
Our score
8.0ลำโพง Sony LinkBuds Speaker
จุดเด่น
- ตัวลำโพงให้เสียงได้สมดุลย์ เสียงร้องเด่น เบสมีกำลังสวย
- ออกแบบได้น่าใช้ ทั้งตั้งไว้เป็นลำโพงบ้าน หรือติดตัวไปใช้นอกบ้าน
- มีฟังก์ชันอัตโนมัติหลายอย่าง ทั้งเปิดเพลงเองเมื่อถึงเวลาที่ตั้ง หรือสลับการใช้งานลำโพงไปหูฟัง หรือหูฟังไปลำโพงเองได้
- ทำตัวเป็น Speaker Phone ได้ มีไมโครโฟนในตัวที่ดีใช้ได้
จุดสังเกต
- เพราะเป็นลำโพงกลาง ๆ เลยเด่นไม่สุดทั้งความเป็นลำโพงบ้านหรือลำโพงพกพา
- ไม่ใช่ลำโพงสเตอริโอ แต่สามารถต่อ 2 ตัวเพื่อทำเสียงสเตอริโอได้
- เชื่อมต่อ Wifi ไม่ได้ ต่อ Bluetooth ได้อย่างเดียว
สินค้าจากค่ายญี่ปุ่นมักจะมีเอกลักษณ์ที่ชื่อรุ่นเป็นรหัสซับซ้อนนะครับ ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ของโซนี่ก็เป็น (เช่นหูฟัง Sony WF-1000XM5) เราจึงแปลกใจที่ผลิตภัณฑ์ด้านเสียงตระกูลใหม่ของ Sony อย่าง LinkBuds นั้นตั้งชื่อรุ่นที่เป็นมิตรกับผู้ซื้อมากขึ้น ไม่มีการสื่อสารเป็นรหัสรุ่นที่ซับซ้อน แต่ใช้ชื่อที่จำง่ายไปเลย ซึ่งวันนี้เราจะรีวิว 2 รุ่นคือลำโพง Sony LinkBuds Speaker และหูฟัง LinkBuds Fit พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่สามารถเล่นเพลงต่อเนื่อง สลับจากหูฟังไปลำโพง หรือลำโพงไปหูฟังได้เลย เป็นนิเวศน์ใหม่แห่งการฟังเพลงของโซนี่

ส่วนถ้าอยากรู้รหัสรุ่นเพื่ออ้างอิง ตัว LinkBuds Speaker คือ SRS-LS1 และหูฟัง LinkBuds Fit คือ WF-LS910N ครับ
รีวิวลำโพง Sony LinkBuds Speaker
เริ่มต้นกันที่ลำโพงกันก่อนครับ กับลำโพงตัวเล็กน่ารัก ๆ ซึ่งเราก็ค่อยเห็นดีไซน์แบบนี้จากโซนี่ในระยะหลังนะ
ดีไซน์

งานออกแบบลำโพงตัวนี้น่ารักเลยทีเดียว อย่างตัวสีขาวที่เราได้มารีวิวนี้เหมือนก้อนมาร์ชเมลโลสี่เหลี่ยมมน ๆ ดูน่าใช้ (ส่วนสีดำก็น่ารักแบบคมเข้ม) ด้านหลังลำโพงก็มีหูหิ้วเป็นห่วงเล็ก ๆ ให้สามารถยกเกี่ยวไปมาได้ เอาไปนอกสถานที่ก็ได้สบาย ๆ ด้วยน้ำหนักตัวแค่ 520 กรัม
แล้วในชุดจะมาพร้อมแท่นชาร์จสี่เหลี่ยมที่แค่วางลำโพงลงไปก็ชาร์จทันที แต่ในกล่องไม่มีหัวชาร์จมาให้นะครับ ก็แนะนำให้ใช้หัวชาร์จ USB-A กำลัง 5V 1.5A เป็นอย่างน้อยเพื่อชาร์จครับ
ทำให้ LinkBuds Speaker วางตัวเป็นทั้งลำโพงที่ตั้งทิ้งไว้ที่บ้าน และลำโพงพกพาไปใช้นอกบ้าน วันไหนไปเที่ยวต่างจังหวัดก็ยกติดตัวไปด้วยใช้ได้สบาย ๆ ด้วยแบตเตอรี่ที่โซนี่เคลมว่าใช้ต่อเนื่องได้ 25 ชั่วโมง ที่เสียงดังประมาณครึ่งหนึ่งครับ ส่วนถ้าเปิดดังสุดจะอยู่ได้ราว ๆ 6 ชั่วโมง
การควบคุม

