นี่คือ ‘Oral-B iO7’ แปรงสีฟันที่เป็นรุ่นแรกที่กล้าเรียกว่า นี่แหละ ‘แปรงสีฟันเรือธง’ คือแปรงสีฟันไฟฟ้านี่ไม่ใช่คอนเซ็ปต์ที่ใหม่ แต่ที่กล้าเรียก Oral-B iO7 ตัวนี้ว่าเป็นแปรงสีฟันไฟฟ้าเรือธง ส่วนหนึ่งก็เพราะราคาขาย เพราะนี่คือแปรงสีฟันไฟฟ้าราคา 15,999 บาท หรือหมื่นหกมีทอน

ในกล่องประกอบด้วยอะไรบ้าง

หลังจากคุณจ่ายราคานี้ไปแล้วได้อะไรบ้าง ในกล่องจะมีตัวแปรงสีฟันไฟฟ้า iO7, หัวแปรง Ultimate 2 ชิ้น, กล่องใส่แปรงสีฟันสำหรับเดินทาง ใส่ได้ 2 หัวแปรงเลย และแท่นชาร์จแม่เหล็กที่ต่อชาร์จไฟเข้าแปรงไฟฟ้าได้

รอบ ๆ ตัวแปรงมีปุ่ม 2 ปุ่ม และใช่ ‘หน้าจอ’ เป็นหน้าจอที่ใช้ในการควบคุมตัวแปรง เลือกโหมด หรือตั้งค่าต่าง ๆ ได้ในตัวเลย ส่วนตัวแปรงก็สามารถดึงเข้าและออกผ่านการเสียบล็อกเข้าไปได้เลย คือดูล้ำมาก แต่โดยพื้นฐานแล้วคือแปรงสีฟันไฟฟ้าที่เราใช้กันนี่แหละ

การทำงานแปรงสีฟัน

แต่แค่นี้จะเรียกว่าเป็นแปรงสีฟันเรือธงได้ยังไงกัน ต้องดูการทำงานของมันเลย โดยปกติแล้ว แปรงสีฟันไฟฟ้าที่เป็นมอเตอร์สั่นแบบเดิม มักจะแปรงกับรุนแรง หรือเสียงดัง แต่ตัวแปรงของ iO7 นั้นใช้มอเตอร์สั่น ‘Magnetic Drive’ หรือเป็นมอเตอร์สั่นที่ใช้แม่เหล็กเป็นตัวขับนั่นแหละ เพื่อให้การสั่นออกมาเงียบ และแปรงได้นุ่มมากขึ้น คุณผู้ชมลองฟังเสียงสั่นดู นี่โหมดแรงสุดแล้วนะ เสียงสั่นยังดังแค่นี้เลย (จ่อไมค์) บวกกับเทคโนโลยี ‘micro-pulsations’ ซึ่งเป็นการสั่นที่ลึกระดับไมโคร หรือด้วยความถี่ต่ำ ทำให้ตอนแปรงจะนุ่มนวลให้ได้มากที่สุด แบบที่จะไม่ทำร้ายเหงือกมากจนเกินไป ในขณะเดียวกัน ก็ขัดตัวฟันได้ดีขึ้นไปด้วย

ส่วนหัวแปรงกลม ๆ ที่ unique ของ Oral-B เขาบอกว่าทำมาให้เข้ากับรูปฟันแต่ละซี่ เวลาที่เราแปรง หัวแปรงจะใช้มอเตอร์สั่น ดันตัวแปรงให้หมุนเร็วๆไปมา และขนแปรงที่ Oral-B เขาดีไซน์มาพิเศษ อันนี้เรียกว่า ‘Tuft-In-Tuft’ ที่ตรงกลางจะยื่นออกมา (close up ให้ดู) เพื่อให้ตัวแปรงซอกซอนเข้าไปในจุดที่เข้าถึงยากได้ดีขึ้นนั่นเอง

โหมดการแปรง

ซึ่งโหมดการแปรงของ Oral-B iO7 นี้เขาแบ่งออกเป็น 5 โหมดด้วยกัน คือ Daily Clean, Intense, Whitening, Gum Care และ Sensitive ซึ่งแต่ละโหมดก็จะเหมาะกับฟันที่แตกต่างกันไป เช่นว่าถ้าเราอยากแปรงแบบธรรมดา ก็ใช้โหมด Daily Clean ได้ ถ้าอยากได้แบบคลีน ๆ แรง ๆ เลย อาจจะใช้โหมด Intense ไม่ก็ Whitening หรือถ้าเหงือกเราอ่อนไหว เลือดออกง่าย ก็ใช้โหมด Sensitive ได้เหมือนกัน ซึ่งโหมดการแปรงเหล่านี้ ตัวแปรงจะเซฟเอาไว้ให้เป็นประวัติ พอมาแปรงต่อ ก็จะเซฟประวัติโหมดการแปรงที่เลือกไว้ให้เอามาแปรงต่อได้

