รีวิวลำโพง LinkBuds Speaker พร้อมหูฟัง LinkBuds Fit นิเวศน์ใหม่ของการฟังเพลงจาก Sony
Our score
8.0

ลำโพง Sony LinkBuds Speaker

จุดเด่น

  1. ตัวลำโพงให้เสียงได้สมดุลย์ เสียงร้องเด่น เบสมีกำลังสวย
  2. ออกแบบได้น่าใช้ ทั้งตั้งไว้เป็นลำโพงบ้าน หรือติดตัวไปใช้นอกบ้าน
  3. มีฟังก์ชันอัตโนมัติหลายอย่าง ทั้งเปิดเพลงเองเมื่อถึงเวลาที่ตั้ง หรือสลับการใช้งานลำโพงไปหูฟัง หรือหูฟังไปลำโพงเองได้
  4. ทำตัวเป็น Speaker Phone ได้ มีไมโครโฟนในตัวที่ดีใช้ได้

จุดสังเกต

  1. เพราะเป็นลำโพงกลาง ๆ เลยเด่นไม่สุดทั้งความเป็นลำโพงบ้านหรือลำโพงพกพา
  2. ไม่ใช่ลำโพงสเตอริโอ แต่สามารถต่อ 2 ตัวเพื่อทำเสียงสเตอริโอได้
  3. เชื่อมต่อ Wifi ไม่ได้ ต่อ Bluetooth ได้อย่างเดียว

สินค้าจากค่ายญี่ปุ่นมักจะมีเอกลักษณ์ที่ชื่อรุ่นเป็นรหัสซับซ้อนนะครับ ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ของโซนี่ก็เป็น (เช่นหูฟัง Sony WF-1000XM5) เราจึงแปลกใจที่ผลิตภัณฑ์ด้านเสียงตระกูลใหม่ของ Sony อย่าง LinkBuds นั้นตั้งชื่อรุ่นที่เป็นมิตรกับผู้ซื้อมากขึ้น ไม่มีการสื่อสารเป็นรหัสรุ่นที่ซับซ้อน แต่ใช้ชื่อที่จำง่ายไปเลย ซึ่งวันนี้เราจะรีวิว 2 รุ่นคือลำโพง Sony LinkBuds Speaker และหูฟัง LinkBuds Fit พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่สามารถเล่นเพลงต่อเนื่อง สลับจากหูฟังไปลำโพง หรือลำโพงไปหูฟังได้เลย เป็นนิเวศน์ใหม่แห่งการฟังเพลงของโซนี่

ส่วนถ้าอยากรู้รหัสรุ่นเพื่ออ้างอิง ตัว LinkBuds Speaker คือ SRS-LS1 และหูฟัง LinkBuds Fit คือ WF-LS910N ครับ

รีวิวลำโพง Sony LinkBuds Speaker

เริ่มต้นกันที่ลำโพงกันก่อนครับ กับลำโพงตัวเล็กน่ารัก ๆ ซึ่งเราก็ค่อยเห็นดีไซน์แบบนี้จากโซนี่ในระยะหลังนะ

ดีไซน์

อุปกรณ์ในชุด Sony LinkBuds Speaker

งานออกแบบลำโพงตัวนี้น่ารักเลยทีเดียว อย่างตัวสีขาวที่เราได้มารีวิวนี้เหมือนก้อนมาร์ชเมลโลสี่เหลี่ยมมน ๆ ดูน่าใช้ (ส่วนสีดำก็น่ารักแบบคมเข้ม) ด้านหลังลำโพงก็มีหูหิ้วเป็นห่วงเล็ก ๆ ให้สามารถยกเกี่ยวไปมาได้ เอาไปนอกสถานที่ก็ได้สบาย ๆ ด้วยน้ำหนักตัวแค่ 520 กรัม

แล้วในชุดจะมาพร้อมแท่นชาร์จสี่เหลี่ยมที่แค่วางลำโพงลงไปก็ชาร์จทันที แต่ในกล่องไม่มีหัวชาร์จมาให้นะครับ ก็แนะนำให้ใช้หัวชาร์จ USB-A กำลัง 5V 1.5A เป็นอย่างน้อยเพื่อชาร์จครับ

