Our score
8.3[รีวิว] PENTAX 17 กล้องฟิล์ม Half frame ถ่ายสนุกคูณ 2 กลิ่นอายแอนะล็อก ผสานเทคโนโลยียุคใหม่
กล้องฟิล์มจากแบรนด์เก่าแก่ที่ยึดมั่นใจจิตวิญญาณแอนะล็อก PENTAX 17
แม้จะผ่านพ้นยุคกล้องฟิล์มมากว่า 20 ปี แล้วก็ตาม แต่ค่ายที่ยังยึดมั่นในอุมดมการณ์ของกล้อง SLR อย่าง PENTAX กลับทำสิ่งที่หลายคนคาดไม่ถึง กับการหวนคืนบัลลังก์แอนะล็อก ด้วย 'PENTAX 17' กล้องฟิล์ม Half frame ถ่ายสนุกได้คูณ 2 ที่แม้ภายนอกจะเป็นกล้องฟิล์มสัมผัสแอนะล็อกจ๋า ๆ แต่ภายในแฝงไว้ด้วยเทคโนโลยียุคใหม่ ใช้งานง่าย ถ่ายได้ถึง 72 ภาพ ที่ช่างเหมาะเจาะกับยุคฟิล์มแพงแบบนี้เสียยิ่งกะไร...
จุดเด่น
- กล้องฟิล์มแบบ Half frame ถ่ายได้ถึง 72 ภาพ เหมาะกับยุคฟิล์มแพง
- เป็นกล้องฟิล์มยุคใหม่ที่ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน
- ระบบการใช้งานสุดง่าย โหมดต่าง ๆ คำนวนได้ค่อนข้างแม่นยำ
- มีแฟลชในตัว คำนวนแสงค่อนข้างแม่น
- ดีไซน์หล่อ วัสดุทำจาก Magnesium alloy
- น้ำหนักเบา ตัวเล็ก พกพาสะดวก
จุดสังเกต
- ไม่บอกค่ากล้องที่ต้องคำนวนได้ให้เราเห็น ต้องเชื่อใจกล้องเท่านั้น
- รูรับแสง F3.5 คงไม่เหมาะสำหรับสายละลายหลังเท่าไรนัก
- ระบบ Zone Focusing ต้องทำความคุ้นเคยกันมันซักหน่อยหนึ่ง
- ไม่มีโหมดถ่ายภาพซ้อนมาให้
-
วัสดุ
9.0
-
คุณภาพชิ้นเลนส์
9.0
-
ช่องมองภาพ
8.0
-
โหมดตัวกล้อง
8.0
-
แฟลชในตัว
9.0
-
การปรับค่าต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
5.0
-
ความใช้งานง่าย
9.0
-
ความคุ้มค่าต่อราคาค่าตัว
7.7
-
ความคุ้มค่าในการถ่ายฟิล์ม 1 ม้วน (ได้ 72 ภาพ)
10.0
ปี 2024 อยู่ ๆ กระแสกล้องฟิล์มก็ถูกจุดติดขึ้นมาอีกครั้ง กับแบรนด์เก่าแก่อย่าง PENTAX ที่คืนชีพกล้องฟิล์ม Half frame ให้กลับมาโลดแล่นพร้อมเทคโนโลยียุคใหม่แต่ยังได้กลิ่นอายความเป็นแอนะล็อกอย่างครบถ้วน ด้วยเจ้า ‘PENTAX 17’ ที่ใช้ฟิล์มฟอร์แมต 35mm แต่ถ่ายสนุกได้คูณ 2 แม้ในยุคฟิล์มแพงแบบนี้ก็ไม่หวั่น ถ่ายกันสะใจได้ถึง 72 ภาพ
และนี่ยังเป็นครั้งแรกของทางผู้เขียนอีกด้วยครับที่ได้มารีวิวกล้องฟิล์มแบบนี้ เจ้า PENTAX 17 มันเจ๋งกว่ากล้องฟิล์ม Half frame ตัวอื่นยังไง แล้วน่าโดนไหมสำหรับสายแอนล็อกที่ชื่นชอบการถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม ไปหาคำตอบได้ในรีวิวนี้เลยครับ !
