Our score
7.7Zenfone Max Plus
จุดเด่น
- กล้องคู่ที่มีมุมปกติและมุมกว้างใช้งานได้จริง คุณภาพกล้องดีกว่าระดับราคา (แต่กล้องไม่ขยันโฟกัสนะ ต้องระวัง)
- ฟังก์ชั่นสำคัญๆ ครบ เช่นการจับภาพตามยาว การบันทึกเสียงสนทนา การแบ่งครึ่งจอใช้ 2 แอปพร้อมกัน
- เซนเซอร์อ่านลายนิ้วมือทำงานได้ดี นิ้วเปียกก็ยังทำงานได้
- แบตอึดระดับ 2 วัน แถมสามารถชาร์จเครื่องอื่นได้
- ราคาถูกมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้
จุดสังเกต
- หน้าจอสีสันสดใส ดูดีเมื่อดูเมนูและหน้าตาแอปต่างๆ แต่ถ้าดูภาพจะรู้สึกว่ามันอมฟ้าเกินไป จนคิดว่าภาพจากกล้อง White Balance เพี๊ยน
- การนำทางด้วย GPS มีปัญหา วิ่งใต้ทางด่วนแล้วตำแหน่งกระโดดมาก
- ปลดล็อกด้วยใบหน้าไม่เวิร์ค ทำงานเร็วจนไม่ทันอ่านโนติ แถมไม่ปลอดภัยเท่าลายนิ้วมือ
- หน้าจอความละเอียดระดับ HD ไม่ถึง Full HD
- ยังใช้ MicroUSB ไม่ใช่ USB-C และไม่รองรับ Wifi 5 GHz
-
รูปลักษณ์ภายนอก
8.0
-
คุณภาพหน้าจอ
7.0
-
ประสิทธิภาพเครื่อง
6.5
-
คุณภาพกล้อง
7.5
-
ความคุ้มค่า
9.5
หลังจากที่ Asus ดูเงียบๆ ไปพักหนึ่งในไทย ตอนนี้ Zenfone กลับมาตีตลาดครั้งใหม่รับต้นปีด้วย Zenfone Max Plus สมาร์ทโฟนในตระกูล Max ที่ให้แบตจุถึง 4130 mAh ในราคาไม่ถึง 7,000 บาท และวันนี้แบไต๋จะมารีวิวกันว่ามันคุ้มค่าจริงไหมครับ
สเปกของ Zenfone Max Plus
- CPU: MediaTek MT6750T 1.5 GHz
- RAM: 4 GB
- ROM: 32 GB
- หน้าจอ: ขนาด 5.7 นิ้วความละเอียด 1440 x 720 pixel แบบ IPS สัดส่วน 18:9 รองรับการสัมผัส 5 จุดพร้อมกัน
- กล้องหลัง: กล้องมุมกว้างปกติ 16 ล้านพิกเซล f/2.0 พร้อม PDAF, กล้องมุมกว้างมาก 8 ล้านพิกเซล f/2.4
- กล้องหน้า: 8 ล้านพิกเซล f/2.0
- รองรับ nano-sim 2 ตัว พร้อมใส่ MicroSD ได้พร้อมกัน ความจุสูงสุด 256 GB
- Android 7.0
- มี 3 สีคือ ดำ, ทอง และเงิน
- ราคาเปิดตัว 6,990 บาท ขายจริงอาจจะถูกกว่านี้อีก
รูปลักษณ์และการออกแบบ Zenfone Max Plus
- เครื่องขนาดกระทัดรัด จับถนัดมือ แต่จอใหญ่
- หน้าจอคมชัดสดใส ใช้งานแอปต่างๆ แล้วรู้สึกภาพคมแม้จะละเอียดแค่ HD
- หน้าจอดันติดฟ้า (ไปมาก) ทำให้ภาพถ่ายออกมาดูหมอง
ดีไซน์ของ Zenfone Max Plus นั้นค่อนข้างกระทัดรัดเมื่อเทียบกับขนาดจอ 5.7 นิ้วของเครื่อง เพราะเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้จอแบบ Full View สัดส่วน 18:9 ทำให้ขยายจอได้ใหญ่โดยที่ไม่ต้องขยายความกว้างของเครื่อง ขอบจอก็บาง จึงยังถือและใช้งานมือเดียวได้สบายๆ
ด้านหน้าของเครื่องเรียบมาก มีแค่กล้องหน้า ไฟ LED แสดงสถานะเล็กๆ ช่องหูฟังและหน้าจอเท่านั้น ด้านล่างก็ปล่อยโล่งเรียบๆ (ถ้าเป็นหัวเว่ยต้องมีโลโก้อยู่ด้านหน้าด้วยแล้ว :P)