ทำให้ LinkBuds Speaker วางตัวเป็นทั้งลำโพงที่ตั้งทิ้งไว้ที่บ้าน และลำโพงพกพาไปใช้นอกบ้าน วันไหนไปเที่ยวต่างจังหวัดก็ยกติดตัวไปด้วยใช้ได้สบาย ๆ ด้วยแบตเตอรี่ที่โซนี่เคลมว่าใช้ต่อเนื่องได้ 25 ชั่วโมง ที่เสียงดังประมาณครึ่งหนึ่งครับ ส่วนถ้าเปิดดังสุดจะอยู่ได้ราว ๆ 6 ชั่วโมง

การควบคุม

ปุ่มควบคุมด้านบนของ Sony LinkBuds Speaker

ด้านบนของลำโพงจะประกอบด้วยปุ่มกด 4 ปุ่ม คือเล่นเพลง/หยุดเพลงและรับโทรศัพท์, ปุ่มเพิ่มเสียง, ลดเสียง และปุ่ม Quick Access อยู่ด้านบนสุด ซึ่งสามารถเซ็ตในแอป Sound Connect ได้ เช่นกด 1 ครั้งเปิดเพลงจาก Spotify Tap เลย หรือกด 2 ครั้งเปิดเสียงพิเศษให้โฟกัสหรือนอนจากแอป Endel ก็ได้

ด้านหลังที่มีปุ่มเปิด และพอร์ตชาร์จไฟที่อยู่ใต้แผ่นยางปิด

ส่วนด้านหลังจะมีปุ่มเปิด-ปิดลำโพง และมีพอร์ตชาร์จซ่อนอยู่หลังฝาปิด ซึ่งเวลาชาร์จจะมีไฟสีแดงขึ้นด้านหลังด้วย เห็นพอร์ตชาร์จมีฝาปิดแบบนี้ ก็สามารถป้องกันน้ำได้ระดับหนึ่งคือ IPX4 หรือป้องกันน้ำกระเซ็นใส่ได้ แต่ตกน้ำไม่ได้ และห้ามฉีดน้ำใส่นะครับ

ด้านล่างของลำโพงที่ก็ยังมีปุ่มซ่อนอยู่อีก

ด้านล่างของลำโพงก็ยังมีปุ่มซ่อนอยู่คือปุ่ม Bluetooth สำหรับสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ใหม่ หรือกดค้างเพื่อเชื่อม LinkBuds Speakers อีกตัวทำ Stereo Pair และปุ่มรูปแบตเตอรี่ที่เมื่อกดจะลำโพงจะบอกระดับแบตเตอรี่และบอกว่าเราเปิดโหมด Battery Care ที่ทำให้ชาร์จแค่ 90% เพื่อถนอมแบตเตอรี่อยู่หรือไม่ (เปิดได้จากแอป Sound Connect)

การใช้เป็น Speaker Phone

Sony LinkBuds Speaker

ลำโพงตัวนี้รองรับการเชื่อมต่อแบบ Multi-Point ด้วยนะครับ คือสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ 2 ตัวพร้อมกัน จะมือถือ 1 เครื่อง โน้ตบุ๊กอีกเครื่องก็ได้ เวลาเล่นเพลงจากโน้ตบุ๊ก แล้วมีสายเรียกเข้าก็จะรับสายจากสมาร์ตโฟนได้ทันที ซึ่งกดปุ่ม เล่นเพลง-หยุดเพลงเพื่อรับสายที่ตัวลำโพงเลยก็ได้

ซึ่งในตัวลำโพงก็มีไมค์พร้อมเป็น Speaker Phone ได้ในตัวครับ ซึ่งเราทดลองคุยโทรศัพท์จริงแล้วปลายสายก็ได้ยินเสียงชัดเจนดีครับ พกติดตัวไว้คุยในวงประชุมออนไลน์เล็ก ๆ ก็เวิร์กอยู่นะ

