แม้ว่าการมาถึงของ Huawei P20 รอบนี้อาจจะโดนกระแส Huawei P20 Pro ที่ชูกล้อง Leica ชุดใหม่ระบบ 3 เลนส์ซูมได้ 3 เท่ากลบไปบ้าง แต่หลังจากที่เราได้ใช้ Huawei P20 เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องหลักในชีวิตประจำวันนานนับสัปดาห์ เราจึงมองว่า P20 ก็เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่มีความสามารถครบรอบด้าน ในราคาไม่ถึง 20,000 บาท ซึ่งทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้นเยอะ และนี่คือประเด็นที่เราอยากเล่าจากการใช้งานจริงครับ
1. Huawei P20 หน้าจอดีมาก
แน่นอนว่าเรารู้มาตั้งแต่ก่อนรีวิวแล้วว่า Huawei P20 นั้นใช้หน้าจอ LED แบบ RGBW ขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2244 x 1080 pixel แต่เวลาใช้จริงเราก็แปลกใจอยู่หลายครั้งว่านี่เป็นจอ LED จริงๆ เหรอ เพราะเป็นจอที่ให้ Contrast ภาพดีมาก ส่วนสีดำก็มืดลงไปเลย ไม่ดำแบบเทาๆ เหมือนจอ LED ทั่วไป เรื่องนี้เห็นได้ชัดจากแอปที่ออกแบบมาเพื่อจอ OLED ทั้งหลาย ที่จะมีธีมสีพื้นหลังดำสนิทไปเลย อย่างแอป Wikipedia ที่เราถ่ายภาพเทียบกับ Huawei Mate 10 Pro ที่เป็นจอ OLED มาให้ดู จะเห็นว่าพื้นหลังดำของ P20 นั้นดำลึกใกล้เคียงกับจอ OLED ของ Mate 10 Pro เลย ส่วนที่เป็นตัวอักษรสีขาวก็สว่างคมชัด การแสดงผลสีต่างๆ ก็สดใส ชัดเจนเลย
นอกจากนี้ Huawei P20 ยังสามารถปรับแต่งสีสันของจอได้อีกเยอะ ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะแสดงสีสันปกติสบายตา หรือเร่งสีให้สด (Vivid) ก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถเปิดโหมด Natural Tone เพื่อปรับโทนสีหน้าจอให้เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อม ช่วยให้รู้สึกว่าจอเป็นธรรมชาติกับสภาพแสงในตอนนั้นมากขึ้น และแน่นอนว่ายังมีโหมด Eye Comfort สำหรับตัดแสงสีฟ้า เพื่อให้สบายตาเวลาใช้ตอนกลางคืนอีกด้วย
ด้วยความที่จอของ Huawei P20 นั้นเป็นแบบ Fullview ปูจนสุดไปชิดขอบด้านบน ทำให้การใช้งานนั้นรู้สึกเต็มตามาก แม้ว่าตอนแรกเราจะไม่ชอบจอที่มีรอยแหว่งด้านบนเลย แต่ Huawei ก็ออกแบบการใช้งานมาดีพอที่จะไม่รู้สึกรำคาญรอยแหว่งด้านบนนี้ครับ เพราะเวลาดูวิดีโอ ขอบด้านบนนี้ก็จะถมดำไปเหมือนขอบจอปกติ ไม่เอาวิดีโอไปแสดงบนรอยแหว่งให้รู้สึกรำคาญใจ ส่วนเวลาใช้งานแอปอื่นๆ ก็มีการดัน Notification Bar ขึ้นไปอยู่ในบริเวณข้างรอยแหว่ง ทำให้เรามีพื้นที่ดูเนื้อหามากขึ้น จึงเป็นที่มาของความรู้สึกเต็มตาเวลาใช้งาน
แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบรอยแหว่งด้านบนนี้จริงๆ ก็สามารถสั่งปิดได้ใน Settings ของเครื่องครับ