สเปก PENTAX 17
- เป็นกล้องฟิล์มแบบ Half frame ถ่ายสนุกได้คูณ 2 (72 ภาพ)
- เลนส์ 25mm F3.5 (เทียบเท่าประมาณ 37mm บนกล้องฟูลเฟรม)
- ช่องมองภาพแนวตั้ง Albada bright-frame viewfinder บอกเฟรมปกติ และระยะโคลสโฟกัส
- โฟกัสด้วยระบบ Zone Focus 6 ระยะ
- โฟกัสใกล้สุด 0.25 เมตร
- มีแฟลชในตัว
- มีโหมด Auto เป็นมิตรกับมือใหม่
- สปีตชัตเตอร์ 1/350 วินาที ถึง 4 วินาที
- มีโหมด Bulb
- รูรับแสง F3.5-16
- รองรับฟิล์ม ISO 50, 100, 25, 160, 200, 400, 800, 1600, 3200
- ใช้ระบบ Leaf shutter ทำให้ Sync flash ได้ทุกค่าสปีด
- เน้นฟีลลิงการกรอฟิล์มด้วยก้านแบบ Manual สไตล์ SLR ในอดีต
- มาในบอดี้สีเงิน วัสดุทำจาก Magnesium alloy แข็งแรงทนทาน
- ใช้ถ่าน CR2 lithium
- น้ำหนักประมาณ 290 กรัม (ไม่รวมฟิล์ม และแบตเตอรี่)
กว่าจะมาเป็น PENTAX 17 กับ Easter Egg ที่ถูกซ่อนไว้
กว่าจะออกมาเป็น PENTAX 17 ต้องย้อนกลับไปถึงปี 2022 เลยทีเดียวครับ ซึ่งตอนนั้นบริษัทแม่ Ricoh Imaging ได้ออกมาประกาศต่อสาธารณชน ว่ากำลังซุ่มพัฒนากล้องฟิล์มรุ่นใหม่ที่คงเอาไว้ด้วยสัมผัสความเป็นแอนะล็อกในชื่อ ‘Film Project‘ ที่เป็นการระดมกำลังกันของทั้งวิศวกรรุ่นเก๋าที่กลับมาร่วมงานแม้จะเกษียณไปแล้ว กับวิศวกรหน้าใหม่ไฟแรงของ PENTAX ช่วยออกแบบสร้างสรรค์กันจนได้ออกมาเป็น PENTAX 17 ตัวนี้
พร้อมกับเน้นหนักมาก ๆ กับสัมผัสการขึ้นฟิล์มสไตล์กล้อง SLR ก่อนจะกดชัตเตอร์แต่ละครั้ง ที่ทำให้หวนนึกถึงวันวานในอดีตของใครหลายคน กับการโฟกัสในระบบ Zone Focusing
โดยตัวกล้องเองมีการซ่อน Easter Egg ให้แฟน ๆ PENTAX ได้หวนคิดถึงกล้องฟิล์มในอดีตอย่างเต็มเปี่ยมเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น
- แฟลชจาก PENTAX KP
- โครงสร้างชิ้นเลนส์ที่ถูกปรับปรุงจาก PENTAX ESPIO MINI
- Font จากตำนานมีเดียมฟอร์แมต PENTAX 67
- สัมผัสกริปที่เหมือนกับเลนส์ PENTAX DA RW
- ลูกศรกรอฟิล์มกลับจาก PENTAX SPOTMATIC
- แป้นกรอฟิล์มกลับจาก PENTAX LX