ทดสอบการเก็บเสียงจาก Sony LinkBuds Speaker

สเปกเสียง

สเปกด้านเสียงของ LinkBuds Speaker นั้นประกอบด้วยไดรเวอร์ 2 ตัวคือทวีตเตอร์สำหรับให้เสียงสูง และวูฟเฟอร์ X-Balanced Speaker Unit พร้อม Passive Radiator คู่สำหรับให้เสียงต่ำ ไดรเวอร์คู่นี้วางอยู่ด้านหน้าของตัวลำโพง ซึ่งด้วการจัดแหล่งกำหนดเสียงลักษณะนี้ทำให้ LinkBuds Speaker เป็นลำโพงโมโนครับ ต้องเชื่อม 2 ตัวเพื่อให้เสียงซ้าย-ขวาเป็นสเตอริโอ แต่ก็มาพร้อม Sound Diffusion Processor เพื่อปรับเสียงให้กระจายออกไปรอบตัวได้ แม้ฟังจากด้านข้างหรือด้านหลังลำโพงก็ไม่รู้สึกว่าเสียงแตกต่างมากนัก

ไดรเวอร์ 2 ตัวที่อยู่ภายใน Sony LinkBuds Speaker

การเชื่อมต่อนั้นใช้ Bluetooth อย่างเดียวรองรับ Codec 2 ตัวคือ SBC กับ AAC แต่ก็น่าแปลกใจที่ไม่รองรับการส่งสัญญาณเสียงคุณภาพสูงอย่าง LDAC ของโซนี่เอง

ด้วยดีไซน์ของลำโพงตัวนี้ที่วางตำแหน่งเป็นลำโพงแบบเปิดทั้งไว้ ตั้งรอพร้อมใช้งานที่บ้าน เปิดเพลงเรื่อย ๆ เพลิน ๆ สร้างบรรยากาศรื่นรมณ์ให้บ้านมีชีวิตชีวา ลักษณะเสียงที่ได้จากลำโพงตัวนี้จึงค่อนข้างสมดุล ไม่ได้หนักเบสเหมือนกันลำโพงพกพาส่วนใหญ่ของโซนี่ ซึ่งเราชอบเสียงร้องจากลำโพงตัวนี้มาก ให้เสียงร้องได้หวาน เสียงกลางให้ความสมชัด สมดุลกับเสียงเบสที่มีกำลังขับให้เพลงมีจังหวะจะโคน คือแม้จะไม่ใช่เป็นลำโพงที่เบสหนักแน่นสั่นโสตประสาท หรือเป็นลำโพงที่ให้รายละเอียดดนตรีได้ระยิบระยับ แต่ก็เหมาะสำหรับการฟังเพลงระหว่างใช้ชีวิตครับ

ผู้ใช้ยังสามารถปรับแนวเสียงให้ถูกใจมากขึ้นได้ผ่าน EQ แบบ 5 ย่าน พร้อมตัวเลือก Clear Bass ในแอป Sony Sound Connect นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี DSEE ช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงที่ถูกบีบอัดให้กลับมามีชีวิตชีวา

สารพัดฟังก์ชันอัตโนมัติ

Sony LinkBuds Speaker สีดำ

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์กลุ่ม Linkbuds รุ่นใหม่ที่เริ่มจาก Linkbuds Speaker ตัวนี้คือฟังก์ชัน Auto Switch ครับ ที่ลำโพงและหูฟังที่รองรับคือหูฟังตระกูล Linkbuds 3 ตัวคือ LinkBuds Fit, LinkBuds Open และ LinkBuds S และหูฟังตัวท็อปอย่าง Sony WH-1000Xm5 และ WF-1000Xm5 จะสามารถสลับเสียงอัตโนมัติได้ทันที

เช่นเราเปิดเพลงในลำโพง Linkbuds Speaker อยู่ แล้วออกจากบ้าน เมื่อใส่หูฟังออกไป เพลงก็จะมาเล่นในหูฟังต่อได้ทันที หรือเมื่อกลับถึงบ้าน ถอดหูฟังเก็บ เพลงก็จะมาเล่นต่อที่ลำโพงแทนอัตโนมัติครับ