ด้านบนของลำโพงจะประกอบด้วยปุ่มกด 4 ปุ่ม คือเล่นเพลง/หยุดเพลงและรับโทรศัพท์, ปุ่มเพิ่มเสียง, ลดเสียง และปุ่ม Quick Access อยู่ด้านบนสุด ซึ่งสามารถเซ็ตในแอป Sound Connect ได้ เช่นกด 1 ครั้งเปิดเพลงจาก Spotify Tap เลย หรือกด 2 ครั้งเปิดเสียงพิเศษให้โฟกัสหรือนอนจากแอป Endel ก็ได้

ส่วนด้านหลังจะมีปุ่มเปิด-ปิดลำโพง และมีพอร์ตชาร์จซ่อนอยู่หลังฝาปิด ซึ่งเวลาชาร์จจะมีไฟสีแดงขึ้นด้านหลังด้วย เห็นพอร์ตชาร์จมีฝาปิดแบบนี้ ก็สามารถป้องกันน้ำได้ระดับหนึ่งคือ IPX4 หรือป้องกันน้ำกระเซ็นใส่ได้ แต่ตกน้ำไม่ได้ และห้ามฉีดน้ำใส่นะครับ

ด้านล่างของลำโพงก็ยังมีปุ่มซ่อนอยู่คือปุ่ม Bluetooth สำหรับสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ใหม่ หรือกดค้างเพื่อเชื่อม LinkBuds Speakers อีกตัวทำ Stereo Pair และปุ่มรูปแบตเตอรี่ที่เมื่อกดจะลำโพงจะบอกระดับแบตเตอรี่และบอกว่าเราเปิดโหมด Battery Care ที่ทำให้ชาร์จแค่ 90% เพื่อถนอมแบตเตอรี่อยู่หรือไม่ (เปิดได้จากแอป Sound Connect)
การใช้เป็น Speaker Phone

ลำโพงตัวนี้รองรับการเชื่อมต่อแบบ Multi-Point ด้วยนะครับ คือสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ 2 ตัวพร้อมกัน จะมือถือ 1 เครื่อง โน้ตบุ๊กอีกเครื่องก็ได้ เวลาเล่นเพลงจากโน้ตบุ๊ก แล้วมีสายเรียกเข้าก็จะรับสายจากสมาร์ตโฟนได้ทันที ซึ่งกดปุ่ม เล่นเพลง-หยุดเพลงเพื่อรับสายที่ตัวลำโพงเลยก็ได้
ซึ่งในตัวลำโพงก็มีไมค์พร้อมเป็น Speaker Phone ได้ในตัวครับ ซึ่งเราทดลองคุยโทรศัพท์จริงแล้วปลายสายก็ได้ยินเสียงชัดเจนดีครับ พกติดตัวไว้คุยในวงประชุมออนไลน์เล็ก ๆ ก็เวิร์กอยู่นะ
สเปกเสียง
สเปกด้านเสียงของ LinkBuds Speaker นั้นประกอบด้วยไดรเวอร์ 2 ตัวคือทวีตเตอร์สำหรับให้เสียงสูง และวูฟเฟอร์ X-Balanced Speaker Unit พร้อม Passive Radiator คู่สำหรับให้เสียงต่ำ ไดรเวอร์คู่นี้วางอยู่ด้านหน้าของตัวลำโพง ซึ่งด้วการจัดแหล่งกำหนดเสียงลักษณะนี้ทำให้ LinkBuds Speaker เป็นลำโพงโมโนครับ ต้องเชื่อม 2 ตัวเพื่อให้เสียงซ้าย-ขวาเป็นสเตอริโอ แต่ก็มาพร้อม Sound Diffusion Processor เพื่อปรับเสียงให้กระจายออกไปรอบตัวได้ แม้ฟังจากด้านข้างหรือด้านหลังลำโพงก็ไม่รู้สึกว่าเสียงแตกต่างมากนัก