- สัญญาลักษณ์ระนาบฟิล์มจาก PENTAX K-30 D-SLR
- ปุ่มชัตเตอร์ PENTAX KP
- สีบอดี้จาก PENTAX LX TITAN 75-YEAR SPECIAL EDITION
- และก้านกรอฟิล์มจาก PENTAX AUTO 110
ระบบ Half frame ถ่ายสนุกได้คูณ 2
สำหรับใครที่ยังไม่ทราบ กล้องฟิล์มแบบ Half frame เป็นกล้องประเภทที่ใช้ฟิล์มฟอร์แมต 35mm ปกติ แต่ความแตกต่างคือมีเฟรมเพิ่งครึ่งเดียวของกล้อง 35mm (Full frame 36x24mm) จึงเป็นที่มาของชื่อ Half frame (24×17mm) นั้นเอง
และด้วยความที่เฟรมหดเหลือครึ่งเดียว ทำให้สามารถถ่ายฟิล์ม 1 ม้วน (36 ภาพ) ให้เพิ่มมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว กลายเป็น 72 ภาพ ซึ่งเหมาะมาก ๆ กับยุคฟิล์มแพงแบบนี้
สัมผัสเจ้า PENTAX 17 กล้องฟิล์มที่ยิ่งมองยิ่งรู้สึกหล่อ
เรามาเริ่มที่แนะนำตัวบอดี้กันก่อน PENTAX 17 เป็นกล้องฟิล์ม Half frame ที่ทำมาจากวัสดุ Magnesium alloy ที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแรงทนทานเหมือนกล้องโปรหลายรุ่นในตลาดเลยครับ โดยใช้ในส่วนสีไทเทเนียมบน, ล่างตัวกล้องนั้นล่ะ แถมมีแฟลชในตัว จับแล้วดูพรีเมียมทีเดียว กับน้ำหนักบอดี้เปล่า ๆ เพียง 290 กรัมเท่านั้น ทำให้การพกติดตัวในชีวิตประจำวันทำได้ค่อนข้างง่ายไม่เป็นภาระกระเป๋า ตัวบาง ๆ พกใส่กระเป๋าเสื้อได้ทุกวัน
และด้วยกริปที่ยื่นออกมาทำให้การถือถ่ายทำได้ถนัดมือขึ้นอีก แต่สำหรับใครที่เคยชินกับการถือกล้องหนัก ๆ อาจต้องปรับตัวนิดหน่อย เพราะตัวกล้องมันเบาจริง ๆ ครับ ถ้าเผลอกดชัตเตอร์แรงไปมืออาจสั่นได้ (แบบผู้เขียน…)
ซึ่งตัวกริปเองยังเป็นที่ใส่แบตเตอรี่ CR2 ด้วยนะครับ ซึ่งแบตไซซ์นี้ก็หาไม่ยากในตลาด ตามร้านกล้องฟิล์มหรือพวกห้างก็มีขายกันทั่วไป โดย PENTAX ยังเคลมว่าใช้ถ่ายได้ถึง 10 ม้วน (เปิดแฟลชครึ่งหนึ่ง ถ่ายปกติอีกครึ่ง) พอมาคำนวนดูแล้วก็ได้ขั้นต่ำ 720 ภาพ ใช้กันยาว ๆ ได้เลย
แถมที่ด้านหลังตัวกล้องยังมีช่องให้แกะกล่องฟิล์มมาเสียบได้ด้วย จะได้รู้ว่าเรากำลังใช้ฟิล์มอะไรอยู่เหมือนในยุคสมัยก่อน คลาสสิกสุด ๆ !