แต่ข้อเสียของ Auto Switch คือมันเซ็ตอัปวุ่นวายไม่น้อย ต้องเข้าแอป Sound Connect ไปผูกระหว่างหูฟังกับลำโพง และลำโพงจะต้องเปิดทิ้งไว้ เพื่อพร้อมทำงานเวลากลับเข้าบ้านครับ (เค้าเลยมีแท่นชาร์จลำโพงมาให้ตั้งลำโพงแบบเปิดทิ้งไว้ตลอดไง)

อีกฟังก์ชันอัตโนมัติคือ Auto Play ที่เราสามารถเช็ตโทรศัพท์ให้ทำงานร่วมกับลำโพงอัตโนมัติได้ เช่นเปิดเพลงอัตโนมัติทุกเช้าในเวลาที่กำหนด หรือเปิดเพลงอีกชุดในเวลาก่อนนอน ซึ่งก็จะไปลิงก์เพลงจาก Spotify มา แต่การเปิด Auto Play ค่ามาตรฐานจะทำให้ลำโพงขานเวลาทุกชั่วโมงออกมา และอ่านโนติที่เข้ามาในเครื่องด้วยนะครับ (ซึ่งก็อ่านไทยไม่ได้) ถ้าใครสงสัยว่าเสียงมาจากไหน แล้วปิดยังไง ให้ดูในส่วน Voice Cue ของ Auto Play ครับ

Sony LinkBuds Open, LinkBuds Speaker และ LinkBuds Fit

ข้อสังเกต

เราว่า LinkBuds Speaker วางตำแหน่งในตลาดลำโพงที่แปลกจนอาจบอกได้ว่าไม่มีลำโพงที่มีฟีเจอร์เทียบเป็นคู่แข่งตรง ๆ ในตลาด แต่เราคิดว่าบางทีมันก็ขาด ๆ เกิน ๆ อยู่เหมือนกัน ซึ่งเราอาจแยกตำแหน่งการตลาดต่าง ๆ ของลำโพงนี้ดังนี้

  • ความเป็นลำโพงบ้าน ถ้ามองในแง่ลักษณะเสียง ก็ถือว่า Sony LinkBuds Speaker เป็นลำโพงที่ดีไซน์เสียงมาถูกต้องกับการใช้งานที่วางตัวเป็นลำโพงให้บรรยากาศในบ้าน แต่ดันไม่รองรับการเชื่อมต่อ Wifi ในตัว ทำให้การใช้งานในบ้านไม่สมูทเท่าลำโพงที่สามารถยิง Spotify ขึ้นลำโพงผ่าน Wifi ได้เลย แล้วการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth อย่างเดียวจะมีปัญหาเมื่อสมาร์ตโฟนกับลำโพงอยู่ห่างกัน ซึ่งโซนี่แก้เกมนี้ด้วยการทำให้เป็นลำโพงที่จะสลับเสียงระหว่างหูฟัง LinkBuds ไปเลย
  • ความเป็นลำโพงพกพา โซนี่ดีไซน์ให้ลำโพงนี้สามารถพกพาได้ง่าย มีหูหิ้วอยู่ด้านหลัง แต่ก็ยังเสียเปรียบลำโพงพกพาระดับราคานี้หลายรุ่นตรงไม่ใช่ลำโพงสเตอริโอ และความดังของเสียงก็ไม่ได้ดังระดับที่ได้เสียงอิ่ม ๆ เมื่อใช้กลางแจ้ง แต่โซนี่ก็เสริมจุดเด่นที่สามารถคุยโทรศัพท์ได้ด้วยเข้ามา

สรุป Sony LinkBuds Speaker คุ้มไหม

หูหิ้วด้านหลังทำให้พกพาสะดวก

Sony LinkBuds Speaker ตั้งราคาไว้ 6,990 บาทนะครับ ก็ระดับราคาอยู่แถว ๆ Sony XE300 กับ Sony RA3000 ที่ลดราคามา ซึ่งถ้าคุณต้องการลำโพงบลูทูทยุคใหม่ที่ติดตัวไปฟังนอกบ้านได้ และตั้งทิ้งไว้ที่บ้านเป็นลำโพงบ้านตัวย่อม ๆ ก็ได้ มีฟีเจอร์อัตโนมัติเพียบ ๆ LinkBuds Speaker ก็เหมาะสมครับ

