Our score
9.0Plantronics BackBeat PRO 2
จุดเด่น
- คุณภาพเสียงดีงาม เสียงใส เบสแน่นไม่บวม ฟังเพลงเพลินๆ ไปยาวๆ
- มีระบบตัดเสียงรบกวนทั้งการฟังและการพูด
- ระบบ Sense ตรวจจับการสวมหูฟังทำงานได้ดี ใช้งานได้จริง
- ระยะทำการไกลมาก โดยเฉพาะใช้กับอุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth Class 1
- แบตเตอรี่ทนจนลืมว่าชาร์จเมื่อไหร่
จุดสังเกต
- คุณภาพสาย MicroUSB และ 3.5 mm น่าผิดหวัง
- สาย 3.5 mm ไม่มีไมค์ในตัวเหมือนรุ่นก่อนๆ
- เมื่อปิดหูฟัง แล้วฟังผ่านสายเพียวๆ เสียงแย่มาก
- ถ้าอุปกรณ์ไม่รองรับ aptX เสียงผ่าน Bluetooth จะแลค ใช้เล่นเกมไม่เวิร์ค
-
คุณภาพงานประกอบ
9.5
-
คุณภาพเสียง
9.0
-
คุณภาพเสียงสนทนา
8.0
-
ฟีเจอร์สนับสนุนการใช้งาน
10.0
-
ความคุ้มค่า
8.5
ถ้าพูดถึงชื่อ Plantronics เมื่อก่อนเราอาจจะคิดถึงอุปกรณ์ Headset ที่เอาไว้ใช้คุยสนทนากันเป็นหลักนะครับ แต่ในช่วงปีหลัง บริษัทจากอเมริกาบริษัทนี้ก็หันมาพัฒนาหูฟังสำหรับการฟังเพลงมากขึ้น โดยไม่ทิ้งรากเหงาด้านเทคโนโลยีไมค์สนทนาตัดเสียงรบกวนของตัวเอง และวันนี้เว็บแบไต๋ขอรีวิว BackBeat PRO 2 หูฟังสำหรับคอเพลงรุ่นล่าสุดจาก Plantronics ครับ
การออกแบบหูฟัง
- หูฟังแบบครอบหู ดีไซน์ดูสุขุม เป็นผู้ใหญ่
- น้ำหนักเบากว่า ขนาดเล็กกว่ารุ่น PRO ตัวแรก
ความรู้สึกแรกเลยเมื่อได้สัมผัส Plantronics BackBeat PRO 2 คือมันเป็นหูฟังแบบครอบหูที่นุ่มมากครับ นุ่มทั้งบริเวณที่ครอบหูที่ทำจาก Memory Foam และบริเวณก้านหูฟังด้านบน ตัวครอบหูดีไซน์ให้เอียงนิดๆ เพื่อรับกับใบหูมนุษย์ที่เอียงไปข้างหลัง ทำให้ยังรู้สึกสบายแม้จะฟังเพลงนานๆ ครับ ตัวหูฟังสามารถบิดออกมาได้ เพื่อให้เก็บลงในถุงผ้าได้ หรือพักหูฟังไว้ที่คอง่ายขึ้น
ตัวหูฟังในรุ่นมาตรฐานนั้นออกแบบโดยใช้โทนสีน้ำตาลเป็นหลักครับ บริเวณหูฟังทำจากพลาสติกแข็งแรงทำเป็นลวดลายที่ดูแปลกตา ผสานกับลายไม้ที่ปุ่มกดในช่องหูฟังมีตัวอักษร L,R ชัดเจน เห็นปุ๊บแล้วรู้ทันทีว่าต้องสวมหูฟังข้างไหน และยังมีอีกรุ่นคือ BackBeat PRO 2 SE หรือ Special Edition ที่มีราคาสูงกว่านี้ ดีไซน์จะใช้สีเทาเป็นหลัก แล้วพลาสติกที่หูฟังไม่มีลวดลายเหมือนรุ่นปกติ แต่หูฟังในตระกูล BackBeat PRO 2 ทั้งคู่ก็ให้ภาพลักษณ์คลาสสิก เป็นผู้ใหญ่ สุขุมนุ่มนวล ดูแพง ไม่ดูเป็นของล้ำยุคหลุดโลก แต่เรื่องดีไซน์นี่ก็แล้วแต่คนชอบนะครับ บางคนอาจจะชอบหูฟังสีสดๆ ดีไซน์โดดเด่นก็ได้