ตัวหน้าจอ IPS ขนาด 5.7 นิ้วมีความละเอียด 1440 x 720 พิกเซล ยังไม่ถึงระดับ Full HD 1080p ก็สมเหตุสมผลกับเครื่องที่วางราคาไว้เกินครึ่งหมื่นไปนิดเดียว จอตัวนี้ให้ Contrast ได้ดีนะครับ เวลาใช้แอปหน้าจอขาวๆ จะรู้สึกว่ามันน่าใช้งานเพราะตัวอักษรสีดำคมตัดกับพื้นหลังสีขาว ตรงมุมขอบจอก็ทำเป็นมุมโค้ง จอโดยรวมเลยกลายเป็นสี่เหลี่ยมมุมมน ให้ความรู้สึกพรี่เมี่ยมได้เหมือนกัน
จอให้ภาพโทนเย็น ดูเมนูแล้วสบายตา แต่ดูรูปแล้วแอบเคือง
แต่ที่ไม่ชอบใจคือจอมันอมฟ้าครับ (ใครที่เกลียดจออมเหลือง มาใช้ Zenfone ตัวนี้เลยครับให้ภาพโทนเย็น) พอดูรูปถ่ายในเครื่องแล้วรู้สึกสีมันช้ำๆ ดูม่นๆ ตอนแรกเราก็นึกว่ากล้องของ Zenfone Max Plus นั้น White Balance ไม่ดี แต่พอเอารูปออกมาดูในสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆ หรือดูบนจอ MacBook สีมันก็โอเคนี่ ก็เลยเป็นจุดที่ต้องพิจารณาเมื่อเห็นภาพถ่ายจากจอรุ่นนี้ครับ (ไม่แน่ใจว่าเป็นกับทุกตัว หรือเฉพาะเครื่องรีวิวนี้นะครับ ยังไงก็ลองดูที่หน้าร้านก่อนได้)
ส่วนด้านหลังก็เรียบๆ มีกล้องหลัง 2 ตัว ตัวแรกเป็นกล้องมุมกว้างปกติที่เราใช้กันในสมาร์ทโฟนทั่วไป และอีกตัวคือกล้องมุมกว้างมาก 120 องศา ก็เป็นดีไซน์กล้องที่ได้ใช้งานจริง นอกจากนี้ก็มีแฟลชและเซนเซอร์อ่านลายนิ้วมืออยู่ด้านหลัง
ด้านล่างของ Zenfone Max Plus เป็นพอร์ต MicroUSB เพื่อชาร์จไฟและต่อ OTG ครับ ส่วนช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm อยู่ด้านบน และลำโพงมีแค่ตัวเดียวอยู่ด้านล่างครับ
ประสิทธิภาพของ Zenfone Max Plus
- ทดสอบ Geekbench 4.1 ได้คะแนน Single-core 618, Multi-core 2531 และ Compute ได้ 1774 คะแนน ถือว่าเป็นคะแนนที่ไม่เลวสำหรับระดับราคานี้
- ทดสอบ 3DMark Sling Shot Extreme ได้ 305 คะแนน
- ประสิทธิภาพถือว่าดีเมื่อเทียบกับราคา แต่อย่าไปหวังว่าเครื่องจะลื่นแบบเรือธง
ประสิทธิภาพของ Zenfone Max Plus อยู่ในกลุ่มดีเกินหน้าสมาร์ทโฟนราคา 6,990 บาททั่วไปนะครับ คือใช้งานปกติได้โอเค เล่นเฟซบุ๊ก ใช้ไลน์ได้สะดวก แต่ถ้าหวังใช้งานลื่นระดับมือถือเรือนหมื่นก็คงหวังถึงขั้นนั้นไม่ไหว เวลาใช้งานไลน์กรุ๊ปที่มีข้อความมากๆ ก็มีอาการหน่วง อาการกระตุกพอให้คิดถึง
ส่วนการเล่นเกม ถ้าเป็นเกมที่กราฟิกระดับกลางๆ ก็เล่นได้ลื่นอยู่ครับ แต่ถ้ามีกราฟิกเทพๆ ก็ต้องปรับระดับภาพของเกมให้ซับซ้อนน้อยลงมา แทนที่จะเป็น High ก็เหลือสัก medium หรือ low ก็เล่นได้ครับ
กล้องของ Asus Zenfone Max Plus
