ปีนี้ผมก็รีวิวทีวีมาเยอะหลายรุ่นมาก แต่ไม่มีทีวีรุ่นไหนที่ดีไซน์ฉีกกฎจนตาค้างเท่ารุ่นนี้ เอ้ามาดู LG SIGNATURE OLED TV W7T ขนาด 65 นิ้ว ทีวีที่บางเป็นกระดาษ ติดกำแพงแล้วนึกว่าเป็นกรอบรูปหรือหน้าต่างกัน!!
LG SIGNATURE OLED TV 65W7T จะติดตั้งให้กดว้าวได้รัวๆ ต้องติดแปะลงไปบนกำแพงเลยนะครับตามคอนเซปต์ Picture on Wall จอที่บางแค่ 2.57 มม. ถึงจะดูเลิศเลอที่สุด ตอนนี้ทีวีก็เปิดแอป OLED Gallery อยู่ อารมณ์เหมือนเจาะหน้าต่างบ้านเจอทะเลตรงนี้จริงๆ
ตอนช่างจาก LG มาติดตั้งให้ที่บ้าน ผมนี่อยากอุทิศกำแพงบ้านให้ช่างมาแปะทีวีสวยๆ บนผนัง จะได้ไม่ต้องขนกลับไป แต่ LG ก็มีขาตั้งมาสำหรับโชว์จอพร้อม ผมนี่ตบเข่าฉาดเลยว่ารีวิวเสร็จก็ต้องส่งคืนสินะ T T
จอ OLED ตัวนี้บางแค่ไหน ลองถามใจเธอดู ทีมงานครับ ช่วยทำเรื่องที่พี่เสียวเงินในกระเป๋าพี่มาก ที่ผู้ใช้ตามบ้านเค้าไม่ทำกัน ยกจอออกจากผนังโชว์ความบางให้ดูหน่อย จอ LG SIGNATURE OLED TV 65W7T ตัวนี้จะมีแผ่นเหล็กเพื่อยึดจอด้วยแม่เหล็กจากด้านหลังนะครับ และด้านบนก็จะมีหมุดเตี้ยๆ เพื่อเกี่ยวจอไว้ไม่ให้ตก
จอ OLED ที่บางแค่ 2.57 มม.
นี่ไงครับจอ OLED ที่บางแค่ 2.57 มม. บางจนโค้งได้และยังเปิดทำงานได้ด้วย แล้วทำไมมันบางได้ขนาดนี้ ก็เพราะส่วนหน้าจอก็มีแต่จออย่างเดียวเลยไงครับ ส่วนประกอบอื่นๆ อย่างลำโพง พอร์ตเชื่อมต่ออื่นๆ จะวิ่งผ่านสายแพเส้นนี้ไปทำงานที่กล่อง Soundbar ตัวนี้ครับ (พอเถอะ พี่เสียว ยกจอกลับไปติดที่กำแพงเหมือนเดิมนะ)
เห็นจอ 65 นิ้วบางขนาดนี้ อย่าคิดนะครับว่ามีข้อจำกัดด้านการแสดงภาพ สเปกทุกอย่างของจอจัดเต็มสมกับเป็นทีวีตัวท็อป
แน่นอนแหละเป็นจอชนิด OLED ก็ต้องให้ภาพจัดจ้านสดใส ให้ contrast สูงสุด สีดำก็ลงลึกเพราะเป็นการปิดพิกเซลสีไปเลย แต่จอของ LG SIGNATURE OLED TV 65W7T นั้นเป็นจอ OLED ที่ปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม ลดแสงสะท้อนสีอมม่วงที่เคยมีใน OLED TV รุ่นก่อนๆ ตัวจอก็สว่างขึ้นทำให้แสดงผลภาพ HDR ได้ดีขึ้น พร้อมจูนการไล่เฉดในโทนมืดให้ดีขึ้น สีเข้มไม่จมหายไปเร็วเหมือนแต่ก่อนแล้ว
ในส่วนของการรองรับ HDR ก็รองรับทั้งมาตรฐาน HDR10 ยอดนิยม มาตรฐาน HLG สำหรับการออกอากาศและมาตรฐานตัวท็อปอย่าง Dolby Vision พร้อมโหมดปรับภาพระดับโปร อย่างโหมดภาพจาก ISF (Imaging Science Foundation) หรือ technicolor เพื่อถ่ายทอดสีสันให้ได้อย่างที่ผู้กำกับหนังต้องการ