ที่ตัวหูฟังมีปุ่มกดและสวิทช์มากพอสมควรนะครับ
- ที่หูฟังข้างซ้าย บริเวณที่เป็นลายไม้จะเป็นปุ่มเล่นเพลง/หยุดเพลง และปุ่มเปลี่ยนเพลงครับ วงแหวนรอบๆ หมุนเพื่อปรับระดับเสียง และมีสวิทซ์ควบคุมเสียงรบกวน (ANC – Active Noise Control) อยู่ด้านข้าง
- ที่หูฟังข้างขวา บริเวณที่เป็นลายไม้จะเป็นปุ่มรับสาย ตัดสาย และกดค้างเพื่อเรียก Siri ด้านข้างหูจะมีปุ่มปิดไมค์ และสวิทซ์เปิด-ปิดพร้อมเชื่อมต่อ Bluetooth อยู่ ด้านใต้เป็นช่อง 3.5 mm และช่องเสียบสายชาร์จ Micro USB ครับ
BackBeat PRO 2 นั้นเบากว่า BackBeat PRO รุ่นแรกถึง 50 กรัมนะครับ (รุ่นใหม่ 289 กรัม รุ่นแรก 340 กรัม) และดีไซน์ดูกระทัดรัดกว่าเดิมมาก ใครที่เคยลอง BackBeat PRO รุ่นแรกแล้วรู้สึกว่าใหญ่เทอะทะ หนักหัว ต้องมาลองรุ่นใหม่ครับ อาจจะถูกใจมากขึ้นก็ได้
หูฟังที่ครบจบในตัว
ที่บอกแบบนี้ก็เพราะ Plantronics BackBeat PRO 2 นั้นเป็นหูฟังที่รองรับการทำงานในขีวิตประจำวันอย่างดีครับ ซื้อตัวนี้ตัวเดียวจบ ไม่ต้องซื้อตัวอื่นแล้วก็ได้ (เว้นแต่จะอยากได้หูฟังเล็กๆ สำหรับพกพาสะดวกๆ) เอาแหละมาไล่สิ่งที่ชอบกันดีกว่า
เสียงดีงาม ฟังเพราะ สบายหู
เริ่มต้นกันที่เรื่องเสียงก่อนเลย เสียงของ Backbeat PRO 2 นั้นจัดเป็นเสียงที่ Balance นะครับ แหลมไม่ได้สูง เบสไม่ได้แน่นตึบ แต่ฟังแล้วรู้ว่านี่คือหูฟังคุณภาพดี สามารถถ่ายทอดเสียงที่ศิลปิน โปรดิวเซอร์ต้องการออกมาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน แหลมกำลังดี เบสกำลังแน่น แถมมี Sound Stage ค่อนข้างกว้าง ทำให้ฟังเพลงแล้วสบายหู สบายใจ ซึ่งแอดชอบเสียงโทนแบบนี้นะ แต่ก็แนะนำให้ลองฟังด้วยตัวเองที่ร้านครับว่าถูกใจไหม
นอกจากนี้ Backbeat PRO 2 ยังรองรับเทคโนโลยี aptX ของ Qualcomm ในแบบ Classic และ Low latency นะครับ ก็ถ้าใช้กับอุปกรณ์ที่รองรับ aptX จะทำให้คุณภาพเสียงดีขึ้น และมีการแลคของเสียงน้อยลงครับ ซึ่งแอดเทสกับ iPhone ที่ไม่รองรับ aptX อยู่แล้ว ก็เจอว่าเสียงผ่าน bluetooth มันแลคมากครับ เล่นเกมเสียงจะดีเลย์ไปสัก 1 วินาทีได้ แถมเสียบสายก็ไม่ได้เพราะ iPhone 7 ไม่มีช่อง 3.5 mm แล้ว ทิมคุกนะทิมคุก!