ในเรื่องกล้องนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเลยเมื่อเทียบกับราคานะครับ (เราเน้นว่าเทียบกับราคาบ่อยๆ เพราะถ้าเอาไปสู้สมาร์ทโฟนตัวท็อปมันก็ห่างชั้น แต่กับราคาเท่านี้ถือว่าใช้ในชีวิตประจำวันได้ครับ) คือกล้องหลังตัวหลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0 ก็ให้ภาพถ่ายตอนกลางวันที่สวยงาม สีสันสดใส ส่วนกล้องหลังตัวรองเลนส์มุมกว้าง 120 องศา 8 ล้านพิกเซล f/2.4 ก็ให้ภาพที่แปลกตาใช้งานได้จริง โดยเฉพาะเวลาอยู่ในห้องแคบๆ ก็สามารถถ่ายภาพเก็บได้หมดแบบที่สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ทำไม่ได้
แต่ฝั่งของเลนส์มุมกว้าง ประสิทธิภาพจะสู้เลนส์ปกติไม่ได้นะครับ ทั้งความละเอียดและขนาดรูรับแสง โดยเฉพาะเวลาถ่ายกลางคืนที่จะเห็นผลชัด
ส่วนโหมดถ่ายภาพก็มีหลายโหมดที่น่าสนใจ เช่นโหมดโปรที่เลือกความเร็วซัตเตอร์ได้ ปรับ ISO, White Balance ได้ แล้วก็โหมดถ่ายภาพแนวยาว panorama, โหมด Super Resolution สำหรับถ่ายภาพความละเอียดสูง และสามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอหรือ Portrait Mode ได้ทั้งกล้องหน้าและหลังครับ แต่ยังเบลอไม่เนียนเท่าไหร่
จุดอ่อนของกล้องจาก Zenfone Max Plus คือเรื่องการโฟกัสภาพ
แม้สเปกจะบอกว่าใช้ระบบโฟกัสแบบ Phase Detect (PDAF) แต่ไม่ค่อยจะแอคทีฟหาโฟกัสให้เท่าไหร่ครับ หลายครั้งที่ผู้ใช้ต้องแตะเลือกจุดโฟกัสก่อน ไม่งั้นภาพเบลอแบบไม่ได้โฟกัส ซึ่งต่างจากสมาร์ทโฟนทั่วไปที่พยายามจะทำให้ภาพชัดไว้ก่อน นอกจากนี้การถ่ายภาพในพื้นที่ที่แสงต่างกันเยอะๆ เช่นตอนเย็นยามพระอาทิตย์จะตก กล้องจะเก็บส่วนสว่างโดยส่วนมืดแทบจะจมทิ้งไปเลย ก็ต้องเลือกจุดวัดแสงให้ดีๆ
แล้วก็หน้าจอที่อมฟ้าเกินไป (ไม่รู้เป็นเหมือนกันทุกเครื่องรึเปล่า) ก็ทำให้เวลาดูภาพจากกล้อง Zenfone Max Plus รู้สึกสีตุ่นๆ ไม่สวย ยังไงก็ลองแชร์ไปดูในหน้าจออื่นดูนะครับ บางทีเราอาจจะมีภาพที่สวยแล้ว แต่แสดงผลเพี๊ยนก็ได้
ในส่วนของกล้องหน้า
กล้องหน้าของ Zenfone Max Plus นั้นมีทั้งโหมดถ่ายสวย และถ่ายฉากหลังละลายนะครับ สามารถเลือกเปิด-ปิดปรับจูนให้ถูกใจได้ ซึ่งก็ถือว่าคุณภาพกล้องหน้านั้นใช้ได้ ถ่ายมีแสงพอก็ถ่ายสวยได้ครับ
คุณภาพการถ่ายวิดีโอ
ความพิเศษของวิดีโอจาก Zenfone Max Plus คือสามารถเลือกถ่ายได้ทั้งจากเลนส์มุมกว้างและเลนส์ธรรมดานะครับ ก็ทำให้เราถ่ายวิดีโอมุมกว้างกว่ากล้องปกติได้ แต่การเลือกเลนส์ถ่ายภาพจะต้องเลือกก่อนถ่ายเท่านั้นนะครับ ไม่สามารถถ่ายแล้วซูมเข้าซูมออก เปลี่ยนเลนส์ระหว่างถ่ายได้ ซึ่งการถ่ายภาพซีนกลางวันก็ทำได้สวยงามดีด้วยความละเอียดสูงสุด 1080p Full HD ครับ
