Our score
8.9

รีวิว NOTHING Ear รุ่น 3 หูฟังสุดเท่ ที่ไม่ได้เท่อย่างเดียว แต่ (คุณภาพ) เฟี้ยวไม่เบา

หูฟังตัวแน่น ดีไซน์เท่ ในราคากำลังดี

จุดเด่น

  1. ดีไซน์สวยงาม
  2. แบตอึด
  3. เสียงดี เหมาะสำหรับหลายสไตล์

จุดสังเกต

  1. วัสดุใส เป็นรอยง่ายมาก โดยเฉพาะสีขาว
  • เสียง

    9.0

  • วัสดุ

    8.0

  • แบตเตอรี

    10.0

  • ความคุ้มค่า

    8.5

Nothing ก็เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดของทั้งสมาร์ตโฟน และหูฟัง ซึ่งเจ้า Nothing Ear รุ่นนี้ก็นับเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว หลังจากปล่อยวางจำหน่ายใน section นี้ออกมา ซึ่งก็ออกมาควบคู่กันกับ Nothing Phone นั่นเอง ก็พอที่จะเห็นได้ว่า Nothing มีความพยายามในการสร้าง Ecosystem ของตัวเองอยู่พอสมควร 

Nothing Ear วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการไปแล้วในไทย เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าสนใจ และวางตัวเองในระดับหูฟังแบบ General คือเหมาะสำหรับคนทั่วไป ชน Apple AirPods Gen 3 และ Samsung Galaxy Buds 3 อีก 2 ตัวที่วางตัวเป็นหูฟังสำหรับคนทั่วไปเช่นกัน 

ดีไซน์

แน่นอนว่าพอเป็น Nothing แล้ว เรื่องดีไซน์ไม่เคยเป็นรองใคร ตัว Battery Case เป็นแบบใส เผยให้เห็นถึงตัวหูฟัง และลวดลายของตัวหูฟัง มีพาร์ตสีขาว สลับกับแบบใส ถือว่าสวยงามในด้านของการดีไซน์ แต่หากถ้าใช้ไปนาน ๆ ก็แอบหวั่นเรื่องว่าตัวพาร์ตที่ใส ๆ นี้จะเป็นรอย หรือเหลืองไหม ก็ควรอย่างยิ่งที่จะหาเคสมาใส่ด้วยเพื่อยืดอายุการใช้นาน

ตัวเคสมีปุ่มสำหรับ paring และช่องพอร์ต USB-C อยู่ข้างกัน ซึ่งรองรับการชาร์จไว ชาร์จ 10 นาทีใช้ได้ 10 ชั่วโมง (แบบปิด ANC) ส่วนตัว Battery Case มีความจุทั้งหมด 500 mAh และตัวหูฟังมีความจุแบตอยู่ที่ 46 mAh 

ส่วนตัวหูฟังนั้นเป็นแบบ In-Ear แบบจุกยาง หน้าตาดูคุ้นหน้าคุ้นตา ดีไซน์แบบโปร่งใส เห็นพาร์ตต่าง ๆ ด้านใน คล้ายกับกิมมิกเฉพาะตัวของ NOTHING Phone สวยเท่มาก ตัวก้านมีเซนเซอร์สามารถบีบเพื่อควบคุมได้ (ซึ่งส่วนตัวมองว่าค่อนข้างลำบากกว่าการมี touch control) โดยรวมถือว่าเป็นหูฟังที่แปลกตา และมือความเป็นเฉพาะตัวสูงมาก ทั้งตัวเคส และตัวหูฟังเอง

ความสะดวกสบายในการสวมใส่ และ ANC

ความสะดวกสบายในการสวมใส่ของหูฟังตัวนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่มองว่าเป็นจุดชูโรง แม้สวมใส่เป็นเวลานานก็ไม่รู้สึกว่าระแคะระคาย จุกยางกำลังดี มีให้เลือก 3 ไซซ์ ผมเลือกใช้ไซซ์ M แต่สำหรับผมที่ปกติเป็นคนเรื่องมากเรื่องจุก ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี สำหรับไซซ์ที่มีมาให้ และถือว่าจุกยางเองตัดเสียงภายนอกออกไปได้ระดับหนึ่งในตัว