ระบบตัดเสียงรบกวนที่เลือกได้
ที่น่าสนใจคือระบบ ANC หรือ Active Noise Control ของ BackBeat PRO 2 นั้นสามารถเลือกการทำงานได้ 3 แบบจากสวิทซ์ที่หูฟังข้างซ้ายคือ
- โหมดปกติ ไม่มีการตัดเสียงรบกวน
- โหมด ANC ที่มีการปล่อยคลื่นเสียงออกมาหักล้างกับเสียงภายนอก ทำให้เสียงในหูฟังเงียบลงมาก ฟังเพลงได้ชัดเจนขึ้น แต่ก็ไม่ได้เงียบสนิทจนไม่ได้ยินอะไรภายนอกนะ
- โหมด Open Listening ในโหมดนี้ตัวหูฟังจะเปิดไมค์ 2 ตัวเพื่อรับเสียงด้านนอกครับ แล้วเพลงก็จะหยุดไป เอาใช้คุยกับคนรอบข้าง หรือฟังเสียงภายนอกโดยไม่ต้องถอดหูฟัง
ส่วนตัวแล้วแอดชอบฟังเพลงในโหมด ANC ที่ตัดเสียงรบกวนมากกว่านะครับ เพราะทำให้เพลงชัดขึ้นจริงๆ แต่โหมดนี้ไม่ควรใช้เลยเวลาเดินถนน หรืออยู่นอกสถานที่ครับ เพราะจะทำให้เราไม่ได้ยินเสียงรอบข้างจนเป็นอันตรายได้
ระบบ Sense ที่ดีงาม
ภายในตัว Backbeat PRO 2 จะมีเซนเซอร์พิเศษที่คอยตรวจจับว่าเราสวมหูฟังไว้ที่หูแล้วหรือยัง ทำให้ใช้งานสะดวกมาก แค่เปิดหูฟังให้เชื่อม Bluetooth กับมือถือ
- เมื่อสวมหูฟัง จะเล่นเพลงที่เคยเปิดค้างเอาไว้ หรือถ้ามีโทรศัพท์เข้า การสวมหูฟังจะเป็นการรับสายนั้นๆ ทันที
- เมื่อถอดหูฟัง จะหยุดเพลงให้อัตโนมัติ และพร้อมเล่นต่อเมื่อสวมหูฟังใหม่
อ่านดูอาจจะไม่ว้าวอะไร แต่ถ้าได้ใช้งานจริง จะรู้สึกเลยว่าฟีเจอร์เล่นเพลง หยุดเพลง รับสายเมื่อสวมหูฟังนี่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นจริงๆ
คุยโทรศัพท์ได้ดีเยี่ยม เชื่อมพร้อมกัน 2 ตัว ระยะไกลมาก
อย่างที่เล่าไปว่า Plantronics นั้นเป็นเทพเรื่องเรื่องหูฟังสนทนาหรือ Headset มานานแล้วนะครับ เมื่อมาทำหูฟังดนตรีก็ไม่ทิ้งความดีงามในเรื่องนี้ไป ใน Backbeat PRO 2 นั้นมีไมโครโฟนรับเสียง 2 ตัว ตัวหนึ่งไว้รับเสียงพูดตามปกติ อีกตัวหนึ่งก็เอาไว้รับเสียงภายนอกเพื่อมาประมวลผลตัดเสียงรบกวน ทำให้เสียงพูดของเราที่ออกไปนั้นชัดเจนครับ แอดใช้คุยโทรศัพท์ได้เพลินๆ คู่สนทนาไม่มีทักเลยว่าเสียงเพี้ยนหรือฟังไม่ค่อยได้ยิน
นอกจากนี้ Backbeat PRO 2 ยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Bluetooth ได้พร้อมกัน 2 ตัวครับ จะเชื่อมโทรศัพท์ 2 เครื่อง หรือเชื่อมโทรศัพท์พร้อมกับโน้ตบุ๊กก็ได้ เราอาจจะฟังเพลงจากเครื่องหนึ่ง แล้วโทรศัพท์เข้าอีกเครื่องก็กดรับได้ทันทีโดยไม่ต้องนั่ง Pair ใหม่ ซึ่งมันสะดวกมาก