เลนส์ 25mm F3.5 กับเอกลักษณ์ความคมที่หลายคนเอ่ยว่าคล้ายซีรีส์ Ricoh GR
ด้านเลนส์ 25mm F3.5 (เทียบเท่าประมาณ 37mm บนกล้องฟูลเฟรม) ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากกล้อง PENTAX ESPIO MINI ในอดีตครับ แต่ Character หลายคนที่ได้สัมผัสต่างบอกว่ามันคล้ายกับกล้องซีรีส์ Ricoh GR ที่มีชื่อเสียงด้านความคมเสียเหลือเกิน แถมเป็นเลนส์ที่ทำจากชิ้นแก้วจริง ๆ ไม่ใช่พลาสติกเหมือนกล้อง Half frame ตัวอื่น ๆ ในตลาดนะครับ เรื่องคุณภาพนี่คือไว้ใจได้แน่นอน
แถมด้วยระยะ 37mm บนกล้องฟูลเฟรม ทำให้การใช้งานได้หลากหลายทีเดียวครับ ให้เฟรมไม่กว้างหรือแคบเกินไป อยู่ในจุดกึ่งกลางใช้ถ่ายได้ทุกอย่างในชีวิตประจำวัน แถมยังเป็น Leaf shutter ด้วยนะครับ ข้อดีเลยคือ Sync Flash ได้ทุกค่าสปีด แถมยังมีความนิ่มนวลสูงมาก ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องความสั่นไหวในสปีดต่ำ ๆ (เว้นซะแต่คนถ่ายจะสั่นแทน…)
Tips: แต่ใครที่คิดจะเอาไปถ่ายในอาคารหรือที่แสงน้อยด้วยรูรับแสงที่ F3.5 เราเลยแนะนำว่าเปิด Flash ไว้ตลอด บวกกับใช้ฟิล์ม ISO 400 ขึ้นไปจะเซฟที่สุดครับ
ช่องมองภาพแนวตั้งสไตล์ Half frame กับระบบโฟกัสแบบ Zone Focusing
ช่องมองภาพของ PENTAX 17 จะใช้เป็นแบบแนวตั้ง (ถ้าอยากถ่ายแนวนอนต้องถือกล้องในแนวตั้งแทน) ตามสไตล์กล้อง Half frame ล่ะครับ ซึ่งคนยุคใหม่น่าจะคุ้นเคยกับเฟรมแนวตั้งกันมากกว่า ทั้งสัดส่วนในสมาร์ตโฟนหรือคอนเทนต์แนวตั้งที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ทำให้การเล็งเฟรมทำได้ไม่ยาก รวมถึงสายถ่าย Portrait ด้วยก็ตาม
ทำงานร่วมกับระบบโฟกัสแบบ Zone ซึ่งในตัวช่องมองภาพเองจะมีเส้นแบ่งเฟรมอยู่ 2 เฟรม ด้วยกันครับ ได้แก่ เฟรมเล็กสำหรับโฟกัสระยะใกล้ และเฟรมใหญ่ถ่ายระยะคนครึ่งตัวขึ้นไป เราจะมาเจาะระบบโฟกัสแบบละเอียด ๆ กันครับ
สำหรับระบบโฟกัสแบบ Zone (Zone Focusing) ของ PENTAX 17 จะเป็นการที่เราต้องหมุนวงแหวนโฟกัสที่ตัวเลนส์เพื่อกะระยะเอาเองครับว่า subject ที่เราถ่ายอยู่ในระยะไหน โดยแบ่งเป็น 6 ระยะด้วยกัน และในช่องมองภาพก็ยังสามารถส่องผ่านเช็กระยะโฟกัสได้อีกด้วย จะได้สัมพันธ์กับเฟรมภาพที่เราต้องการถ่าย และไม่ต้องละลายตาออกจากช่องมองภาพนั้นเอง