แต่ถ้าคุณต้องการลำโพงที่เน้นใช้งานนอกบ้านเลย ให้เสียงดังกว่า แถมเป็นสเตอริโอด้วย Sony XE300 จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า (แถมตอนนี้ลดราคามาถูกกว่า LinkBuds Speaker อีก) แล้วถ้าคุณอยากได้ลำโพงบ้านไปเลย Sony RA3000 ก็เหมาะสมกว่า เพราะเป็นลำโพงเสียบไฟบ้าน ให้กำลังเสียงมากกว่า ต่อ Wifi พร้อมเล่นเพลงตลอดเวลา แถมให้มิติของเสียงที่เหนือกว่าครับ (อ่านรีวิว Sony SRS-RA3000 ได้ที่นี่)

รีวิวหูฟัง Sony LinkBuds Fit

ในส่วนของหูฟังที่ออกมาพร้อมกับตัวลำโพง เราได้เจ้า LinkBuds Fit มารีวิวครับ (อีกรุ่นที่ออกมาพร้อมกันคือ LinkBuds Open ที่เป็นหูฟังแบบตัดเสียงรบกวนไม่ได้) ซึ่งถือเป็นรุ่นน้องของ Sony WF-1000XM5 ที่เราดันชอบตัวน้องมากกว่าตัวพี่แหะ

ดีไซน์เป็นจุดเด่น

Sony LinkBuds Fit ออกแบบมาเจาะกลุ่มวัยรุ่นมากกว่าตัวพี่ครับ โดยในไทยมีสีให้เลือกถึง 4 สี ตั้งแต่สีเบสิกดูภูมิฐานอย่าง ดำและขาว และสีที่ดูวัยรุ่นอย่างเขียวมินต์ และสีม่วงของ Olivia Rodrigo นักร้องชื่อดัง โดยดีไซน์ตลับหูฟังจะคล้ายตลับแป้งอันเล็ก ๆ เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่ฝาบนของสีขาวกับสีเขียวจะเป็นลายคล้าย ๆ หินอ่อน ส่วนสีดำกับสีม่วงจะเป็นฝามันเงา ตัดกับส่วนล่างที่เป็นผิวแบบด้าน โดยตัวตลับจะมีความหนามากกว่า Sony WF-1000XM5 หน่อย แต่โดยรวมก็ถือว่ายังพกติดตัวได้สะดวกอยู่ดี

Sony LinkBuds Fit สีม่วงของ Olivia Rodrigo ในเคสโลโก้ OR ของเธอ

LinkBuds Fit รุ่นนี้เป็นหูฟังไม่กี่รุ่นที่โซนี่ทำเคสออกมาขายพร้อมกันครับ (รุ่นพี่ยังไม่มีเคสเป็นทางการขายในไทยเลย) โดยเคสซิลิโคนตัวนี้มีให้เลือกถึง 5 สีคือ ชมพูอ่อน, เขียวมรกต, เทาอมน้ำเงิน, ม่วงลาเวนเดอร์และดำ และสีม่วงยังมีเคสพิเศษที่มีโลโก้ของ Olivia Rodrigo ให้เลือกด้วย ซึ่งคุณจะซื้อสีให้เข้ากับตัวหูฟังก็ได้ หรือจะซื้อสีตัดกันแบบ Mix and Match ให้จี๊ดก็ยังได้ แถมเคสนี้ยังมาพร้อมห่วงโลหะ เอาไว้เกี่ยวหูฟังกับสายกระเป๋า หรือเข็มขัดให้เท่ ๆ ก็ได้ ในราคาเคสแค่ 990 บาทเท่านั้น