2. การสั่งงาน Huawei P20 ด้วยปุ่ม Home มันเวิร์คจริงๆ
ดีไซน์ของ Huawei P20 นั้นมีปุ่มโฮมอยู่ด้านหน้า ซึ่งสนับสนุนการทำงานได้เป็นอย่างดี คือมันสามารถใช้สแกนลายนิ้วมือได้อย่างแม่นยำ แถมยังสามารถใช้แทนปุ่ม Navigation พวก Back, Home, Recent App ได้ทั้งหมดครับ โดยแตะ 1 ครั้งแทนการกด Back, แตะค้างแทนการกด Home และลากจากซ้ายหรือขวาแทน Recent App ซึ่งถ้าเราเลือกใช้ปุ่มโฮมแทนปุ่ม Navigation ทั้งหมด หน้าจอก็จะยิ่งเต็มตายิ่งขึ้นครับ ไม่มีปุ่ม back, home, recent มาอยู่บนจอแล้ว ถือเป็นประสบการณ์การใช้สมาร์ทโฟนที่ดีมาก
แต่ถ้าใครไม่ชินกับการใช้ปุ่มโฮมสั่งงานทั้งหมด ก็สามารถเลือกให้ปุ่ม Back, Home, Recent App อยู่บนหน้าจอก็ได้หรือจะแสดงเป็น Navigation Bar แล้วใช้นิ้วแตะสั่งงานไปมาบนจอก็ได้ หัวเว่ยมีทางเลือกให้เราหลายทางมากๆ
3. Huawei P20 รองรับทั้ง VoLTE, VoWiFi
ปัญหาหนึ่งที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟน Android หลายรุ่นได้แต่เศร้า คือไม่รองรับ VoWiFi ในตัว ต้องไปใช้แอปเสริมจากผู้ให้บริการ แต่สำหรับ Huawei P20 นั้นรองรับตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทั้ง VoLTE และ VoWiFi เลย ทำให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นอีกเยอะ
VoWiFi หรือ Voice Over WiFi คือการคุยกันด้วยเสียงผ่านระบบ WiFi ทำให้สามารถใช้โทรศัพท์รับสายและโทรออกได้แม้จับได้แค่สัญญาณไวไฟแต่ไม่สามารถจับสัญญาณโทรศัพท์ได้ ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับคนที่ท่องเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ จะสามารถโทรออกและรับสายได้เหมือนอยู่ในประเทศเลย ค่าบริการก็อัตราเดียวกับที่ใช้ในประเทศ
ส่วน VoLTE หรือ Voice Over LTE คือการโทรออกผ่านระบบ 4G LTE ทำให้เสียงสนทนาคมชัดกว่าการโทรปกติ และโทรออกได้รวดเร็ว ไม่ต้องรอครู่หนึ่งกว่าสัญญาณอีกฝั่งจะดังครับ
นอกจากนี้ Huawei P20 ยังรองรับ 4G LTE ได้แบบ 2 ซิมพร้อมกันด้วยนะ
4. ดีไซน์ตัวเครื่อง Huawei P20 โดดเด่น จับถนัดมือ
ว่ากันแบบไม่อวย ดีไซน์ของ Huawei P20 นั้นปรับปรุงขึ้นมาจาก P9 และ P10 มาก ด้วยการใช้วัสดุด้านหลังเป็นกระจก ทำให้ทำสีได้สดใสและแตกต่างจากสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ในตลาด นอกจากนี้การวางโลโก้ดีไซน์ใหม่ของ Huawei ด้านหลังเครื่องที่วางตรงมุมเครื่องในแนวนอน ก็เป็นตำแหน่งที่แปลกตาและเห็นได้ชัดเวลาถือเครื่องถ่ายรูป ขอบเครื่องก็โค้งมน จับแล้วไม่เจ็บมือ เราจึงถือว่า P20 เป็นสมาร์ทโฟนที่สวยและหรูหราที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดตอนนี้เลย