การใช้งานสำหรับมือใหม่คิดง่าย ๆ ว่าระยะตั้งแต่ Close-up จนถึง Macro ใช้เฟรมเล็ก ที่เหลือใช้เฟรมปกติก็พอครับ แต่ถ้าใครเผลอลืมถ้าปรับระยะไปที่ Close-up ตัวกล้องจะมีไฟสีฟ้าข้างช่องมองภาพค่อยกระพริบช้า ๆ เตือนด้วยเช่นกัน
ระบบนี้ก็อาจจะต้องฝึกกะระยะกันสักหน่อย แต่ด้วยความที่เป็น Half frame F3.5 ทำให้ความชัดลึกค่อนข้างสูง โอกาสได้ภาพก็เยอะตามครับ ไม่ต้องโฟกัสเป๊ะมากแบบกล้อง SLR
ระยะโฟกัสของ PENTAX 17 แบบละเอียด 6 แบบ
- รูปภูเขา: โฟกัสระยะไกล 5.1 เมตร ไปจนถึง Infinity
- รูปหมู่ 3 คน: โฟกัสระยะกลาง หรือตั้งแต่ 2.1 – 5.3 เมตร
- รูป 2 คน: โฟกัสระยะใกล้ 1.4 – 2.2 เมตร
- รูปคนครึ่งตัว: โฟกัสระยะใกล้มาก 1.0 – 1.4 เมตร
- รูปมีด/ซ้อม: ระยะ Close-upใกล้ถ่ายบนโต๊ะอาหาร 0.47 – 0.54 เมตร
- รูปดอกไม้: ระยะมาโคร 0.24 – 0.26 เมตร
นอกจากรูปการโฟกัสแต่ระยะแล้ว ที่ตัวกล้องก็ยังมีเขียนระยะโฟกัสในช่วงต่าง ๆ ไว้ที่ข้างใต้ตัวเลนส์อีกด้วยครับ ไม่ต้องจำแบบเป๊ะ ๆ ก็ไปหงายดูหน้างานได้เหมือนกัน
เทคนิคโฟกัสใกล้
การโฟกัสระยะใกล้ต้องบอกเลยครับว่า PENTAX คิดมาดีมาก ๆ เพียงเราใช้สายคล้องมือที่แถมมาในกล่อง ยืดจนสุดไปวัดกับวัตถุที่เราจะโฟกัส ก็จะได้ระยะมาโคร 0.24 – 0.26 เมตร พอดี ง่ายจัด ๆ
//ขออภัยครับ นางแบบลืมเปิดแฟลช 😝
โหมดการควบคุมต่าง ๆ, ไฟแสดงสถานะ และการใช้งาน
โหมดการควบคุมของเจ้า PENTAX จะแบ่งเป็น 3 โซนหลัก ๆ ด้วยกันครับ ได้แก่
- โหมด Auto: กล้องคิดให้เองหมดว่าจะเปิดแฟลชหรือไม่เปิด โดยในโหมดนี้เราไม่ต้องโฟกัสเองเพราะกล้องจะพยายามหรี่รูรับแสงแคบให้ชัดลึกมากที่สุดเสมอ
- โหมดยิงแฟลชกรอบสีเหลือง: โหมดนี้กล้องจะทำการยิงแฟลชทุกครั้ง ซึ่งแบ่งเป็นโหมดย่อย ๆ ได้แก่
- โหมด P ยิงแฟลช: เป็นโหมด Auto กล้องคำนวนสปีด รูรับแสงให้ แต่เราต้องโฟกัสเอง
- โหมดพระจันทร์ ยิงแฟลช: กล้องจะคำนวนชัตเตอร์สปีดลงไปต่ำได้มากขึ้น เหมาะใช้ในที่แสงน้อย
- โหมดปกติกรอบขาว: ในโหมดนี้จะทำการถ่ายภาพแบบปกติไม่มีการยิงแฟลช
- โหมด P ไม่ยิงแฟลช: เป็นโหมด Auto กล้องคำนวนสปีด รูรับแสงให้ แต่เราต้องโฟกัสเอง
- โหมดพระจันทร์ ไม่ยิงแฟลช: กล้องจะคำนวนชัตเตอร์สปีดลงไปต่ำได้มากขึ้น เหมาะใช้ในที่แสงน้อย
- โหมด Bokeh: กล้องจะพยายามเปิดรูรับแสงกว้างให้เสมอ ถ้าค่าแสงพอเหมาะ
- โหมด Bulb: ชัตเตอร์ B สำหรับลากสปีดตามใจเราต้องการ
แต่ในการใช้งานตัวกล้อง รุ่นนี้จะไม่บอกค่าอะไรเราทั้งสิ้นครับ เราต้องเชื่อใจในเจ้า PENTAX 17 เท่านั้น !!
