Our score
8.3

[รีวิว] PENTAX 17 กล้องฟิล์ม Half frame ถ่ายสนุกคูณ 2 กลิ่นอายแอนะล็อก ผสานเทคโนโลยียุคใหม่

กล้องฟิล์มจากแบรนด์เก่าแก่ที่ยึดมั่นใจจิตวิญญาณแอนะล็อก PENTAX 17

แม้จะผ่านพ้นยุคกล้องฟิล์มมากว่า 20 ปี แล้วก็ตาม แต่ค่ายที่ยังยึดมั่นในอุมดมการณ์ของกล้อง SLR อย่าง PENTAX กลับทำสิ่งที่หลายคนคาดไม่ถึง กับการหวนคืนบัลลังก์แอนะล็อก ด้วย 'PENTAX 17' กล้องฟิล์ม Half frame ถ่ายสนุกได้คูณ 2 ที่แม้ภายนอกจะเป็นกล้องฟิล์มสัมผัสแอนะล็อกจ๋า ๆ แต่ภายในแฝงไว้ด้วยเทคโนโลยียุคใหม่ ใช้งานง่าย ถ่ายได้ถึง 72 ภาพ ที่ช่างเหมาะเจาะกับยุคฟิล์มแพงแบบนี้เสียยิ่งกะไร...

จุดเด่น

  1. กล้องฟิล์มแบบ Half frame ถ่ายได้ถึง 72 ภาพ เหมาะกับยุคฟิล์มแพง
  2. เป็นกล้องฟิล์มยุคใหม่ที่ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน
  3. ระบบการใช้งานสุดง่าย โหมดต่าง ๆ คำนวนได้ค่อนข้างแม่นยำ
  4. มีแฟลชในตัว คำนวนแสงค่อนข้างแม่น
  5. ดีไซน์หล่อ วัสดุทำจาก Magnesium alloy
  6. น้ำหนักเบา ตัวเล็ก พกพาสะดวก

จุดสังเกต

  1. ไม่บอกค่ากล้องที่ต้องคำนวนได้ให้เราเห็น ต้องเชื่อใจกล้องเท่านั้น
  2. รูรับแสง F3.5 คงไม่เหมาะสำหรับสายละลายหลังเท่าไรนัก
  3. ระบบ Zone Focusing ต้องทำความคุ้นเคยกันมันซักหน่อยหนึ่ง
  4. ไม่มีโหมดถ่ายภาพซ้อนมาให้
  • วัสดุ

    9.0

  • คุณภาพชิ้นเลนส์

    9.0

  • ช่องมองภาพ

    8.0

  • โหมดตัวกล้อง

    8.0

  • แฟลชในตัว

    9.0

  • การปรับค่าต่าง ๆ ด้วยตัวเอง

    5.0

  • ความใช้งานง่าย

    9.0

  • ความคุ้มค่าต่อราคาค่าตัว

    7.7

  • ความคุ้มค่าในการถ่ายฟิล์ม 1 ม้วน (ได้ 72 ภาพ)

    10.0

ปี 2024 อยู่ ๆ กระแสกล้องฟิล์มก็ถูกจุดติดขึ้นมาอีกครั้ง กับแบรนด์เก่าแก่อย่าง PENTAX ที่คืนชีพกล้องฟิล์ม Half frame ให้กลับมาโลดแล่นพร้อมเทคโนโลยียุคใหม่แต่ยังได้กลิ่นอายความเป็นแอนะล็อกอย่างครบถ้วน ด้วยเจ้า ‘PENTAX 17’ ที่ใช้ฟิล์มฟอร์แมต 35mm แต่ถ่ายสนุกได้คูณ 2 แม้ในยุคฟิล์มแพงแบบนี้ก็ไม่หวั่น ถ่ายกันสะใจได้ถึง 72 ภาพ

และนี่ยังเป็นครั้งแรกของทางผู้เขียนอีกด้วยครับที่ได้มารีวิวกล้องฟิล์มแบบนี้ เจ้า PENTAX 17 มันเจ๋งกว่ากล้องฟิล์ม Half frame ตัวอื่นยังไง แล้วน่าโดนไหมสำหรับสายแอนล็อกที่ชื่นชอบการถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม ไปหาคำตอบได้ในรีวิวนี้เลยครับ !