หลังจากที่เราได้ใช้ Huawei P20 ต่อเนื่องนานหลายสัปดาห์โดยไม่ใส่เคส (เพราะในกล่องที่หัวเว่ยส่งมาให้เทสนั้นไม่มีเคส!) โดยใช้ในงานลักษณะของผู้ชายที่จะเก็บเครื่องไว้ในกระเป๋ากางเกง และดึงเครื่องเข้าออกหลายครั้งในแต่ละวัน ทำแบบนี้มาเรื่อยจนมาถึงปัจจุบัน ฝาหลังที่เป็นกระจกนั้นยังไม่มีรอยแบบถาวรเลย จะมีก็เพียงคราบนิ้วมือที่เช็ดออกได้ สำหรับผู้ใช้ที่มั่นใจว่าจะไม่ทำเครื่องตก เราสามารถใช้ Huawei P20 แบบไม่ต้องใส่เคสโดยไม่ต้องกังวลรอยเท่าใดนักครับ
ด้วยความที่ Huawei P20 นั้นมีขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้ว สัดส่วน 18:9 ยังไม่ได้ใหญ่ขนาด 6 นิ้ว ทำให้เป็นสมาร์ทโฟนที่จับถนัดมือดีมากครับ มือผู้ชายสามารถโอบรอบเครื่องได้ แล้วเครื่องหนากำลังพอดี มีน้ำหนักเบา ทุกครั้งที่จับถือออกมาจึงรู้สึกว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่เนี๊ยบ ของดี งานประกอบดี
แต่สิ่งที่เราไม่ชอบกับดีไซน์นี้ก็มีเหมือนกันตรงที่กล้องนูนมากไปหน่อย แถมสันขอบคมด้วย ถ้าสามารถทำให้นูนน้อยกว่านี้ได้ หรือทำให้มันไม่คมเท่านี้ก็จะดีครับ
5. แบตเตอรี่ Huawei P20 ใช้ทนทั้งวัน
ด้วยความที่ P20 เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นเล็ก จึงสามารถใส่แบตเตอรี่ได้ที่ความจุ 3400 mAh แต่ความพิเศษของ EMUI 8.1 กับ Android 8.1 ทำให้สามารถจัดการแบตเตอรี่ได้ดี สามารถใช้งานทั่วไป โทรศัพท์ ใช้เฟซบุ๊ก เล่นไลน์ได้พ้นวันสบายๆ ส่วนการชาร์จ ก็สามารถชาร์จไฟได้รวดเร็จด้วยอแดปเตอร์แบบ SuperCharge ของหัวเว่ยครับ
6. เรื่องเสียงเรื่องใหญ่
แม้ว่าลำโพงที่ตัวเครื่องของ Huawei P20 จะมีแค่ลำโพงด้านล่างอย่างเดียว และไม่ได้มีชิปประมวลผลเรื่องเสียงที่มีชื่อเสียงอะไร แต่ก็ให้เสียงได้ดังดีครับ และฟังก์ชั่นสนับสนุนเรื่องเสียงนั้นก็มีเยอะพอสมควร โดยระบบประมวลเสียงหลักของเครื่องนั้นเป็น Dolby Atmos ที่จะเปิดตลอดเวลาที่ใช้ลำโพงของเครื่อง แต่สามารถเลือกปิดได้เวลาฟังเพลงจากหูฟังครับ (แต่ P20 ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm แล้วนะ ต้องใช้หัวแปลง USB-C เป็น 3.5 mm เอา) ซึ่งเวลาเปิด Dolby Atmos จะให้เสียงที่กังวาลขึ้น Sound Stage กว้างขึ้น มิติของเสียงดีขึ้น แต่ไม่ทำให้เสียงเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก ก็แนะนำให้เปิดไว้ตลอดจะดีกว่า