ถามว่าม้วนแรกกังวลไหม ก็อาจจะรู้สึกบ้างเล็กน้อยเพราะกล้องฟิล์มเราไม่สามารถเช็กภาพหลังถ่ายได้เลยทันที ต้องรอถ่ายหมดม้วนแล้วเอาไปส่งล้างเสียก่อนจึงจะทราบลักษณะบุคลิกของกล้องแต่ละตัว
แต่สำหรับ PENTAX 17 จะไม่ทำให้คุณผิดหวังครับ เพราะด้านในอัดแน่นด้วยเทคโนโลยียุคใหม่ ทั้งการวัดแสง คำนวนโหมดต่าง ๆ ทำให้ภาพเสียมีน้อยมาก ๆ (ถ้าไม่เผลอถ่ายในที่แสงน้อยแล้วลืมเปิดแฟลชหรือมีอะไรไปบังหน้าเลนส์ล่ะก็นะ…)
แม้กล้องจะไม่บอกค่าต่าง ๆ กับเราก็ตาม แต่ตัวมันเองยังมีไฟแสดงสถานะแจ้งเตือนเราอยู่ เป็นไฟสีส้ม (บอกสถานะแฟลช) กับสีฟ้า (บอกสถานะตัวกล้อง) กระพริบเป็นจังหวะ เราก็จะมาอธิบายในส่วนที่สำคัญหลัก ๆ แล้วกันนะครับ
- ไฟสถานะเมื่อเปิดสวิตช์กล้อง
- ไฟสีส้ม + น้ำเงินกระพริบเร็ว: แบตใกล้หมด ถ่ายต่อไม่ได้
- ไฟสีฟ้ากระพริบเร็ว: เตือนลืมเปิดฝาหน้าเลนส์
- ไฟเตือนเมื่อกดชัตเตอร์ครึ่งหนึ่ง
- ไฟสีส้ม + น้ำเงินกระพริบเร็ว: แบตใกล้หมดหรือ ‘ลืมขึ้นฟิล์มก่อนกดชัตเตอร์’
- ไฟสีฟ้ากระพริบเร็ว: เตือนค่าแสง
- ไฟสีฟ้ากระพริบช้า: เตือนว่ากำลังอยู่ในโหมดโฟกัสแบบ Close-up
- ไฟเตือนเมื่อใช้งานโหมดแฟลช
- สีส้มกระพริบช้า ๆ: กำลังชาร์จแฟลช
- สีส้มติดค้าง: พร้อมยิงแฟลชแล้ว
เห็นรายละเอียดเยอะแยะแบบนี้ ในตอนแรกเชื่อว่าก็อาจมีสับสนกันบ้าง แต่พอถ่ายไปสักพักหรือได้สักม้วนหนึ่งก็จะเริ่มจับทางได้แล้วครับ มันก็จะแจ้งเตือนเรื่องเดิม ๆ ตามการใช้งานของเรานี่ล่ะ ไม่มีอะไรต้องกังวลเท่าไร แค่อย่าลืมเปิดฝาเลนส์ ตั้ง ISO ตัวกล้องกับฟิล์มให้ตรงกันก็พอ ที่เหลือก็ขึ้นฟิล์มให้เรียนร้อย ใช้จินตนาการ วางเฟรม กะระยะ แล้วกดชัตเตอร์ลุยได้เลย !
//ส่วนวิธีโหลดฟิล์มกับกรอฟิล์มกลับขอยกไปท้ายบนความครับ มาดูรูปที่ถ่ายจากเจ้า PENTAX 17 กันก่อน
ภาพจาก PENTAX 17
ส่วนตัวผู้เขียนจะชื่นชอบการยิงแฟลชกับเจ้ากล้องตัวนี้เป็นพิเศษ เพราะรู้สึกว่ากำลังแฟลชที่ออกมามันพอดีมาก ๆ เลยล่ะครับ อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับกล้องฟิล์มที่ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีล่าสุดนี่ล่ะ
ส่วนภาพนี้จะให้เห็นว่า ด้วยความที่ช่องมองภาพมันเป็นแบบกะระยะ ไม่เหมือนกล้อง SLR ที่เห็นภาพจริง ๆ จากเลนส์ ดังนั้นอาจจะมีบางจังหวะที่มีอะไรบังหน้าเลนส์แบบไม่รู้ตัวกันได้ ต้องระวังกันหน่อยนะครับ
‘แฉกไฟ’ เป็นอีกสิ่งที่ PENTAX 17 ทำได้สวยงามมาก ๆ เห็นแฉกคม สวยชัดเจน ดูได้จาก 2 รูปนี้เป็นตัวอย่างได้เลยครับ แฉกโหดจริง ๆ ใครชอบเล่นกับแฉกไฟน่าจะชื่นชอบ !