สเปก PENTAX 17

  • เป็นกล้องฟิล์มแบบ Half frame ถ่ายสนุกได้คูณ 2 (72 ภาพ)
  • เลนส์ 25mm F3.5 (เทียบเท่าประมาณ 37mm บนกล้องฟูลเฟรม)
  • ช่องมองภาพแนวตั้ง Albada bright-frame viewfinder บอกเฟรมปกติ และระยะโคลสโฟกัส
  • โฟกัสด้วยระบบ Zone Focus 6 ระยะ
  • โฟกัสใกล้สุด 0.25 เมตร
  • มีแฟลชในตัว
  • มีโหมด Auto เป็นมิตรกับมือใหม่
  • สปีตชัตเตอร์ 1/350 วินาที ถึง 4 วินาที
  • มีโหมด Bulb
  • รูรับแสง F3.5-16
  • รองรับฟิล์ม ISO 50, 100, 25, 160, 200, 400, 800, 1600, 3200
  • ใช้ระบบ Leaf shutter ทำให้ Sync flash ได้ทุกค่าสปีด
  • เน้นฟีลลิงการกรอฟิล์มด้วยก้านแบบ Manual สไตล์ SLR ในอดีต
  • มาในบอดี้สีเงิน วัสดุทำจาก Magnesium alloy แข็งแรงทนทาน
  • ใช้ถ่าน CR2 lithium
  • น้ำหนักประมาณ 290 กรัม (ไม่รวมฟิล์ม และแบตเตอรี่)

กว่าจะมาเป็น PENTAX 17 กับ Easter Egg ที่ถูกซ่อนไว้

กว่าจะออกมาเป็น PENTAX 17 ต้องย้อนกลับไปถึงปี 2022 เลยทีเดียวครับ ซึ่งตอนนั้นบริษัทแม่ Ricoh Imaging ได้ออกมาประกาศต่อสาธารณชน ว่ากำลังซุ่มพัฒนากล้องฟิล์มรุ่นใหม่ที่คงเอาไว้ด้วยสัมผัสความเป็นแอนะล็อกในชื่อ ‘Film Project‘ ที่เป็นการระดมกำลังกันของทั้งวิศวกรรุ่นเก๋าที่กลับมาร่วมงานแม้จะเกษียณไปแล้ว กับวิศวกรหน้าใหม่ไฟแรงของ PENTAX ช่วยออกแบบสร้างสรรค์กันจนได้ออกมาเป็น PENTAX 17 ตัวนี้

พร้อมกับเน้นหนักมาก ๆ กับสัมผัสการขึ้นฟิล์มสไตล์กล้อง SLR ก่อนจะกดชัตเตอร์แต่ละครั้ง ที่ทำให้หวนนึกถึงวันวานในอดีตของใครหลายคน กับการโฟกัสในระบบ Zone Focusing

โดยตัวกล้องเองมีการซ่อน Easter Egg ให้แฟน ๆ PENTAX ได้หวนคิดถึงกล้องฟิล์มในอดีตอย่างเต็มเปี่ยมเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น

  • แฟลชจาก PENTAX KP
  • โครงสร้างชิ้นเลนส์ที่ถูกปรับปรุงจาก PENTAX ESPIO MINI
  • Font จากตำนานมีเดียมฟอร์แมต PENTAX 67
  • สัมผัสกริปที่เหมือนกับเลนส์ PENTAX DA RW
  • ลูกศรกรอฟิล์มกลับจาก PENTAX SPOTMATIC
  • แป้นกรอฟิล์มกลับจาก PENTAX LX
  • สัญญาลักษณ์ระนาบฟิล์มจาก PENTAX K-30 D-SLR
  • ปุ่มชัตเตอร์ PENTAX KP
  • สีบอดี้จาก PENTAX LX TITAN 75-YEAR SPECIAL EDITION
  • และก้านกรอฟิล์มจาก PENTAX AUTO 110