มาดูดีไซน์ตัวหูฟังกันบ้าง LinkBuds Fit เป็นหูฟังแบบ in-ear แบบมีปีกซิลิโคนนิ่ม ๆ ภายในกลวง สำหรับเกี่ยวในใบหูครับ ทำให้สามารถล็อกกับใบหูได้แน่นหนาขึ้น ใช้ออกกำลังกายก็ไม่หลุด ส่วนจุกหูฟังที่มีให้เลือกหลายขนาดก็เป็นซิลิโคนนิ่ม ใส่สบาย ใส่ยาวนานหลายชั่วโมงก็ไม่รู้สึกแย่กับหู โดยรวมเราชอบสัมผัสการสวมใส่ของ LinkBuds Fit มากกว่า Sony WF-1000XM5 ที่ตัวใหญ่กว่า และเป็นจุกหูฟังแบบโฟมซึ่งดูแลรักษายากกว่าด้วย

ซิลิโคนปีกหูฟังที่ซื้อเพิ่มได้

แล้วตัวหูฟังโซนี่ก็ยังมีซิลิโคนขายด้วยครับ รุ่นนี้โซนี่จัดเต็มเรื่องของตกแต่งมาก คือถ้าอยากได้ปีกซิลิโคนสีใหม่ให้โดนใจมากขึ้น ก็สามารถซื้อเพิ่มได้ในราคา 490 บาท มี 4 สีให้เลือกคือ ชมพูอ่อน, เขียวมรกต, เทาอมน้ำเงิน และม่วงครับ ซึ่งก็เป็นสีคนละเฉดกับปีกซิลิโคนที่มากับหูฟังนะ

ส่วนเรื่องกันน้ำ หูฟังตัวนี้กันได้ระดับ IPX4 ครับ คือโดนน้ำกระเซ็นได้ สู้เหงื่อไหว แต่ไม่ใช่ระดับที่ตกน้ำได้ครับ

การควบคุม

หูฟังรุ่นนี้ยังมีเอกลักษณ์การควบคุมจากตระกูล LinkBuds มาครบถ้วนครับ คือมีความสามารถที่เรียกว่า Wide Area Tap ที่เราสามารถแตะด้านหน้าของหูเรา (แถว ๆ ติ่งของหูที่เรียกว่า Tragus) เพื่อสั่งงานหูฟังได้ด้วย ซึ่งถ้าลองแตะแล้วไม่ค่อยติดก็สามารถไปปรับความไวได้ในแอป Sound Connect หรือถ้าแตะไม่ค่อยติดจริง ๆ ก็สามารถแตะที่ตัวหูฟังโดยตรงได้อยู่

แตะหูซ้ายจำนวนการแตะแตะหูขวา
ตัดเสียงรบกวน – เปิดเสียงภายนอกแตะ 2 ครั้งเล่น/หยุดเพลง
(ตั้งเองภายหลัง)แตะ 3 ครั้งเปลี่ยนเพลง
ลดเสียงแตะซ้ำเรื่อย ๆเพิ่มเสียง

ก็สามารถเข้าไปปรับในแอป Sound Connect ได้อีกว่าจะให้การแตะข้างซ้าย-ขวาเกิดอะไรขึ้น มีฟีเจอร์อย่างการแตะเพิ่ม Spotify Tap ที่แตะแล้วจะเล่นเพลงที่เราน่าจะชอบทันทีด้วย

ซึ่งแน่นอนว่าเป็นหูฟังของโซนี่ก็ต้องมีฟีเจอร์ Adaptive Sound Control ด้วย ที่ระบบจะปรับการตัดเสียงหรือการดึงเสียงรอบข้างเองตามการใช้ชีวิต เช่นนั่งอยู่นิ่ง ๆ ในรถ ก็จะตัดเสียงรอบข้างเยอะหน่อย เพื่อกรองเอาเสียงเครื่องยนต์ออกไป หรือเวลาเดิน ก็จะเปลี่ยนไปดึงเสียงภายนอกมาแทน เพื่อให้การใช้ชีวิตปลอดภัยมากขึ้น

การสวมใส่ Sony LinkBuds Fit คือต้องให้ปีกซิลิโคนเกี่ยวอยู่ในหู

นอกจากนี้ยังมีการควบคุมอัจฉริยะในแบบของโซนี่อีกเพียบ เช่น Speech-to-Chat เมื่อเราเริ่มพูดเพลงจะหยุดเองเพื่อให้ได้ยินเสียงคู่สนทนาโดยไม่ต้องถอดหูฟังออก หรือการพยักหน้าเพื่อรับสาย หรือส่ายหัวเพื่อปฏิเสธสาย หูฟังรุ่นนี้ก็ทำได้เช่นกันครับ รวมถึงเมื่อถอดหูฟังออกจากหู เพลงก็หยุดเองด้วย

ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้ราว 5.5 ชั่วโมงเมื่อเปิดโหมดตัดเสียงรบกวน และสามารถเอากลับไปชาร์จในเคสเพื่อใช้งานได้สูงสุด 21 ชั่วโมง ก็อาจจะไม่ได้ยาวนานเท่า Sony WF-1000XM5 ที่ใช้ต่อเนื่องได้ 8 ชั่วโมง แต่ก็นานมากพอสำหรับคนส่วนใหญ่ครับ แต่เคสของ LinkBuds Fit ไม่สามารถชาร์จไร้สายได้นะครับ เสียบสาย USB-C ชาร์จอย่างเดียว

คุณภาพเสียง

Sony LinkBuds Fit สีม่วงของ Olivia Rodrigo

ในแง่สเปกเสียง Sony LinkBuds Fit ใช้ Dynamic Driver X เหมือนกับรุ่นพี่ครับ รองรับเสียงระดับ Hi-Res ที่ความถี่ 20 – 40,000 Hz ด้วย จึงรองรับการส่งสัญญาณทั้ง SBC, AAC, LDAC และ LC3 พร้อมเทคโนโลยีปรับแต่งเสียง DSEE Extreme ที่ช่วยกู้คืนรายละเอียดเสียงที่หายไปจากการส่งสัญญาณไร้สาย

เห็น Sony LinkBuds Fit เป็นหูฟังรุ่นรองแต่คุณภาพก็ไม่ได้เป็นรอง Sony WF-1000XM5 มากมายนะครับ คือเสียงของ LinkBuds Fit นั้นเป็นลักษณะเดียวกับรุ่นท็อปเลย อาจจะต่างเรื่องรายละเอียดเสียงนิดหน่อย ซึ่งก็ต้องฟังแบบตั้งใจฟังพอสมควรถึงจะรับรู้รายละเอียดเสียงที่เหนือกว่าของ WF-1000XM5 ได้ (แต่เรื่องความใส่สบาย LinkBuds Fit ชนะขาด)

ลักษณะเสียงของ Sony LinkBuds Fit คือ

  • เสียงเบสมาเต็ม หนักแน่น แยกเลเยอร์ในเสียงเบสได้ และไม่บวม ลงลึกได้ในระดับที่น่าพอใจ แต่ก็ไม่ได้ลึกสุดใจเหมือนหูฟังหลักหมื่น
  • เสียงกลางเสียงร้องชัดเจน ไม่โดนเบสขึ้นมาตีกวน ให้เสียงนักร้องหวาน
  • เสียงแหลม เพิ่มสีสันให้ดนตรีได้ดี แต่ไม่ถึงกับให้รายละเอียด ความกระจ่างได้ชัดเจน

นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นด้านเสียงอื่น ๆ อีกเช่น Background Sound Effect ที่เปลี่ยนเสียงให้เหมือนฟังเพลงอยู่ในคาเฟ่, ห้องนั่งเล่น เสียงไม่ได้อัดหูโดยตรงเหมือนฟังปกติ แล้วก็สามารถปรับ EQ เองได้อีก 5 แบนด์พร้อมปรับเพิ่มลดเบสแยกในตัวเลือก Clear Bass ได้อีก

แล้วถ้าเป็นหูฟังสีม่วง รุ่นพิเศษของ Olivia Rodrigo ยังมีพรีเซ็ต EQ พิเศษคือ GUTS กับ SOUR ตามอัลบั้มของนักร้องสาว ให้ฟังเพลงของเธอได้ฟินขึ้นด้วย