การเชื่อมต่อนั้นใช้ Bluetooth อย่างเดียวรองรับ Codec 2 ตัวคือ SBC กับ AAC แต่ก็น่าแปลกใจที่ไม่รองรับการส่งสัญญาณเสียงคุณภาพสูงอย่าง LDAC ของโซนี่เอง
ด้วยดีไซน์ของลำโพงตัวนี้ที่วางตำแหน่งเป็นลำโพงแบบเปิดทั้งไว้ ตั้งรอพร้อมใช้งานที่บ้าน เปิดเพลงเรื่อย ๆ เพลิน ๆ สร้างบรรยากาศรื่นรมณ์ให้บ้านมีชีวิตชีวา ลักษณะเสียงที่ได้จากลำโพงตัวนี้จึงค่อนข้างสมดุล ไม่ได้หนักเบสเหมือนกันลำโพงพกพาส่วนใหญ่ของโซนี่ ซึ่งเราชอบเสียงร้องจากลำโพงตัวนี้มาก ให้เสียงร้องได้หวาน เสียงกลางให้ความสมชัด สมดุลกับเสียงเบสที่มีกำลังขับให้เพลงมีจังหวะจะโคน คือแม้จะไม่ใช่เป็นลำโพงที่เบสหนักแน่นสั่นโสตประสาท หรือเป็นลำโพงที่ให้รายละเอียดดนตรีได้ระยิบระยับ แต่ก็เหมาะสำหรับการฟังเพลงระหว่างใช้ชีวิตครับ
ผู้ใช้ยังสามารถปรับแนวเสียงให้ถูกใจมากขึ้นได้ผ่าน EQ แบบ 5 ย่าน พร้อมตัวเลือก Clear Bass ในแอป Sony Sound Connect นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี DSEE ช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงที่ถูกบีบอัดให้กลับมามีชีวิตชีวา
สารพัดฟังก์ชันอัตโนมัติ

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์กลุ่ม Linkbuds รุ่นใหม่ที่เริ่มจาก Linkbuds Speaker ตัวนี้คือฟังก์ชัน Auto Switch ครับ ที่ลำโพงและหูฟังที่รองรับคือหูฟังตระกูล Linkbuds 3 ตัวคือ LinkBuds Fit, LinkBuds Open และ LinkBuds S และหูฟังตัวท็อปอย่าง Sony WH-1000Xm5 และ WF-1000Xm5 จะสามารถสลับเสียงอัตโนมัติได้ทันที
เช่นเราเปิดเพลงในลำโพง Linkbuds Speaker อยู่ แล้วออกจากบ้าน เมื่อใส่หูฟังออกไป เพลงก็จะมาเล่นในหูฟังต่อได้ทันที หรือเมื่อกลับถึงบ้าน ถอดหูฟังเก็บ เพลงก็จะมาเล่นต่อที่ลำโพงแทนอัตโนมัติครับ