ระบบ Half frame ถ่ายสนุกได้คูณ 2

สำหรับใครที่ยังไม่ทราบ กล้องฟิล์มแบบ Half frame เป็นกล้องประเภทที่ใช้ฟิล์มฟอร์แมต 35mm ปกติ แต่ความแตกต่างคือมีเฟรมเพิ่งครึ่งเดียวของกล้อง 35mm (Full frame 36x24mm) จึงเป็นที่มาของชื่อ Half frame (24×17mm) นั้นเอง

และด้วยความที่เฟรมหดเหลือครึ่งเดียว ทำให้สามารถถ่ายฟิล์ม 1 ม้วน (36 ภาพ) ให้เพิ่มมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว กลายเป็น 72 ภาพ ซึ่งเหมาะมาก ๆ กับยุคฟิล์มแพงแบบนี้

ภาพจาก: PetaPixel

สัมผัสเจ้า PENTAX 17 กล้องฟิล์มที่ยิ่งมองยิ่งรู้สึกหล่อ

เรามาเริ่มที่แนะนำตัวบอดี้กันก่อน PENTAX 17 เป็นกล้องฟิล์ม Half frame ที่ทำมาจากวัสดุ Magnesium alloy ที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแรงทนทานเหมือนกล้องโปรหลายรุ่นในตลาดเลยครับ โดยใช้ในส่วนสีไทเทเนียมบน, ล่างตัวกล้องนั้นล่ะ แถมมีแฟลชในตัว จับแล้วดูพรีเมียมทีเดียว กับน้ำหนักบอดี้เปล่า ๆ เพียง 290 กรัมเท่านั้น ทำให้การพกติดตัวในชีวิตประจำวันทำได้ค่อนข้างง่ายไม่เป็นภาระกระเป๋า ตัวบาง ๆ พกใส่กระเป๋าเสื้อได้ทุกวัน

และด้วยกริปที่ยื่นออกมาทำให้การถือถ่ายทำได้ถนัดมือขึ้นอีก แต่สำหรับใครที่เคยชินกับการถือกล้องหนัก ๆ อาจต้องปรับตัวนิดหน่อย เพราะตัวกล้องมันเบาจริง ๆ ครับ ถ้าเผลอกดชัตเตอร์แรงไปมืออาจสั่นได้ (แบบผู้เขียน…)

ซึ่งตัวกริปเองยังเป็นที่ใส่แบตเตอรี่ CR2 ด้วยนะครับ ซึ่งแบตไซซ์นี้ก็หาไม่ยากในตลาด ตามร้านกล้องฟิล์มหรือพวกห้างก็มีขายกันทั่วไป โดย PENTAX ยังเคลมว่าใช้ถ่ายได้ถึง 10 ม้วน (เปิดแฟลชครึ่งหนึ่ง ถ่ายปกติอีกครึ่ง) พอมาคำนวนดูแล้วก็ได้ขั้นต่ำ 720 ภาพ ใช้กันยาว ๆ ได้เลย

แถมที่ด้านหลังตัวกล้องยังมีช่องให้แกะกล่องฟิล์มมาเสียบได้ด้วย จะได้รู้ว่าเรากำลังใช้ฟิล์มอะไรอยู่เหมือนในยุคสมัยก่อน คลาสสิกสุด ๆ !

อย่างตอนนี้ใส่ฟิล์มจาก Lomo อยู่ พอมีกราฟิกสวย ๆ บนกล่องฟิล์มมาแปะบนกล้องก็ดูเท่ดีไม่หยอก

เลนส์ 25mm F3.5 กับเอกลักษณ์ความคมที่หลายคนเอ่ยว่าคล้ายซีรีส์ Ricoh GR

ด้านเลนส์ 25mm F3.5 (เทียบเท่าประมาณ 37mm บนกล้องฟูลเฟรม) ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากกล้อง PENTAX ESPIO MINI ในอดีตครับ แต่ Character หลายคนที่ได้สัมผัสต่างบอกว่ามันคล้ายกับกล้องซีรีส์ Ricoh GR ที่มีชื่อเสียงด้านความคมเสียเหลือเกิน แถมเป็นเลนส์ที่ทำจากชิ้นแก้วจริง ๆ ไม่ใช่พลาสติกเหมือนกล้อง Half frame ตัวอื่น ๆ ในตลาดนะครับ เรื่องคุณภาพนี่คือไว้ใจได้แน่นอน