ส่วนเรื่องการตัดเสียงรบกวน ทำได้ดีตามมาตรฐานโซนี่ เพราะใช้ชิป V2 มาประมวลผลเหมือน WF-1000XM5 แต่ไม่มีชิป QN2e มาช่วยประมวลผลแยก ซึ่งถ้าฟังเทียบกัน รุ่นพี่ก็ยังตัดเสียงได้เยอะกว่า เราเทียบจากเสียงพิมพ์คีย์บอร์ดที่ฝั่ง Linkbuds Fit ได้ยินชัดกว่าพอสมควรเลย แต่ถ้าใครไม่ซีเรียสเรื่องความเงียบมาก เพราะเวลาเปิดเพลงเราก็ไม่ค่อยได้ยินเสียงภายนอกอยู่ดี ANC ของ LinkBuds Fit ก็ดีพอสำหรับการใช้งานแล้วครับ

และหูฟังตัวนี้รองรับ Multipoint ด้วยครับ หมายความว่าสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกัน 2 ตัว สามารถ Standby พร้อมกัน แล้วใช้งานสลับไปสลับมาได้ทันทีโดยไม่ต้องรอเชื่อมต่อใหม่

การคุยโทรศัพท์

ยิ่งหูฟังรุ่นใหม่ ยิ่งคุยโทรศัพท์ได้ชัดเจนขึ้น Sony LinkBuds Fit ก็เช่นกันครับ หูฟังรุ่นล่าสุดตัวนี้ เราว่าเป็นหูฟังแบบ TWS ที่คุยโทรศัพท์ได้ดีที่สุดของโซนี่ตอนนี้เลย ลองฟังคลิปเสียงเทียบกับรุ่นพี่ Sony WF-1000XM5 ดูครับ

เสียงพูดจาก Sony LinkBuds Fit
เสียงพูดจาก Sony WF-1000XM5

สรุป Sony LinkBuds Fit คุ้มไหม

Sony LinkBuds Fit ตั้งราคาเปิดตัวมาที่ 7,990 บาท (ตอนที่เขียนรีวิวมีโปรลดเหลือ 7,490 บาท) ก็เป็นราคาระดับกลางสำหรับหูฟัง TWS เทียบกับ Sony WF-1000XM5 ตัวท็อปที่เปิดตัวมา 10,990 บาท (แต่ตอนนี้ที่เขียนรีวิวมีโปรลดเหลือ 7,990 บาท)

อุปกรณ์ในกล่อง มีตัวหูฟัง จุกซิลิโคนอีก 3 คู่ (รวมที่ติดมาอยู่แล้วก็เป็น 4 คู่) และสายชาร์จ USB-C

แล้วถ้า Sony LinkBuds Fit กับ Sony WF-1000XM5 ขายแถว ๆ 8 พันบาทเท่ากัน เหมือนตอนที่เขียนรีวิวอยู่นี้ จะเลือกอะไรดี

  • ถ้าเอาคุณภาพเสียงเป็นที่ตั้งเลย ก็ต้องเลือก Sony WF-1000XM5 ด้วยความเนี๊ยบสูงสุดของเทคโนโลยีหูฟังไร้สายโซนี่ในตอนนี้ พร้อมความสามารถในการตัดเสียงที่ดีกว่า และเคสชาร์จก็บางกว่า แถมสามารถชาร์จไร้สายได้ด้วย
  • แต่ถ้าเอาเรื่องใส่สบาย เรื่องนี้ Sony LinkBuds Fit กินขาดครับ ใส่สบายแบบลืมว่าใส่อยู่ได้เลย แล้วใช้จุกซิลิโคนดูแลง่ายกว่าจุกโฟมของ WF-1000XM5 เยอะ (จุกโฟมทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ไม่ได้ ใช้ไปสักพักโฟมเสื่อมก็ต้องเปลี่ยน) แถมเสียงก็ไม่ได้ด้อยกว่ารุ่นพี่เท่าไหร่ ดีไซน์วัยรุ่นกว่าด้วย

ส่วนตัวสำหรับผู้รีวิวแล้วก็เลือก Sony LinkBuds Fit ครับ ให้น้ำหนักเรื่องใส่สบายมากกว่า เพราะหูฟังเสียงดีแต่ใส่แล้วไม่สบาย มันไม่มีความสุขเท่าใช้หูฟังที่ใส่สบายครับ