ตัดภาพมาที่แสงธรรมชาติกันบ้าง ม้วนนี้จะใช้ Fuji Color 200 เป็นหลักครับ
// รูปทั้งหมด Dev & Scan – Zoomfilmlab : ล้างสแกนฟิล์ม
วิธีโหลดฟิล์ม
รุ่นนี้บอกเลยว่าการโหลดฟิล์มทำได้ง่ายมาก ๆ ครับ ไม่มีขั้นตอนที่ซับซ้อนอะไร แค่เปิดฝาหลังใส่กลักฟิล์มลงไปแล้วเอาเนื้อฟิล์มพาดไว้ที่จุดสีแดงก็พอ ไม่ต้องยัดให้ตรงร่องแบบกล้องฟิล์มยุคก่อน
ขั้นตอนที่ 1. เปิดฝาห้องฟิล์ม
ด้วยการยกแป้นกรอฟิล์มขึ้น ฝาหลังจะเด้งออกมาโดยอัตโนมัติ
ขั้นตอนที่ 2: ใส่ฟิล์มลงไป
นำเนื้อฟิล์มไปพาดให้ตรงกับจุดสีแสงบริเวณมุมขวาล่างของตัวกล้อง แล้วปิดฝาให้เรียบร้อย
ขั้นตอนที่ 3: เลื่อนสวิตช์เปิดกล้อง จากนั้นขึ้นก้านกรอฟิล์ม
ถ้าฟิล์มใส่ได้ถูกต้องแป้นกรอฟิล์มด้านซ้ายจะหมุนตามจังหวะขึ้นฟิล์มของเรา แนะนำปิดฝากล้อง ใช้โหมด Bulb กดชัตเตอร์ทิ้งไปจนกว่าเคาเตอร์นับฟิล์มมุมขวาจะขึ้นเลข 1 เป็นอันเรียบร้อย
ขั้นตอนที่ 4: อย่าลืม ! ตั้งค่า ISO ให้ตรงกับฟิล์มที่ใช้
สำคัญนะครับ อย่าลืมตั้ง ISO ให้ตรงกับฟิล์มที่ใช้กันด้วยล่ะ กล้องจะได้คำนวนค่าแสงอย่างถูกต้อง
เมื่อถ่ายเสร็จแล้วก็ได้เวลากรอฟิล์มกลับ
เมื่อถ่ายเสร็จครบ 72 ภาพ หรือหมดม้วนแล้ว (ถ้าใส่ฟิล์มเก่ง ๆ ก็อาจจะได้ภาพเกิน 72 มาหน่อย อย่างผู้เขียนเองได้มากสุดราว ๆ 76 ภาพ แต่บางคนได้ 80+ ภาพ ก็มีเหมือนกัน) ก้านขึ้นฟิล์มจะแข็ง ขึ้นฟิล์มต่อไม่ได้ไม่ต้องไปฝืนมัน แปลว่าเราถ่ายหมดแล้ว โดยวิธีกรอฟิล์มกลับก็ทำได้ตามวิธีดังนี้เลยครับ
ขั้นตอนที่ 1: กดปุ่ม Rewind ที่ใต้ฐานกล้อง
ขั้นตอนที่ 2: สะกิดก้านกรอฟิล์มกลับขึ้นมา
สะกิดก้านขึ้นมาเฉย ๆ ไม่ใช่ดึงขึ้นมาเหมือนตอนเปิดฝาห้องฟิล์มน๊า
ขั้นตอนที่ 3: หมุนก้านไปตามลูกศร (ตามเข็มนาฬิกา)
ตอนหมุนจะรู้สึกมีแรงต้านนิดหน่อยเป็นเรื่องปกติ ซึ่งพอฟิล์มหลุดออกจากอีกฝั่งเรียบร้อยแล้วสัมผัสจะเบาขึ้น หมุนต่ออีกนิดจนมั่นใจว่าฟิล์มถูกกรอกลับเข้ากลักหมดเรียบร้อยจึงค่อยเปิดฝาหลัง
ขั้นตอนที่ 4. เปิดฝาหลัง ถอดฟิล์มส่งล้างได้ !