แถมด้วยระยะ 37mm บนกล้องฟูลเฟรม ทำให้การใช้งานได้หลากหลายทีเดียวครับ ให้เฟรมไม่กว้างหรือแคบเกินไป อยู่ในจุดกึ่งกลางใช้ถ่ายได้ทุกอย่างในชีวิตประจำวัน แถมยังเป็น Leaf shutter ด้วยนะครับ ข้อดีเลยคือ Sync Flash ได้ทุกค่าสปีด แถมยังมีความนิ่มนวลสูงมาก ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องความสั่นไหวในสปีดต่ำ ๆ (เว้นซะแต่คนถ่ายจะสั่นแทน…)

Tips: แต่ใครที่คิดจะเอาไปถ่ายในอาคารหรือที่แสงน้อยด้วยรูรับแสงที่ F3.5 เราเลยแนะนำว่าเปิด Flash ไว้ตลอด บวกกับใช้ฟิล์ม ISO 400 ขึ้นไปจะเซฟที่สุดครับ

ช่องมองภาพแนวตั้งสไตล์ Half frame กับระบบโฟกัสแบบ Zone Focusing

ช่องมองภาพของ PENTAX 17 จะใช้เป็นแบบแนวตั้ง (ถ้าอยากถ่ายแนวนอนต้องถือกล้องในแนวตั้งแทน) ตามสไตล์กล้อง Half frame ล่ะครับ ซึ่งคนยุคใหม่น่าจะคุ้นเคยกับเฟรมแนวตั้งกันมากกว่า ทั้งสัดส่วนในสมาร์ตโฟนหรือคอนเทนต์แนวตั้งที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ทำให้การเล็งเฟรมทำได้ไม่ยาก รวมถึงสายถ่าย Portrait ด้วยก็ตาม

ทำงานร่วมกับระบบโฟกัสแบบ Zone ซึ่งในตัวช่องมองภาพเองจะมีเส้นแบ่งเฟรมอยู่ 2 เฟรม ด้วยกันครับ ได้แก่ เฟรมเล็กสำหรับโฟกัสระยะใกล้ และเฟรมใหญ่ถ่ายระยะคนครึ่งตัวขึ้นไป เราจะมาเจาะระบบโฟกัสแบบละเอียด ๆ กันครับ

สำหรับระบบโฟกัสแบบ Zone (Zone Focusing) ของ PENTAX 17 จะเป็นการที่เราต้องหมุนวงแหวนโฟกัสที่ตัวเลนส์เพื่อกะระยะเอาเองครับว่า subject ที่เราถ่ายอยู่ในระยะไหน โดยแบ่งเป็น 6 ระยะด้วยกัน และในช่องมองภาพก็ยังสามารถส่องผ่านเช็กระยะโฟกัสได้อีกด้วย จะได้สัมพันธ์กับเฟรมภาพที่เราต้องการถ่าย และไม่ต้องละลายตาออกจากช่องมองภาพนั้นเอง

การใช้งานสำหรับมือใหม่คิดง่าย ๆ ว่าระยะตั้งแต่ Close-up จนถึง Macro ใช้เฟรมเล็ก ที่เหลือใช้เฟรมปกติก็พอครับ แต่ถ้าใครเผลอลืมถ้าปรับระยะไปที่ Close-up ตัวกล้องจะมีไฟสีฟ้าข้างช่องมองภาพค่อยกระพริบช้า ๆ เตือนด้วยเช่นกัน

ระบบนี้ก็อาจจะต้องฝึกกะระยะกันสักหน่อย แต่ด้วยความที่เป็น Half frame F3.5 ทำให้ความชัดลึกค่อนข้างสูง โอกาสได้ภาพก็เยอะตามครับ ไม่ต้องโฟกัสเป๊ะมากแบบกล้อง SLR