แต่ข้อเสียของ Auto Switch คือมันเซ็ตอัปวุ่นวายไม่น้อย ต้องเข้าแอป Sound Connect ไปผูกระหว่างหูฟังกับลำโพง และลำโพงจะต้องเปิดทิ้งไว้ เพื่อพร้อมทำงานเวลากลับเข้าบ้านครับ (เค้าเลยมีแท่นชาร์จลำโพงมาให้ตั้งลำโพงแบบเปิดทิ้งไว้ตลอดไง)
อีกฟังก์ชันอัตโนมัติคือ Auto Play ที่เราสามารถเช็ตโทรศัพท์ให้ทำงานร่วมกับลำโพงอัตโนมัติได้ เช่นเปิดเพลงอัตโนมัติทุกเช้าในเวลาที่กำหนด หรือเปิดเพลงอีกชุดในเวลาก่อนนอน ซึ่งก็จะไปลิงก์เพลงจาก Spotify มา แต่การเปิด Auto Play ค่ามาตรฐานจะทำให้ลำโพงขานเวลาทุกชั่วโมงออกมา และอ่านโนติที่เข้ามาในเครื่องด้วยนะครับ (ซึ่งก็อ่านไทยไม่ได้) ถ้าใครสงสัยว่าเสียงมาจากไหน แล้วปิดยังไง ให้ดูในส่วน Voice Cue ของ Auto Play ครับ

ข้อสังเกต
เราว่า LinkBuds Speaker วางตำแหน่งในตลาดลำโพงที่แปลกจนอาจบอกได้ว่าไม่มีลำโพงที่มีฟีเจอร์เทียบเป็นคู่แข่งตรง ๆ ในตลาด แต่เราคิดว่าบางทีมันก็ขาด ๆ เกิน ๆ อยู่เหมือนกัน ซึ่งเราอาจแยกตำแหน่งการตลาดต่าง ๆ ของลำโพงนี้ดังนี้
- ความเป็นลำโพงบ้าน ถ้ามองในแง่ลักษณะเสียง ก็ถือว่า Sony LinkBuds Speaker เป็นลำโพงที่ดีไซน์เสียงมาถูกต้องกับการใช้งานที่วางตัวเป็นลำโพงให้บรรยากาศในบ้าน แต่ดันไม่รองรับการเชื่อมต่อ Wifi ในตัว ทำให้การใช้งานในบ้านไม่สมูทเท่าลำโพงที่สามารถยิง Spotify ขึ้นลำโพงผ่าน Wifi ได้เลย แล้วการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth อย่างเดียวจะมีปัญหาเมื่อสมาร์ตโฟนกับลำโพงอยู่ห่างกัน ซึ่งโซนี่แก้เกมนี้ด้วยการทำให้เป็นลำโพงที่จะสลับเสียงระหว่างหูฟัง LinkBuds ไปเลย
- ความเป็นลำโพงพกพา โซนี่ดีไซน์ให้ลำโพงนี้สามารถพกพาได้ง่าย มีหูหิ้วอยู่ด้านหลัง แต่ก็ยังเสียเปรียบลำโพงพกพาระดับราคานี้หลายรุ่นตรงไม่ใช่ลำโพงสเตอริโอ และความดังของเสียงก็ไม่ได้ดังระดับที่ได้เสียงอิ่ม ๆ เมื่อใช้กลางแจ้ง แต่โซนี่ก็เสริมจุดเด่นที่สามารถคุยโทรศัพท์ได้ด้วยเข้ามา
สรุป Sony LinkBuds Speaker คุ้มไหม

