกาทรงเหลี่ยมเหมือนค่ายผลไม้อเมริกาเจ้าหนึ่งเป็นทรงกลมแบบที่นาฬิกาควรจะเป็น

เปลี่ยนปุ่มกดได้อย่างเดียวเป็นปุ่มฟังก์ชันที่สามารถหมุนได้เหมือยเม็ดมะยมที่มีชื่อว่า ‘Functional Crown’เพื่อเลื่อนหน้าจอของนาฬิกาและกรอบนาฬิกา (Bezel) ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้เปลี่ยนจากขอบเหลี่ยมเป็นขอบมน เพื่อการ Cuztomize นาฬิกาในแบบที่ชอบ

โดย CMF Watch Pro 2 ที่ทาง BT ได้รับมารีวิวในครั้งนี้เป็นรุ่นตัวเรือนสี เทา-ดำ (Dark Gray) กรอบนาฬิกาแบบตัดขอบคม และสายนาฬิกาวัสดุยางสีดำ เรียกได้ว่าสวยเลยทีเดียวนำไปใช้งานแต่งตัวเข้ากับลุคเสื้อผ้าได้หลากหลาย แต่หากใครอยากเปลี่ยนลุคของนาฬิการก็สามารถซื้อสายนาฬิกาที่มาพร้อมกับกรอบนาฬิกาแบบอื่น ๆ มา Mix & Match ได้ (เกิดมาเพื่อปรับแต่งสุด ๆ)

ด้านของตัวเรือนนาฬิกาทำมาจากวัสดุพลาสติก และอะลูมิเนียมนำ้หนักโดยรวมอยู่ระหว่าง 44.4-48.1 กรัมทำให้ใส่ได้ทั้งวันไม่หนักข้อมือ ซึ่งเป็นหนึ่งข้อที่ CMF Watch Pro ทำได้ดี กันน้ำกันฝุ่น IP68 กันน้ำลึก 1.5 เมตรเป็นเวลา 30 นาที

Part 2 : ฟังก์ชันการทำงานครบครัน

ใน Part ที่ 2 นี้เราจะมาพูดถึงฟังก์ชันการทำงานของ CMF Watch Pro 2 ถ้าสรุปแบบรวบรัดสุด ๆ คือ ทำได้ทุกอย่างของ Smart Watch ที่ควรจำทำได้ในปี 2024 ทั้ง ตรวจจับการเต้นของหัวใจ (Heart Rate), ตรวจจับออกซิเจนภายในเลือด (Blood Oxygen), คะแนนกิจกรรม (Avtivity Score), ตรวจจับการนอนหลับ (Sleep), ตรวจจับความเครียด (Stress) และรอบประจำเดือน (Cycles)

อีกหนึ่งจุดเด่นของนาฬิกา CMF Watch Pro 2 ในครั้งนี้ก็คือ รองรับโหมดการออกกำลังกายมากกว่า 120 โหมด ซึ่งในจุด ๆ นี้ทางผู้เขียนไม่ได้ออกกำลังกายในช่วงที่ผ่านมาเลยไม่ได้รีวิวในจุด ๆ นี้ แต่ผู้เขียนได้เน้นใช้ตรวจจับก้าวเดินในแต่ละวันให้ได้ตามเป้าที่วางเอาไว้ทั้ง การเบิร์นแคลลอรี่ และก้าวเดินที่ตั้งค่าเอาไว้

นอกจากนี้ CMF Watch Pro 2 ยังได้กำจัดจุดอ่อนของรุ่นก่อนหน้าก็คือ มี GPS ภายในตัวทำให้การออกกำลังกายประเภท เดิน และวิ่งนั้นสามารถติดตามได้แม่นยำมากกว่าเดิม

ด้านการทำงานที่นอกเหนือการออกกำลังกาย และตรวจจับด้านสุขภาพ UI ของ CMF Watch Pro 2 ก็ถูกออกแบบที่คลีนมากกว่าเดิม โดยการเพิ่มหน้าวิดเจ็ตที่ผู้ใช้สามารถตั้งค่าได้ทั้งหมด 4 หน้า และในหน้าต้องการแสดงผลค่าอะไรสำหรับการดูแบบด่วน ๆ ซึ่งสามารถตั้งค่าได้ผ่านแอปฯ CMF Watch