ระยะโฟกัสของ PENTAX 17 แบบละเอียด 6 แบบ

  • รูปภูเขา: โฟกัสระยะไกล 5.1 เมตร ไปจนถึง Infinity
  • รูปหมู่ 3 คน: โฟกัสระยะกลาง หรือตั้งแต่ 2.1 – 5.3 เมตร
  • รูป 2 คน: โฟกัสระยะใกล้ 1.4 – 2.2 เมตร
  • รูปคนครึ่งตัว: โฟกัสระยะใกล้มาก 1.0 – 1.4 เมตร
  • รูปมีด/ซ้อม: ระยะ Close-upใกล้ถ่ายบนโต๊ะอาหาร 0.47 – 0.54 เมตร
  • รูปดอกไม้: ระยะมาโคร 0.24 – 0.26 เมตร

นอกจากรูปการโฟกัสแต่ระยะแล้ว ที่ตัวกล้องก็ยังมีเขียนระยะโฟกัสในช่วงต่าง ๆ ไว้ที่ข้างใต้ตัวเลนส์อีกด้วยครับ ไม่ต้องจำแบบเป๊ะ ๆ ก็ไปหงายดูหน้างานได้เหมือนกัน

เทคนิคโฟกัสใกล้

การโฟกัสระยะใกล้ต้องบอกเลยครับว่า PENTAX คิดมาดีมาก ๆ เพียงเราใช้สายคล้องมือที่แถมมาในกล่อง ยืดจนสุดไปวัดกับวัตถุที่เราจะโฟกัส ก็จะได้ระยะมาโคร 0.24 – 0.26 เมตร พอดี ง่ายจัด ๆ

//ขออภัยครับ นางแบบลืมเปิดแฟลช 😝

โหมดการควบคุมต่าง ๆ, ไฟแสดงสถานะ และการใช้งาน

โหมดการควบคุมของเจ้า PENTAX จะแบ่งเป็น 3 โซนหลัก ๆ ด้วยกันครับ ได้แก่

PENTAX
แป้นโหมดต่าง ๆ, ISO และชดเชยแสง
  • โหมด Auto: กล้องคิดให้เองหมดว่าจะเปิดแฟลชหรือไม่เปิด โดยในโหมดนี้เราไม่ต้องโฟกัสเองเพราะกล้องจะพยายามหรี่รูรับแสงแคบให้ชัดลึกมากที่สุดเสมอ
  • โหมดยิงแฟลชกรอบสีเหลือง: โหมดนี้กล้องจะทำการยิงแฟลชทุกครั้ง ซึ่งแบ่งเป็นโหมดย่อย ๆ ได้แก่
    • โหมด P ยิงแฟลช: เป็นโหมด Auto กล้องคำนวนสปีด รูรับแสงให้ แต่เราต้องโฟกัสเอง
    • โหมดพระจันทร์ ยิงแฟลช: กล้องจะคำนวนชัตเตอร์สปีดลงไปต่ำได้มากขึ้น เหมาะใช้ในที่แสงน้อย
  • โหมดปกติกรอบขาว: ในโหมดนี้จะทำการถ่ายภาพแบบปกติไม่มีการยิงแฟลช
    • โหมด P ไม่ยิงแฟลช: เป็นโหมด Auto กล้องคำนวนสปีด รูรับแสงให้ แต่เราต้องโฟกัสเอง
    • โหมดพระจันทร์ ไม่ยิงแฟลช: กล้องจะคำนวนชัตเตอร์สปีดลงไปต่ำได้มากขึ้น เหมาะใช้ในที่แสงน้อย
    • โหมด Bokeh: กล้องจะพยายามเปิดรูรับแสงกว้างให้เสมอ ถ้าค่าแสงพอเหมาะ
    • โหมด Bulb: ชัตเตอร์ B สำหรับลากสปีดตามใจเราต้องการ

แต่ในการใช้งานตัวกล้อง รุ่นนี้จะไม่บอกค่าอะไรเราทั้งสิ้นครับ เราต้องเชื่อใจในเจ้า PENTAX 17 เท่านั้น !!