Sony LinkBuds Speaker ตั้งราคาไว้ 6,990 บาทนะครับ ก็ระดับราคาอยู่แถว ๆ Sony XE300 กับ Sony RA3000 ที่ลดราคามา ซึ่งถ้าคุณต้องการลำโพงบลูทูทยุคใหม่ที่ติดตัวไปฟังนอกบ้านได้ และตั้งทิ้งไว้ที่บ้านเป็นลำโพงบ้านตัวย่อม ๆ ก็ได้ มีฟีเจอร์อัตโนมัติเพียบ ๆ LinkBuds Speaker ก็เหมาะสมครับ
แต่ถ้าคุณต้องการลำโพงที่เน้นใช้งานนอกบ้านเลย ให้เสียงดังกว่า แถมเป็นสเตอริโอด้วย Sony XE300 จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า (แถมตอนนี้ลดราคามาถูกกว่า LinkBuds Speaker อีก) แล้วถ้าคุณอยากได้ลำโพงบ้านไปเลย Sony RA3000 ก็เหมาะสมกว่า เพราะเป็นลำโพงเสียบไฟบ้าน ให้กำลังเสียงมากกว่า ต่อ Wifi พร้อมเล่นเพลงตลอดเวลา แถมให้มิติของเสียงที่เหนือกว่าครับ (อ่านรีวิว Sony SRS-RA3000 ได้ที่นี่)
รีวิวหูฟัง Sony LinkBuds Fit

ในส่วนของหูฟังที่ออกมาพร้อมกับตัวลำโพง เราได้เจ้า LinkBuds Fit มารีวิวครับ (อีกรุ่นที่ออกมาพร้อมกันคือ LinkBuds Open ที่เป็นหูฟังแบบตัดเสียงรบกวนไม่ได้) ซึ่งถือเป็นรุ่นน้องของ Sony WF-1000XM5 ที่เราดันชอบตัวน้องมากกว่าตัวพี่แหะ
ดีไซน์เป็นจุดเด่น
Sony LinkBuds Fit ออกแบบมาเจาะกลุ่มวัยรุ่นมากกว่าตัวพี่ครับ โดยในไทยมีสีให้เลือกถึง 4 สี ตั้งแต่สีเบสิกดูภูมิฐานอย่าง ดำและขาว และสีที่ดูวัยรุ่นอย่างเขียวมินต์ และสีม่วงของ Olivia Rodrigo นักร้องชื่อดัง โดยดีไซน์ตลับหูฟังจะคล้ายตลับแป้งอันเล็ก ๆ เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่ฝาบนของสีขาวกับสีเขียวจะเป็นลายคล้าย ๆ หินอ่อน ส่วนสีดำกับสีม่วงจะเป็นฝามันเงา ตัดกับส่วนล่างที่เป็นผิวแบบด้าน โดยตัวตลับจะมีความหนามากกว่า Sony WF-1000XM5 หน่อย แต่โดยรวมก็ถือว่ายังพกติดตัวได้สะดวกอยู่ดี

LinkBuds Fit รุ่นนี้เป็นหูฟังไม่กี่รุ่นที่โซนี่ทำเคสออกมาขายพร้อมกันครับ (รุ่นพี่ยังไม่มีเคสเป็นทางการขายในไทยเลย) โดยเคสซิลิโคนตัวนี้มีให้เลือกถึง 5 สีคือ ชมพูอ่อน, เขียวมรกต, เทาอมน้ำเงิน, ม่วงลาเวนเดอร์และดำ และสีม่วงยังมีเคสพิเศษที่มีโลโก้ของ Olivia Rodrigo ให้เลือกด้วย ซึ่งคุณจะซื้อสีให้เข้ากับตัวหูฟังก็ได้ หรือจะซื้อสีตัดกันแบบ Mix and Match ให้จี๊ดก็ยังได้ แถมเคสนี้ยังมาพร้อมห่วงโลหะ เอาไว้เกี่ยวหูฟังกับสายกระเป๋า หรือเข็มขัดให้เท่ ๆ ก็ได้ ในราคาเคสแค่ 990 บาทเท่านั้น
มาดูดีไซน์ตัวหูฟังกันบ้าง LinkBuds Fit เป็นหูฟังแบบ in-ear แบบมีปีกซิลิโคนนิ่ม ๆ ภายในกลวง สำหรับเกี่ยวในใบหูครับ ทำให้สามารถล็อกกับใบหูได้แน่นหนาขึ้น ใช้ออกกำลังกายก็ไม่หลุด ส่วนจุกหูฟังที่มีให้เลือกหลายขนาดก็เป็นซิลิโคนนิ่ม ใส่สบาย ใส่ยาวนานหลายชั่วโมงก็ไม่รู้สึกแย่กับหู โดยรวมเราชอบสัมผัสการสวมใส่ของ LinkBuds Fit มากกว่า Sony WF-1000XM5 ที่ตัวใหญ่กว่า และเป็นจุกหูฟังแบบโฟมซึ่งดูแลรักษายากกว่าด้วย