อีกหนึ่งจุดที่จะลืมพูดไม่ได้เลยก็คือ แอปฯ CMF Watch โดยแอปฯ รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ไม่ได้กั๊กการใช้งานบน Android เท่านั้นเหมือนบางเจ้าในตลาด โดยในแต่หน้าของแอปฯ จะแบบออกทั้งหมด 4 หน้าใหญ่ ๆ ได้แก่ หน้ารวมเช็คข้อมูลสุขภาพ, หน้าเลือกโหมดการออกกำลังกาย, หน้าตั้งค่านาฬิกา และหน้าตั้งค่าแอปฯ

ซึ่งในหน้าตั้งค่านาฬิกาของแอปฯ สามารถดูเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ของนาฬิกา, เปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาที่มีให้เลือกมากกว่า 100 หน้าปัด (เป็นจุดที่นักเขียนชอบอีกจุดหนึ่ง) มีทั้งแบบดิจิทัล และแอนะล็อกมีเข็มที่มีกลิ่นอายของแบรนด์ CMF ทั้ง จุด, วงกลม, ขีด และสีส้ม-ขาว-ดำ-เทา เรียกได้ว่าใครชอบเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาต้องชอบ CMF Watch Pro 2 อย่างแน่นอน

Part 3 : ใช้ได้ยาวนาน

ใน Part 3 ก็ถือว่าเป็นพาร์ทที่สำคัญสำหรับใครที่จะเลือกซื้อนาฬิกา หรือ Smart Watch ในแต่ละเรือนมาใช้งาน ก่อนหน้านี้ CMF Watch Pro 1 ค่อนข้างทำคะแนนเรื่องแบตฯ ไม่ค่อยเก่งสักเท่าไหร่ ถึงจะใช้พาเนลจอ AMOLED แต่ยังจัดการเรื่องพลังงานไม่เก่ง เปิดโหมด Always-On Display แบตฯ ใช้งานได้ไม่ถึง 2 วัน แถมยังชาร์จช้าอีกด้วย และใช้การชาร์จแบบแปะพินแม่เหล็กหลังตัวเรือน

ตัดภาพมาที่รุ่นล่าสุดอย่าง CMF Watch Pro 2 รุ่นนี้ก็ได้มีการอัปเกรดพาเนลจอใหม่ เลือกใช้แบบ AMOLED ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ Auto-Brightness ปรับแสงของหน้าจออัตโนมัติในแต่ละสภาพแสงระหว่างการใช้งาน

จากการใช้งานจริงเปิดโหมด Always-On Display ตลอดเวลา เปิดการตั้งค่าตรวจจับข้อมูลสุขภาพทั้งหมดเช่น อัตราการเต้นของหัวใจ ความเครียด การนอนหลับในเวลากลางคืน และเปิดรับการแจ้งเตือนของแอปฯ พบว่าแบตเตอรี่ 100% สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ 10 โมงเช้าของวันอังคารจนถึงวันศุกร์เวลา 3 ทุ่มเหลือแบตเตอรี่ 5% เรียกได้ว่าสอบผ่านในจุดนี้

นอกจากนี้การชาร์จ CMF Watch Pro 2 ก็ยังชาร์จไวอีกด้วย เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าถึงแม้ว่าจะเลือกใช้การชาร์จพินแม่เหล็กแบบเดิมก็ตาม

Part 4 : ความรู้สึกทั้งหมดจากการใช้มา 1 สัปดาห์

จากการใช้งานจริงร่วมกว่า 10 วันก็พบว่า พึงพอใจมาก ๆ กับ CMF Watch Pro 2 เรือนนี้ ชอบมากกว่ารุ่นแรกหลายเท่าตัว ทั้งเรื่องของงานดีไซน์ตัวเครื่องที่เปลี่ยนไปใช้แบบวงกลม เปลี่ยนกรอบขอบนาฬิกาได้ และอัปเกรดฮาร์ดแวร์ภายในทำให้ใช้งานได้ยาวนาน ซึ่งผมก็แนะนำว่า CMF Watch Pro 2 นี้ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครที่กำลังมองหา Smart Watch สักเรือนที่มีงานดีไซน์สวย และฟีเจอร์ครบครัน แถมราคาค่าตัวก็ไม่ได้แพงจนเกินไปอีกด้วย

ราคา และวันวางจำหน่าย

CMF by Nothing ประเทศไทยเปิดราคาขาย CMF Watch Pro 2 อยู่ที่ 2,699 บาท โดยสินค้าจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป อ่านรายละเอียดของสินค้าตัวอื่น ๆ ของ CMF by Nothing ได้ที่นี่