ถามว่าม้วนแรกกังวลไหม ก็อาจจะรู้สึกบ้างเล็กน้อยเพราะกล้องฟิล์มเราไม่สามารถเช็กภาพหลังถ่ายได้เลยทันที ต้องรอถ่ายหมดม้วนแล้วเอาไปส่งล้างเสียก่อนจึงจะทราบลักษณะบุคลิกของกล้องแต่ละตัว

แต่สำหรับ PENTAX 17 จะไม่ทำให้คุณผิดหวังครับ เพราะด้านในอัดแน่นด้วยเทคโนโลยียุคใหม่ ทั้งการวัดแสง คำนวนโหมดต่าง ๆ ทำให้ภาพเสียมีน้อยมาก ๆ (ถ้าไม่เผลอถ่ายในที่แสงน้อยแล้วลืมเปิดแฟลชหรือมีอะไรไปบังหน้าเลนส์ล่ะก็นะ…)

แม้กล้องจะไม่บอกค่าต่าง ๆ กับเราก็ตาม แต่ตัวมันเองยังมีไฟแสดงสถานะแจ้งเตือนเราอยู่ เป็นไฟสีส้ม (บอกสถานะแฟลช) กับสีฟ้า (บอกสถานะตัวกล้อง) กระพริบเป็นจังหวะ เราก็จะมาอธิบายในส่วนที่สำคัญหลัก ๆ แล้วกันนะครับ

PENTAX
ไฟแสดงสถานะข้างช่องมองภาพ
  • ไฟสถานะเมื่อเปิดสวิตช์กล้อง
    • ไฟสีส้ม + น้ำเงินกระพริบเร็ว: แบตใกล้หมด ถ่ายต่อไม่ได้
    • ไฟสีฟ้ากระพริบเร็ว: เตือนลืมเปิดฝาหน้าเลนส์
  • ไฟเตือนเมื่อกดชัตเตอร์ครึ่งหนึ่ง
    • ไฟสีส้ม + น้ำเงินกระพริบเร็ว: แบตใกล้หมดหรือ ‘ลืมขึ้นฟิล์มก่อนกดชัตเตอร์’
    • ไฟสีฟ้ากระพริบเร็ว: เตือนค่าแสง
    • ไฟสีฟ้ากระพริบช้า: เตือนว่ากำลังอยู่ในโหมดโฟกัสแบบ Close-up
  • ไฟเตือนเมื่อใช้งานโหมดแฟลช
    • สีส้มกระพริบช้า ๆ: กำลังชาร์จแฟลช
    • สีส้มติดค้าง: พร้อมยิงแฟลชแล้ว

เห็นรายละเอียดเยอะแยะแบบนี้ ในตอนแรกเชื่อว่าก็อาจมีสับสนกันบ้าง แต่พอถ่ายไปสักพักหรือได้สักม้วนหนึ่งก็จะเริ่มจับทางได้แล้วครับ มันก็จะแจ้งเตือนเรื่องเดิม ๆ ตามการใช้งานของเรานี่ล่ะ ไม่มีอะไรต้องกังวลเท่าไร แค่อย่าลืมเปิดฝาเลนส์ ตั้ง ISO ตัวกล้องกับฟิล์มให้ตรงกันก็พอ ที่เหลือก็ขึ้นฟิล์มให้เรียนร้อย ใช้จินตนาการ วางเฟรม กะระยะ แล้วกดชัตเตอร์ลุยได้เลย !

//ส่วนวิธีโหลดฟิล์มกับกรอฟิล์มกลับขอยกไปท้ายบนความครับ มาดูรูปที่ถ่ายจากเจ้า PENTAX 17 กันก่อน

ภาพจาก PENTAX 17

ส่วนตัวผู้เขียนจะชื่นชอบการยิงแฟลชกับเจ้ากล้องตัวนี้เป็นพิเศษ เพราะรู้สึกว่ากำลังแฟลชที่ออกมามันพอดีมาก ๆ เลยล่ะครับ อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับกล้องฟิล์มที่ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีล่าสุดนี่ล่ะ

PENTAX 17 + Kodak Ultramax 400
PENTAX 17 + Kodak Ultramax 400

ส่วนภาพนี้จะให้เห็นว่า ด้วยความที่ช่องมองภาพมันเป็นแบบกะระยะ ไม่เหมือนกล้อง SLR ที่เห็นภาพจริง ๆ จากเลนส์ ดังนั้นอาจจะมีบางจังหวะที่มีอะไรบังหน้าเลนส์แบบไม่รู้ตัวกันได้ ต้องระวังกันหน่อยนะครับ