แล้วตัวหูฟังโซนี่ก็ยังมีซิลิโคนขายด้วยครับ รุ่นนี้โซนี่จัดเต็มเรื่องของตกแต่งมาก คือถ้าอยากได้ปีกซิลิโคนสีใหม่ให้โดนใจมากขึ้น ก็สามารถซื้อเพิ่มได้ในราคา 490 บาท มี 4 สีให้เลือกคือ ชมพูอ่อน, เขียวมรกต, เทาอมน้ำเงิน และม่วงครับ ซึ่งก็เป็นสีคนละเฉดกับปีกซิลิโคนที่มากับหูฟังนะ
ส่วนเรื่องกันน้ำ หูฟังตัวนี้กันได้ระดับ IPX4 ครับ คือโดนน้ำกระเซ็นได้ สู้เหงื่อไหว แต่ไม่ใช่ระดับที่ตกน้ำได้ครับ
การควบคุม
หูฟังรุ่นนี้ยังมีเอกลักษณ์การควบคุมจากตระกูล LinkBuds มาครบถ้วนครับ คือมีความสามารถที่เรียกว่า Wide Area Tap ที่เราสามารถแตะด้านหน้าของหูเรา (แถว ๆ ติ่งของหูที่เรียกว่า Tragus) เพื่อสั่งงานหูฟังได้ด้วย ซึ่งถ้าลองแตะแล้วไม่ค่อยติดก็สามารถไปปรับความไวได้ในแอป Sound Connect หรือถ้าแตะไม่ค่อยติดจริง ๆ ก็สามารถแตะที่ตัวหูฟังโดยตรงได้อยู่
แตะหูซ้าย | จำนวนการแตะ | แตะหูขวา |
---|---|---|
ตัดเสียงรบกวน – เปิดเสียงภายนอก | แตะ 2 ครั้ง | เล่น/หยุดเพลง |
(ตั้งเองภายหลัง) | แตะ 3 ครั้ง | เปลี่ยนเพลง |
ลดเสียง | แตะซ้ำเรื่อย ๆ | เพิ่มเสียง |
ก็สามารถเข้าไปปรับในแอป Sound Connect ได้อีกว่าจะให้การแตะข้างซ้าย-ขวาเกิดอะไรขึ้น มีฟีเจอร์อย่างการแตะเพิ่ม Spotify Tap ที่แตะแล้วจะเล่นเพลงที่เราน่าจะชอบทันทีด้วย
ซึ่งแน่นอนว่าเป็นหูฟังของโซนี่ก็ต้องมีฟีเจอร์ Adaptive Sound Control ด้วย ที่ระบบจะปรับการตัดเสียงหรือการดึงเสียงรอบข้างเองตามการใช้ชีวิต เช่นนั่งอยู่นิ่ง ๆ ในรถ ก็จะตัดเสียงรอบข้างเยอะหน่อย เพื่อกรองเอาเสียงเครื่องยนต์ออกไป หรือเวลาเดิน ก็จะเปลี่ยนไปดึงเสียงภายนอกมาแทน เพื่อให้การใช้ชีวิตปลอดภัยมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการควบคุมอัจฉริยะในแบบของโซนี่อีกเพียบ เช่น Speech-to-Chat เมื่อเราเริ่มพูดเพลงจะหยุดเองเพื่อให้ได้ยินเสียงคู่สนทนาโดยไม่ต้องถอดหูฟังออก หรือการพยักหน้าเพื่อรับสาย หรือส่ายหัวเพื่อปฏิเสธสาย หูฟังรุ่นนี้ก็ทำได้เช่นกันครับ รวมถึงเมื่อถอดหูฟังออกจากหู เพลงก็หยุดเองด้วย
ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้ราว 5.5 ชั่วโมงเมื่อเปิดโหมดตัดเสียงรบกวน และสามารถเอากลับไปชาร์จในเคสเพื่อใช้งานได้สูงสุด 21 ชั่วโมง ก็อาจจะไม่ได้ยาวนานเท่า Sony WF-1000XM5 ที่ใช้ต่อเนื่องได้ 8 ชั่วโมง แต่ก็นานมากพอสำหรับคนส่วนใหญ่ครับ แต่เคสของ LinkBuds Fit ไม่สามารถชาร์จไร้สายได้นะครับ เสียบสาย USB-C ชาร์จอย่างเดียว
คุณภาพเสียง