Backbeat PRO 2 รองรับ Bluetooth Class 1 ซึ่งถ้าใช้กับอุปกรณ์หรือสมาร์ทโฟนที่รองรับ Class 1 ด้วยกัน จะมีระยะทำการสูงสุดถึง 100 เมตร ซึ่งจากการทดสอบจริงกับ iPhone 7 (ที่แอดก็ไม่รู้ว่ามันรองรับ Bluetooth Class อะไร) วางโทรศัพท์ทิ้งไว้ในบ้าน ก็ยังสามารถฟังเพลงได้จากทุกจุดในตัวบ้าน เดินออกไปนอกบ้านยังในระยะสัก 50 เมตรก็ยังฟังได้ครับ ซึ่งถือว่าน่าประทับใจมาก
แบตเตอรี่ใช้นานจนลืม
แอดจำไม่ได้แล้วว่าหูฟังชาร์จครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่เมื่อเปิดหูฟังมันก็ยังบอกว่า Battery High อยู่นะครับ 555 ซึ่งตามสเปกบอกว่าใช้งานต่อเนื่องได้ 24 ชั่วโมง และ standby ได้ 6 เดือน ส่วนการชาร์จผ่านพอร์ต MicroUSB ถ้าแบตหมดเกลี้ยง จะใช้เวลา 3 ชั่วโมงครับ ซึ่งระหว่างชาร์จก็จะมีไฟแสดงระดับแบตเตอรี่ขึ้นที่ข้างหูฟังครับ
จุดที่ไม่ชอบใน Plantronics BackBeat PRO 2
เอาแหละ มาถึงจุดสังเกตของ BackBeat PRO 2 กันบ้างนะครับ จุดแรกที่ขัดใจแอดมากคือคุณภาพของสายที่แถมมาครับ คือในขณะที่ตัวหูฟังใช้วัสดุดีมาก ตัวกระเป๋าผ้าก็ออกแบบมาดี แต่สาย MicroUSB สำหรับชาร์จหูฟัง และสาย 3.5 ม.ม. กลับเป็นสายบางๆ ดูไม่ทนทานมากนัก โดยเฉพาะเมื่อเอาไปเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Backbeat Sense ที่นอกจากสายจะหนา ดูทนทานกว่าแล้ว สาย 3.5 mm ของ Sense ยังมีไมค์ติดมาด้วย ทำให้ใช้สนทนาผ่านโปรแกรมในโน้ตบุ๊กได้ง่ายขึ้น (ถ้าสังเกตจะเห็นว่าหัว 3.5 mm ของ BackBeat PRO 2 มีแค่ 2 ปล้อง ไม่ได้มี 3 ปล้อง แบบของ Backbeat Sense)
จุดอื่นๆ อาจเรียกว่าเป็นลักษณะของหูฟังประเภทนี้นะครับ คือขนาดมันใหญ่แหละ เวลาพกพาไปข้างนอกก็กินพื้นที่ในกระเป๋าเยอะหน่อย ทำให้โอกาสพกพาไปใช้นอกบ้านอาจจะน้อยกว่าหูฟังเล็กๆ พวก in-ear ครับ แต่เรื่องนี้เราก็รู้และตัดสินใจตั้งแต่ตอนซื้อหูฟังแล้วจริงไหมครับ ก็ชั่งน้ำหนักกันตั้งแต่ตอนซื้อแล้วว่าเราน่าจะได้ใช้หูฟังตัวนี้แค่ไหน
สรุป ถ้าชอบหูฟังใหญ่ ตัวนี้จบ!
สรุป Plantronics BackBeat PRO 2 เป็นหูฟังที่ดีและสมบูรณ์มากที่สุดตัวหนึ่งครับ นอกจากจะใช้ฟังเพลงได้เพราะแล้ว ยังใช้สนทนาได้ดี มีระบบสนับสนุนการใช้งานที่ดี ใช้งานได้ลื่นไหลครับ ข้อเสียเล็กๆ เรื่องสายที่แถมมาอาจจะหงุดหงิดสักนิดในช่วงแรก แต่ใช้ๆ ไปจะติดใจหูฟังรุ่นนี้จนลืมเรื่องนี้ไป ถือว่าคุ้มราคา 7,890 บาท
ถ้าสนใจ BackBeat PRO 2 ก็หาซื้อได้จากร้านค้าชั้นนำทั่วไปครับ หรือจะลองสอบถามแหล่งซื้อสินค้าของแท้ ประกันมากกว่า 1 ปีในไทยจาก Systems 2000 ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายในไทยก็ได้นะครับ (ซื้อของหิ้วไม่มีประกันนะ)