นำฟิล์มออก เก็บในเคสพลาสติกทึบที่มากับตัวฟิล์ม หรือเก็บในที่ไม่โดนแสงส่องโดนตรงก่อนนำไปส่งล้าง
สรุป
PENTAX 17 มาในราคาค่าตัว 19,990 บาท ถ้าถามว่าแพงกว่ากล้องฟิล์มทั่วไปในตลาดไหม อันนี้ก็ใช่ครับ แต่อย่าลืมว่ากล้องในตลาดเป็นกล้องเก่าจากยุคฟิล์ม อายุอานามก็พอสมควร อาจจะ 30 ปี ++ ระบบต่าง ๆ ก็เสื่อมไปตามกาลเวลา แต่สำหรับ PENTAX 17 เป็นกล้องที่ถูกผลิตขึ้นมาใหม่ นอกจากเทคโนโลยีใหม่ที่คุณภาพดีกว่า เชื่อถือได้มากขึ้นแล้ว ยังมีการรับประกันจากศูนย์บริการที่ค่อย support ทั้งการซ่อมแซมรวมถึงอะไหล่อีกด้วยนะครับ ไม่รวมถึงคุณภาพชิ้นเลนส์ที่ดีมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่ง
กับค่าตัวสองหมื่นทอนสิบบาท สำหรับคนที่ชื่นชอบในการถ่ายภาพฟิล์มด้วยกล้อง Half frame ก็คงไม่ผิดหวังครับ นอกจากจะถ่ายได้ถึง 72 รูปแล้ว ยังมาในขนาดตัวที่เล็กเบา พกพาสะดวก หน้าตาหล่อ แถมระบบยังใช้ง่ายไม่ต้องคิดเยอะอีก
แต่สำหรับใครที่อยากได้กล้องฟิล์มถ่ายภาพแนวหลังละลาย อันนี้ก็คงไม่เหมาะเท่าไรด้วยระยะเลนส์ F3.5 แบบนี้ คงจะเหมาะกับสาย Street สแนปไปเรื่อย กับเก็บภาพความประทับใจในแต่ละวันเสียมากกว่า กับน่าเสียดายที่รุ่นนี้ไม่มีโหมดภาพซ้อนมาให้ครับ (จริง ๆ ทำได้แต่ต้องใช้ทริคกันเล็กน้อย คือถ่ายให้หมดม้วนก่อนแล้วเอาฟิล์มม้วนนั้นมาถ่ายซ้ำอีกรอบ แต่ก็ยุ่งยากกว่าใส่โหมดภาพซ้อนมาให้เลยอยู่ดี)
PENTAX 17 ยังเหมือนเป็นการปูทางเริ่มต้นซีรีส์กล้องฟิล์มให้กับแบรนด์ PENTAX ใหม่อีกครั้ง ในอนาคตจะมีรุ่นที่โปรกว่านี้ออกมาด้วยรึเปล่า อันนี้ก็คงต้องมารอติดตามดูกันล่ะครับ
สุดท้ายก็ต้องขอบคุณทาง East Enterprises Co.,Ltd และ Ricoh Pentax Thailand ที่ให้เรายืม PENTAX 17 มารีวิวในครั้งนี้ด้วยครับ 🙏