ส่วนการเริ่มแปรงจริง การที่แปรงมีหน้าจอ มีข้อดีในด้านการแสดงผลโหมดที่เราใช้อยู่, ดูว่าเราเปลี่ยนไปใช้โหมดไหน และฟีเจอร์ที่ว่าสำคัญมาก ก็คือ เวลาที่เรากำลังแปรงอยู่ คือ Oral-B เขาตั้งค่าไว้เป็นมาตรฐานเลยว่าการแปรงฟันด้วยแปรงสีฟันไฟฟ้า จะต้องแปรงให้ได้ 2 นาที เวลาเราแปรง ก็จะมีเวลาที่เราแปรงไปบอกอยู่ พร้อมกับการสั่นของตัวแปรงทุก ๆ 30 วินาทีด้วย เพื่อให้เราเปลี่ยนโซนของช่องปาก และแปรงได้ครบเวลา แล้วพอแปรงเสร็จ หน้าจอก็บอกว่าที่เราแปรงไปนั้นดีพอแล้วหรือยัง แล้วก็จะขึ้นอิโมจิมาบอกว่าเราแปรงดีแค่ไหน

อีกจุดเด่นคือที่ตัวแปรงก็มีไฟแสดงสถานะของการแปรง ด้วย ถ้าเราแปรงเบาเกินไป ก็จะขึ้นไฟนี้ (ที่เรากำหนดสีเองได้) เวลาเราแปรงฟันด้วยแปรงไฟฟ้า จะต้องใช้ตัวแปรง กดลงไปที่ตัวแปรงแบบนี้ ถ้าความแรงของเราพอดีแล้ว ก็จะขึ้นไฟเขียวแบบนี้ แต่ถ้ากดแรงเกินไป ก็จะขึ้นไฟแดงแทน ฟ้องว่าเราแปรงแรงไปแล้วนา เพราะ Oral-B iO7 นั้นมี Smart Pressure Sensor ไว้ตรวจจับความแรงในการกดแปรง ไม่ต้องห่วงเรื่องเหงือกร่นเพราะแปรงแรงเกิน ปกติของ Oral-B เขาจะขึ้นแต่ไฟแดงเวลาเราแปรงแรงเกินแค่นั้น และเวลาแปรงไม่ต้องถูไปมาแบบปกตินะ แค่จ่อแปรงเข้าฟันให้ตัวแปรงหมุนขึ้น-ลงตามแต่ละส่วนของซี่ฟันก็พอแล้ว

ฟีเจอร์เหล่านี้เหมาะมาก ๆ กับใครที่ไม่ค่อยชอบแปรงฟัน แปรงเร็ว แล-ะอยากฝึกนิสัยการแปรงให้ดีขึ้น เพราะแค่ทำตามที่แนะนำ ฟันเราก็สะอาดขึ้นได้แล้วนั่นเอง เพราะแปรงคอยคุมให้แปรงถูกวิธีและครบเวลาตลอด นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ตโฟนได้ด้วย Bluetooth แล้วเอามาเชื่อมต่อกับแอปฯ Oral-B ตรง ๆ เลย จากนั้นก็เชื่อมต่อเจ้า iO7 ผ่านแอปฯไปได้เลย

ฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาเมื่อเราเอาไปต่อแอปฯ ที่เหมาะมาก ๆ ก็คือ ตัวแปรงสามารถจับตำแหน่งการแปรงของเราได้ โดยแบ่งโซนของช่องปากเราออกเป็น 6 โซน และตัวแอปฯ จะทำหน้าที่เป็นโค้ชสอนการแปรงให้กับเรา เราแปรงแรงพอหรือยัง แปรงตรงไหนไปแล้วบ้าง แปรงไปกี่นาทีแล้ว โซนที่เราแปรงไปนั้นแปรงนาน และความแรงที่พอดีหรือเปล่า หน้าจอของเครื่องจะทำหน้าที่เป็นตัวคำนวณค่าต่าง ๆ ทั้งหมดมาส่งเข้าแอปฯ

พอแปรงเสร็จ ตัวแอปฯ จะเก็บประวัติการแปรง, เวลาที่แปรง, แปรงครบกี่ % ของช่องปากเรา แบ่งตามโซนให้ดูด้วย, แปรงแรงเกินไปกี่วินาที แล้วให้คะแนนการแปรงฟันของเราด้วย ! เอาจริง ๆ คือให้ข้อมูลครบ คอยโค้ชทุกย่างก้าวของการแปรงฟันของเราจริง ๆ ครบ จบทุกโซน หมอฟันต้องภูมิใจที่เราแปรงฟันได้ดีแน่นอน !