ที่นี้มาดูกล่อง Soundbar All in One หัวใจของทีวีกันบ้าง เห็นครั้งแรกก็คิดเลยว่ามันมีขนาดใหญ่กว่า soundbar ทั่วไปพอสมควรเลยนะ เพราะทุกอย่างของ LG SIGNATURE OLED TV 65W7T รวมอยู่ในกล่องนี้ อย่างพอร์ตเชื่อมต่อ HDMI 4 ช่อง, USB 3 ช่อง ช่องต่อสาย LAN และพอร์ตอื่นๆ ก็เสียบที่นี่ครับ
ลำโพงใน Sound bar ชุดนี้ก็ไม่ธรรมดานะครับ ผมลองปิดทีวีให้ดู… แล้วเปิดทีวีอีกที เห็นไหมครับลำโพงคู่บนที่เรียกว่า Moving Speaker จะยื่นออกมาเมื่อเปิดเครื่อง และหดเก็บไปเมื่อปิดเครื่อง ก็สร้างความตื่นตาตื่นใจได้ทุกครั้งที่เปิดปิดเครื่อง ลำโพงที่เลื่อนออกมาด้านบนก็เพื่อให้เสียงรอบทิศทางแบบ Dolby Atmos ได้ดีขึ้นครับ ให้เสียงกระทบบนเพดานและตกกลับลงมาเหมือนเสียงมาจากเหนือหัวเราได้ ก็ยิ่งเพิ่มความสมจริงในการรับฟังมากขึ้น
โดยรวมคือ Sound bar กำลังขับ 60 วัตต์ของ LG SIGNATURE OLED TV 65W7T คือให้เสียงดีกว่าทีวีทั่วไปมาก รุ่น W7T นี้เสียงจึงอยู่ในลำดับต้นๆ ของทีวีที่มาพร้อม Sound bar เลย แต่ก็ยังไม่แยกมิติเสียงได้ชัดเจนเท่า Sound bar แท้ๆ ตัวท็อปนะ
สุดท้ายในส่วนของระบบปฏิบัติการก็ใช้ WebOS 3.5 รุ่นล่าสุด ก็สั่งงานได้ง่ายด้วย Magic Remote พร้อมแอปที่ใช้บ่อยๆ มากมายอย่าง Netflix, youtube, Google Play Movie ที่สำคัญคือค้นหาด้วยเสียงภาษาไทยได้ด้วย หาคลิป Youtube ภาษาไทยได้ง่ายๆ เลย
มาถึงข้อสังเกตกันบ้าง
อย่างแรกคือตัวสายแพสายนี้จะค่อนข้างหนา ก็เข้าใจแหละว่าเพื่อให้สัญญาณภาพและเสียงไม่ได้ถูกลดทอนลงจากการแยกหน้าจอและตัวเครื่อง AIO ออกจากกัน ถ้าจะติดตั้ง LG SIGNATURE OLED TV 65W7T ให้เรียบเนียนสวย ก็ต้องหาวิธีซ่อนสายแพเข้าผนังไป ซึ่งเมื่อรวมกับการตั้งเจาะผนังเพื่อติดตัวยึดทีวีแล้ว ก็ถือว่าเป็นทีวีที่ติดตั้งยากเหมือนกัน (แต่ไม่ต้องกังวลเพราะรุ่นนี้ช่างจากแอลจีเข้าไปติดตั้งให้อยู่แล้วครับ) และหากใครอยากดูแอปอย่าง AIS Play, iflix ก็ต้องซื้อ Chrome cast มาติดตั้งเพิ่มกับทีวีครับ
ราคา 299,990 บาท
ปิดท้ายที่ราคา หลังจากโชว์เสียวจะเสียเงินในกระเป๋าตังส์กันมามาก LG SIGNATURE OLED TV W7T ขนาด 65 นิ้วตัวนี้ มีราคา 299,990 บาท ราคาสมศักดิ์ศรีดีไซน์และความเป็นตัวท็อปของทีวีแห่งยุคมาก ซึ่ง LG รับประกันฟรีให้ 3 ปี และถ้าซื้อทีวีรุ่น W7T ภายในปี 2017 จะได้รับ LG OLED TV C7T ขนาด 55 นิ้วมูลค่า 99,990 บาทแถมไปอีก 1 ตัว! เรียกได้ว่า ซื้อ OLED TV 1 เครื่อง แถม OLED TV อีก 1 เครื่องไปเลย