ส่วนการถ่ายวิดีโอกลางคืน จะเห็นชัดเจนว่าเลนส์มุมกว้างนั้นมีประสิทธิภาพด้อยกว่า เห็น Noise ชัดเจนตลอดทั้งคลิปเลย
สรุปประสบการณ์การใช้งาน Zenfone Max Plus
มาถึงช่วงยำใหญ่ประสบการณ์การใช้ Asus Zenfone Max Plus หลังจากทีมงานเว็บแบไต๋ได้ใช้เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องหลังมาหลายวันครับ
- แบตเตอรี่ของ Zenfone Max Plus นั้นอึดจริง สามารถใช้งานในระดับ 2 วันได้ และถ้าใช้หนัก ก็มั่นใจได้ว่ามันจะอยู่ครบวัน หัวชาร์จที่ให้มาก็สามารถชาร์จไฟเข้าเครื่องในระดับ 2A ได้ ก็ถือว่าใช้งานได้สะดวก ไม่ต้องพก Power Bank ครับ
- ในกล่องมีสาย OTG มาด้วย ก็สามารถใช้อ่านอุปกรณ์ USB พวกแฟลชไดรฟ์ได้ แถมยังใช้ชาร์จไฟให้อุปกรณ์อื่นได้ด้วย
- เซนเซอร์อ่านลายนิ้วมือของเครื่องทำงานได้ดีมาก แม้นิ้วชื้นก็ยังสแกนได้อย่างรวดเร็ว
- มีความสามารถในการปลดล็อกด้วยใบหน้าด้วย แต่ไม่แนะนำให้ใช้ เพราะทำงานเร็วเกินไป มองจอก็ปลดล็อกให้แล้ว (ยังไม่ทันอ่าน Noti เลย) และไม่ปลอดภัยเท่าลายนิ้วมือ
- เสียงลำโพงเครื่องดังดี มีลำโพงเดียวด้านล่าง แถมมี Outdoor Mode ปรับเสียงให้กว้างขึ้น สำหรับการใช้งานนอกบ้าน แต่คุณภาพเสียงก็กลางๆ นะครับ ไม่ได้ดีเยี่ยม แต่ไม่ได้แย่ ทั้งลำโพงจากตัวเครื่องและการต่อหูฟัง
- ฟังก์ชั่นที่ใช้บ่อยอย่างการบันทึกหน้าจอตามแนวยาว หรือการแบ่งครึ่งจอใช้ 2 แอปพร้อมกัน และการบันทึกเสียงสนทนาก็มีในรุ่นนี้
- Zenfone Max Plus สามารถใส่ได้ 2 Nano-sim พร้อมกับ MicroSD ก็ถือเป็นเรื่องดีงาม
- รองรับ VoLTE ทำให้คุยโทรศัพท์ได้คมชัด โทรติดเร็ว
- ใช้ๆ ไปแอบขัดใจที่ปุ่มด้านล่างมันใหญ่จัง (ปุ่ม recent, home, back) มันน่าจะทำให้บางกว่านี้ได้นะ แต่คิดว่าใช้สักพักก็น่าจะชิน
- GPS ใช้งานได้ แต่ไม่เหมาะเอาไปนำทางขับรถ เพราะเมื่อวิ่งใต้ทางด่วน หรือมีอะไรบังสัญญาณจากท้องฟ้า ตำแหน่งของเราจะกระโดดไปมา จนการนำทางมั่วไปหมด
- ยังใช้ MicroUSB อยู่ ไม่ใช่ USB-C ก็ทำให้ไม่รองรับอุปกรณ์ใหม่ๆ
- ไม่รองรับ Wifi 5 GHz ทำให้มีปัญหาความเร็วอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ที่สัญญาณไวไฟหนาแน่นเช่นบนคอนโด (ตอนทดลองดู Netflix ก็สงสัยว่าทำไมภาพไม่ชัดสักที เลยกดดาวน์โหลดทั้งคลิปลงมาก่อนแล้วค่อยดู ปรากฎว่าภาพชัด สรุปว่าเป็นเพราะเชื่อมต่อ wifi ได้ไม่เร็วพอ อาจจะเพราะสัญญาณรบกวนในช่อง 2.4 GHz เยอะ)
จบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ สงสัยตรงไหนคอมเมนต์ถามได้นะครับ ถ้านึกออกจะตอบได้ แต่ถ้าต้องค้นจากเครื่อง อาจจะตอบไม่ได้เพราะคืนเครื่องรีวิวไปแล้ว ฮาา