พูดถึงเรื่องตัดเสียง ตัวหูฟังมีระบบ ANC / Ambient Sound / Noise Cancelling ที่เป็นปกติที่หูฟัง In-Ear เรือธงปีนี้ต้องมี

ของพูดถึงเรื่อง Noise Cancelling ก่อน ถือว่าทำได้อยู่ในระดับปานกลาง สเปกกระดาษบอกว่าลดไปได้ 45 dB ถ้าเทียบกับระดับใกล้เคียงของตัวอื่นยังมีจุดที่ปรับปรุงได้ แต่ก็เข้าใจว่านี่เป็นรุ่นแรก ๆ (รุ่นลำดับที่ 3 ของค่าย) เลยน่าจะยังปรับปรุงได้อีก คิดว่าถ้ารุ่นหน้ามาพร้อมกับ NC ที่ดีกว่านี้อีกหน่อย จะกลายเป็นตัวจบได้ไม่ยาก

ส่วนเรื่องของ Ambient Sound หรือ Transparency ถือว่ายอดเยี่ยมในระดับที่ว่าใส่หูฟัง (พร้อมเปิด Ambient) กับไม่ใส่หูฟัง เสียงที่ได้ยินอยู่ในระดับใกล้เคียง เรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่ใสมาก ได้ยินกระทั่งเสียงของนิ้วที่ถูกันในระดับที่หูมนุษย์ปกติได้ยิน

เสียง

เรื่องของคุณภาพเสียงก็ถือว่าทำได้ดีในสเกลของหูฟัง In Ear ใช้ไดรเวอร์เซรามิกแบบพรีเมียม 11 มม. ซึ่งสำหรับผมที่ไม่ได้ชอบฟังเน้นเบสมากมาย ก็รู้สึกได้ว่าเบสอ่อนพอสมควร แต่สามารถปรับได้ผ่าน EQ ส่วนตัวที่ชอบเน้นเสียง Vocal ถือว่าทำออกมาได้ดี พร้อมกับ range เสียงที่กว้าง แยกชิ้นเสียงดนตรีได้ชัดเจน เสียงคนอร่อย และเหมือนเดิม เรายังสามารถปรับ EQ ได้ผ่านแอปของ Nothing X

ตัวหูฟังยังรองรับ LHDC 5.0 ด้วยนะ ส่งสัญญาณเสียงในระดับ 24-bit/192KHz ได้ และแน่นอนว่ามีทั้ง SBC และ AAC สำหรับชาว iPhone จบด้วยรองรับ LDAC อีกด้วย

แบตเตอรี

แบตเตอรีถ้าใช้งานแบบเปิด ANC ใช้ได้ประมาณ 2-3 ชั่วโมงต่อเนื่อง พร้อมเคสที่สามารถชาร์จได้ประมาณ 4 ครั้งเต็ม ถ้าปิด ANC จะได้ยาวประมาณ 5 ชั่วโมง พร้อมเคสประมาณ 5 ครั้งเต็ม ถือว่าอึดพอสมควร

ในด้านการใข้งานจริง ชาร์จหนึ่งครั้ง + ฟังเพลงวันละ 4 – 5 ชั่วโมงต่อวัน ลากยาวได้สุด ๆ 3 – 4 วัน เลยทีเดียว ชาร์จจนลืมว่าล่าสุดชาร์จไปเมื่อไหร่

โดยรวม

โดยรวมถือว่า NOTHING Ear ที่เป็นหูฟังเรือธงของค่ายในลำดับที่ 3 ทำออกมาได้ดีมากสำหรับคนทั่วไป ทั้งดีไซน์ที่สวยเท่ แบตเตอรีที่ดีเยี่ยม ANC ที่กำลังดี ความสะดวกสบายในการสวมใส่ ถือว่าเป็นตัวที่แนะนำต่อให้คนอื่นได้ไม่ยาก

ใครอยากมีไว้สวยเท่วันนี้ วางจำหน่ายแล้วในราคา 5,599 บาท ในร้านค้าชั้นนำทั่วไป