ในแง่สเปกเสียง Sony LinkBuds Fit ใช้ Dynamic Driver X เหมือนกับรุ่นพี่ครับ รองรับเสียงระดับ Hi-Res ที่ความถี่ 20 – 40,000 Hz ด้วย จึงรองรับการส่งสัญญาณทั้ง SBC, AAC, LDAC และ LC3 พร้อมเทคโนโลยีปรับแต่งเสียง DSEE Extreme ที่ช่วยกู้คืนรายละเอียดเสียงที่หายไปจากการส่งสัญญาณไร้สาย
เห็น Sony LinkBuds Fit เป็นหูฟังรุ่นรองแต่คุณภาพก็ไม่ได้เป็นรอง Sony WF-1000XM5 มากมายนะครับ คือเสียงของ LinkBuds Fit นั้นเป็นลักษณะเดียวกับรุ่นท็อปเลย อาจจะต่างเรื่องรายละเอียดเสียงนิดหน่อย ซึ่งก็ต้องฟังแบบตั้งใจฟังพอสมควรถึงจะรับรู้รายละเอียดเสียงที่เหนือกว่าของ WF-1000XM5 ได้ (แต่เรื่องความใส่สบาย LinkBuds Fit ชนะขาด)
ลักษณะเสียงของ Sony LinkBuds Fit คือ
- เสียงเบสมาเต็ม หนักแน่น แยกเลเยอร์ในเสียงเบสได้ และไม่บวม ลงลึกได้ในระดับที่น่าพอใจ แต่ก็ไม่ได้ลึกสุดใจเหมือนหูฟังหลักหมื่น
- เสียงกลางเสียงร้องชัดเจน ไม่โดนเบสขึ้นมาตีกวน ให้เสียงนักร้องหวาน
- เสียงแหลม เพิ่มสีสันให้ดนตรีได้ดี แต่ไม่ถึงกับให้รายละเอียด ความกระจ่างได้ชัดเจน
นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นด้านเสียงอื่น ๆ อีกเช่น Background Sound Effect ที่เปลี่ยนเสียงให้เหมือนฟังเพลงอยู่ในคาเฟ่, ห้องนั่งเล่น เสียงไม่ได้อัดหูโดยตรงเหมือนฟังปกติ แล้วก็สามารถปรับ EQ เองได้อีก 5 แบนด์พร้อมปรับเพิ่มลดเบสแยกในตัวเลือก Clear Bass ได้อีก
แล้วถ้าเป็นหูฟังสีม่วง รุ่นพิเศษของ Olivia Rodrigo ยังมีพรีเซ็ต EQ พิเศษคือ GUTS กับ SOUR ตามอัลบั้มของนักร้องสาว ให้ฟังเพลงของเธอได้ฟินขึ้นด้วย