แบตเตอรี่

เรื่องแบตเตอรี่ของ Oral-B iO7 นั้น แม้จะไม่มีการบอกสเปกเลขขนาดของแบตเตอรี่ที่ชัดเจน แต่ Oral-B เคลมว่าใน 1 รอบการชาร์จ สามารถใช้งานได้ยาว 2 สัปดาห์ หรือ 14 วันเลยทีเดียว ซึ่งจากที่ลองแปรงจริงมาช่วงหนึ่งก็พบว่า เวลาเราแปรง 1 ครั้ง ประมาณ 2 นาทีกว่า ๆ ตามที่เขากำหนด แบตเตอรี่ลดครั้งละประมาณ 2% ลองเอามาคำนวณว่าเราแปรงทุกวัน วันละ 2 ครั้ง รวมกับแบตเตอรี่ที่ลดจากการวางไว้เฉย ๆ ไม่ได้ชาร์จแบตเตอรี่ ก็จะตกใช้งานได้ประมาณ 10 วัน แต่หน้าจอจะบอกระดับแบตเตอรี่หลังแปรงเสร็จตลอด พอแบตฯใกล้หมดก็ชาร์จได้เลย

ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่กลับ ก็ชาร์จผ่านการวางตัวแปรงไว้บนแท่นชาร์จแม่เหล็กแบบนี้ ตัวแท่นชาร์จแม่เหล็กก็รันสายเข้ากับปลั๊กหัวกลมแบบนี้เลย ข้อดีคือ ถ้าแบตฯเหลือน้อย ก็แค่ตั้ง iO7 ไว้กับแท่นวางง่าย ๆ แบบนี้ ก็ชาร์จให้แล้ว คือสะดวกมาก แถมยังชาร์จเร็วมากด้วย วางทิ้งไว้แค่แปป ๆ ก็เต็มได้แล้วจริง ๆ แต่ข้อสังเกตก็คือแท่นชาร์จแบบนี้ รันสายตรงระหว่างแท่นชาร์จและหัวปลํ๊กแบบนี้ ถอดออกไม่ได้นะ

ข้อสังเกต

รีวิว BT มีข้อสังเกตให้คุณผู้ชมเสมอ ข้อสังเกตของ Oral-B iO7 ที่อยากฝากให้ใครที่อยากซื้อ หรือกำลังจะซื้อ iO7 แล้ว คือหัวแปรงของ iO7 รุ่นนี้ จำเป็นจะต้องเปลี่ยนหัวแปรงเป็นรุ่นที่ทำมาเพื่อใส่กับ Oral-B iO เท่านั้นนะ ใช้รุ่นอื่นที่ Oral-B ขายมาใส่ไม่ได้นะ ปกติจะขายอยู่ที่ราคา 899 บาท แต่ก็มีลดราคาอยู่บ่อย ๆ

ราคา

และรีวิวที่ดีต้องมีราคา Oral-B iO7 วางจำหน่ายในประเทศไทยที่ราคา 15,999 บาท แต่ช่วงนี้ Oral-B มีโปรลดราคาเหลืออยู่ที่ 14,399 บาทอยู่ตลอด หรือรอกดตอนแฟลชเซลล์ก็ดีนะ ใครที่สนใจ สามารถซื้อได้ผ่านช่องทาง Online ได้เลย หรือไปลองจับของจริงและซื้อที่หน้าร้าน Boots สาขาชั้นนำได้เลย สงสัยอะไรก็ถาม BA ที่ร้านได้นะ ว่าแปรงสีฟันไฟฟ้าที่เป็นระดับเรือธง ให้ฟีเจอร์ที่แน่นเหมือน Gadget อีกเครื่องแบบนี้ ก็น่าลงทุนเหมือนกันนะ ! สมกับที่ Oral-B บอกว่า “ฟันสะอาดหมดจด อ่อนโยน แบบมืออาชีพ” นั่นแหละ

บ้าจริง เมื่อครู่คะแนนการแปรงยังดีไม่พอ หรือต้องแปรงอีกรอบ ว่าแล้วก็ Oral-B มาโค้ชหน่อย !