PENTAX 17 + Kodak Ultramax 400
PENTAX 17 + Kodak Ultramax 400
PENTAX 17 + Kodak Ultramax 400

‘แฉกไฟ’ เป็นอีกสิ่งที่ PENTAX 17 ทำได้สวยงามมาก ๆ เห็นแฉกคม สวยชัดเจน ดูได้จาก 2 รูปนี้เป็นตัวอย่างได้เลยครับ แฉกโหดจริง ๆ ใครชอบเล่นกับแฉกไฟน่าจะชื่นชอบ !

PENTAX 17 + Kodak Ultramax 400
PENTAX 17 + Kodak Ultramax 400

ตัดภาพมาที่แสงธรรมชาติกันบ้าง ม้วนนี้จะใช้ Fuji Color 200 เป็นหลักครับ

// รูปทั้งหมด Dev & Scan – Zoomfilmlab : ล้างสแกนฟิล์ม 

วิธีโหลดฟิล์ม

รุ่นนี้บอกเลยว่าการโหลดฟิล์มทำได้ง่ายมาก ๆ ครับ ไม่มีขั้นตอนที่ซับซ้อนอะไร แค่เปิดฝาหลังใส่กลักฟิล์มลงไปแล้วเอาเนื้อฟิล์มพาดไว้ที่จุดสีแดงก็พอ ไม่ต้องยัดให้ตรงร่องแบบกล้องฟิล์มยุคก่อน

ขั้นตอนที่ 1. เปิดฝาห้องฟิล์ม

ด้วยการยกแป้นกรอฟิล์มขึ้น ฝาหลังจะเด้งออกมาโดยอัตโนมัติ

ขั้นตอนที่ 2: ใส่ฟิล์มลงไป

นำเนื้อฟิล์มไปพาดให้ตรงกับจุดสีแสงบริเวณมุมขวาล่างของตัวกล้อง แล้วปิดฝาให้เรียบร้อย

ขั้นตอนที่ 3: เลื่อนสวิตช์เปิดกล้อง จากนั้นขึ้นก้านกรอฟิล์ม

ถ้าฟิล์มใส่ได้ถูกต้องแป้นกรอฟิล์มด้านซ้ายจะหมุนตามจังหวะขึ้นฟิล์มของเรา แนะนำปิดฝากล้อง ใช้โหมด Bulb กดชัตเตอร์ทิ้งไปจนกว่าเคาเตอร์นับฟิล์มมุมขวาจะขึ้นเลข 1 เป็นอันเรียบร้อย

ขั้นตอนที่ 4: อย่าลืม ! ตั้งค่า ISO ให้ตรงกับฟิล์มที่ใช้

สำคัญนะครับ อย่าลืมตั้ง ISO ให้ตรงกับฟิล์มที่ใช้กันด้วยล่ะ กล้องจะได้คำนวนค่าแสงอย่างถูกต้อง

เมื่อถ่ายเสร็จแล้วก็ได้เวลากรอฟิล์มกลับ

เมื่อถ่ายเสร็จครบ 72 ภาพ หรือหมดม้วนแล้ว (ถ้าใส่ฟิล์มเก่ง ๆ ก็อาจจะได้ภาพเกิน 72 มาหน่อย อย่างผู้เขียนเองได้มากสุดราว ๆ 76 ภาพ แต่บางคนได้ 80+ ภาพ ก็มีเหมือนกัน) ก้านขึ้นฟิล์มจะแข็ง ขึ้นฟิล์มต่อไม่ได้ไม่ต้องไปฝืนมัน แปลว่าเราถ่ายหมดแล้ว โดยวิธีกรอฟิล์มกลับก็ทำได้ตามวิธีดังนี้เลยครับ