ส่วนเรื่องการตัดเสียงรบกวน ทำได้ดีตามมาตรฐานโซนี่ เพราะใช้ชิป V2 มาประมวลผลเหมือน WF-1000XM5 แต่ไม่มีชิป QN2e มาช่วยประมวลผลแยก ซึ่งถ้าฟังเทียบกัน รุ่นพี่ก็ยังตัดเสียงได้เยอะกว่า เราเทียบจากเสียงพิมพ์คีย์บอร์ดที่ฝั่ง Linkbuds Fit ได้ยินชัดกว่าพอสมควรเลย แต่ถ้าใครไม่ซีเรียสเรื่องความเงียบมาก เพราะเวลาเปิดเพลงเราก็ไม่ค่อยได้ยินเสียงภายนอกอยู่ดี ANC ของ LinkBuds Fit ก็ดีพอสำหรับการใช้งานแล้วครับ
และหูฟังตัวนี้รองรับ Multipoint ด้วยครับ หมายความว่าสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกัน 2 ตัว สามารถ Standby พร้อมกัน แล้วใช้งานสลับไปสลับมาได้ทันทีโดยไม่ต้องรอเชื่อมต่อใหม่
การคุยโทรศัพท์
ยิ่งหูฟังรุ่นใหม่ ยิ่งคุยโทรศัพท์ได้ชัดเจนขึ้น Sony LinkBuds Fit ก็เช่นกันครับ หูฟังรุ่นล่าสุดตัวนี้ เราว่าเป็นหูฟังแบบ TWS ที่คุยโทรศัพท์ได้ดีที่สุดของโซนี่ตอนนี้เลย ลองฟังคลิปเสียงเทียบกับรุ่นพี่ Sony WF-1000XM5 ดูครับ
สรุป Sony LinkBuds Fit คุ้มไหม
Sony LinkBuds Fit ตั้งราคาเปิดตัวมาที่ 7,990 บาท (ตอนที่เขียนรีวิวมีโปรลดเหลือ 7,490 บาท) ก็เป็นราคาระดับกลางสำหรับหูฟัง TWS เทียบกับ Sony WF-1000XM5 ตัวท็อปที่เปิดตัวมา 10,990 บาท (แต่ตอนนี้ที่เขียนรีวิวมีโปรลดเหลือ 7,990 บาท)

แล้วถ้า Sony LinkBuds Fit กับ Sony WF-1000XM5 ขายแถว ๆ 8 พันบาทเท่ากัน เหมือนตอนที่เขียนรีวิวอยู่นี้ จะเลือกอะไรดี
- ถ้าเอาคุณภาพเสียงเป็นที่ตั้งเลย ก็ต้องเลือก Sony WF-1000XM5 ด้วยความเนี๊ยบสูงสุดของเทคโนโลยีหูฟังไร้สายโซนี่ในตอนนี้ พร้อมความสามารถในการตัดเสียงที่ดีกว่า และเคสชาร์จก็บางกว่า แถมสามารถชาร์จไร้สายได้ด้วย
- แต่ถ้าเอาเรื่องใส่สบาย เรื่องนี้ Sony LinkBuds Fit กินขาดครับ ใส่สบายแบบลืมว่าใส่อยู่ได้เลย แล้วใช้จุกซิลิโคนดูแลง่ายกว่าจุกโฟมของ WF-1000XM5 เยอะ (จุกโฟมทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ไม่ได้ ใช้ไปสักพักโฟมเสื่อมก็ต้องเปลี่ยน) แถมเสียงก็ไม่ได้ด้อยกว่ารุ่นพี่เท่าไหร่ ดีไซน์วัยรุ่นกว่าด้วย
ส่วนตัวสำหรับผู้รีวิวแล้วก็เลือก Sony LinkBuds Fit ครับ ให้น้ำหนักเรื่องใส่สบายมากกว่า เพราะหูฟังเสียงดีแต่ใส่แล้วไม่สบาย มันไม่มีความสุขเท่าใช้หูฟังที่ใส่สบายครับ