ขั้นตอนที่ 1: กดปุ่ม Rewind ที่ใต้ฐานกล้อง

ขั้นตอนที่ 2: สะกิดก้านกรอฟิล์มกลับขึ้นมา

สะกิดก้านขึ้นมาเฉย ๆ ไม่ใช่ดึงขึ้นมาเหมือนตอนเปิดฝาห้องฟิล์มน๊า

ขั้นตอนที่ 3: หมุนก้านไปตามลูกศร (ตามเข็มนาฬิกา)

ตอนหมุนจะรู้สึกมีแรงต้านนิดหน่อยเป็นเรื่องปกติ ซึ่งพอฟิล์มหลุดออกจากอีกฝั่งเรียบร้อยแล้วสัมผัสจะเบาขึ้น หมุนต่ออีกนิดจนมั่นใจว่าฟิล์มถูกกรอกลับเข้ากลักหมดเรียบร้อยจึงค่อยเปิดฝาหลัง

ขั้นตอนที่ 4. เปิดฝาหลัง ถอดฟิล์มส่งล้างได้ !

นำฟิล์มออก เก็บในเคสพลาสติกทึบที่มากับตัวฟิล์ม หรือเก็บในที่ไม่โดนแสงส่องโดนตรงก่อนนำไปส่งล้าง

สรุป

PENTAX 17 มาในราคาค่าตัว 19,990 บาท ถ้าถามว่าแพงกว่ากล้องฟิล์มทั่วไปในตลาดไหม อันนี้ก็ใช่ครับ แต่อย่าลืมว่ากล้องในตลาดเป็นกล้องเก่าจากยุคฟิล์ม อายุอานามก็พอสมควร อาจจะ 30 ปี ++ ระบบต่าง ๆ ก็เสื่อมไปตามกาลเวลา แต่สำหรับ PENTAX 17 เป็นกล้องที่ถูกผลิตขึ้นมาใหม่ นอกจากเทคโนโลยีใหม่ที่คุณภาพดีกว่า เชื่อถือได้มากขึ้นแล้ว ยังมีการรับประกันจากศูนย์บริการที่ค่อย support ทั้งการซ่อมแซมรวมถึงอะไหล่อีกด้วยนะครับ ไม่รวมถึงคุณภาพชิ้นเลนส์ที่ดีมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่ง

กับค่าตัวสองหมื่นทอนสิบบาท สำหรับคนที่ชื่นชอบในการถ่ายภาพฟิล์มด้วยกล้อง Half frame ก็คงไม่ผิดหวังครับ นอกจากจะถ่ายได้ถึง 72 รูปแล้ว ยังมาในขนาดตัวที่เล็กเบา พกพาสะดวก หน้าตาหล่อ แถมระบบยังใช้ง่ายไม่ต้องคิดเยอะอีก

PENTAX

แต่สำหรับใครที่อยากได้กล้องฟิล์มถ่ายภาพแนวหลังละลาย อันนี้ก็คงไม่เหมาะเท่าไรด้วยระยะเลนส์ F3.5 แบบนี้ คงจะเหมาะกับสาย Street สแนปไปเรื่อย กับเก็บภาพความประทับใจในแต่ละวันเสียมากกว่า กับน่าเสียดายที่รุ่นนี้ไม่มีโหมดภาพซ้อนมาให้ครับ (จริง ๆ ทำได้แต่ต้องใช้ทริคกันเล็กน้อย คือถ่ายให้หมดม้วนก่อนแล้วเอาฟิล์มม้วนนั้นมาถ่ายซ้ำอีกรอบ แต่ก็ยุ่งยากกว่าใส่โหมดภาพซ้อนมาให้เลยอยู่ดี)

PENTAX 17 ยังเหมือนเป็นการปูทางเริ่มต้นซีรีส์กล้องฟิล์มให้กับแบรนด์ PENTAX ใหม่อีกครั้ง ในอนาคตจะมีรุ่นที่โปรกว่านี้ออกมาด้วยรึเปล่า อันนี้ก็คงต้องมารอติดตามดูกันล่ะครับ

สุดท้ายก็ต้องขอบคุณทาง East Enterprises Co.,Ltd และ Ricoh Pentax Thailand ที่ให้เรายืม PENTAX 17 มารีวิวในครั้งนี้ด้วยครับ 🙏