ความสามารถที่คอเพลงน่าจะชอบมากคือ Huawei P20 รองรับ Codec เสียงผ่าน Bluetooth เยอะมาก ทั้ง aptX HD, LDAC, AAC รวมถึงมาตรฐานใหม่อย่าง HWA (Hi-res Wireless Audio) พูดง่ายๆ ว่า P20 สามารถเปิดใช้โหมดเสียงความละเอียดสูงกับเครื่องเสียง Bluetooth ที่รองรับโหมดความละเอียดสูงแทบทุกค่ายในโลก ทำให้เสียงดีกว่าการใช้สมาร์ทโฟนที่ไม่รองรับเทคโนโลยีพวกนี้มาเปิดเพลง แถมผู้ใช้ยังสามารถตรวจเช็คได้ด้วยว่ากำลังเชื่อมต่อกับหูฟังและลำโพง Bluetooth ด้วย Codec อะไรในเมนู Developer Option ของเครื่อง การใช้ P20 ก็เหมือนมีเครื่องมือตรวจสอบเครื่องเสียงติดมือครับ เทสได้เลยว่ารองรับเสียง Bluetooth ความละเอียดสูงอย่างที่เคลมไว้จริงรึเปล่า
7. Huawei P20 มี GPS ที่ไว้ใจได้
สมาร์ทโฟนหลายรุ่นเมื่อนำไปใช้นำทางบนท้องถนน จะมีปัญหาตำแหน่ง GPS คลาดเคลื่อน โดยเฉพาะเมื่อขับรถเข้าใต้ทางด่วน หรือเข้าอุโมงค์ แต่จากการทดสอบให้ P20 นำทางยาวๆ จากกรุงเทพไปต่างจังหวัด วิ่งใต้ทางด่วนหลายแหล่งก็ไม่มีปัญหานี้ครับ ตำแหน่งที่แสดงระหว่างนำทางด้วย Google Maps ยังคงแม่นยำ ไม่กระโดดไปจุดอื่นๆ จนปวดหัวเวลาขับรถ ใครที่ใช้มือถือเป็นเครื่องมือนำทางด้วยก็เลือก Huawei P20 ได้เลย
8. ประสิทธิภาพ Huawei P20 เร็วระดับท็อป
ตัว P20 นั้นใช้ชิป Kirin 970 octa-core, 4 x Cortex A73 2.36 GHz + 4 x Cortex A53 1.8 GHz ซึ่งเป็นชิปที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของ Huawei ในตอนนี้ (ตัวเดียวกับที่ใช้ใน P20 Pro และ Mate 10 Pro) โดยที่มี RAM 4 GB และ ROM อีก 128 GB ซึ่งประสิทธิภาพเครื่องในช่วงวันแรกๆ ที่ใช้เครื่องจะรู้สึกว่าเครื่องหน่วงๆ ช้าๆ บ้าง เพราะเป็นช่วงที่ระบบและ AI ในเครื่องกำลังเรียนรู้ลักษณะการใช้งานของเรา แต่หลังจากที่ผ่านช่วงนี้มาได้ เครื่องก็จะทำงานได้ลื่นๆ แล้ว รองรับการใช้งานทุกอย่างได้สบายๆ
ส่วนการเล่นเกม ก็ต้องบอกว่าแล้วแต่เกมว่าได้รับการปรับแต่งให้เข้ากับชิปประมวลผล Kirin มากแค่ไหน อย่างเกม RoV ก็เล่นได้ลื่นๆ ดีครับ เพียงแต่ว่าช่วงที่มีเอฟเฟกเยอะๆ มีความวุ่นวายในฉากมากๆ ก็อาจมีหน่วงบ้าง ก็ต้องรอผู้พัฒนาเกมปรับปรุงกันต่อไป
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Kirin 970 จากแอป Geekbench 4.2 นั้นได้คะแนน Multi-core ราว 6600 คะแนน ก็เป็นคะแนนที่สูงกว่าสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิป Snapdragon 835 ครับ
ความพิเศษของ Kirin 970 นั้นอยู่ที่มีหน่วยประมวลผลปัญญาประดิษฐ์หรือ NPU อยู่ในตัวด้วย ซึ่งจะใช้งานหนักๆ ในแอปกล้องที่มีการใช้ AI ช่วยในการถ่ายภาพเยอะมากครับ รวมถึงแอปอื่นๆ อย่างแอปแปลภาษาที่ NPU ช่วยให้ทำงานเร็วขึ้นครับ
Huawei P20 สมาร์ทโฟนที่น่าสนใจ ด้วยราคาไม่ถึง 20,000 บาท
ในรีวิวนี้เรายังไม่ได้เข้าไปแตะความสามารถเด่นของ Huawei P20 ในเรื่องกล้องนะครับ เพราะรายละเอียดนั้นเยอะมาก เราขอเขียนให้อ่านกันเต็มๆ ในบทความ “เจาะลึกฟีเจอร์กล้อง Huawei P20 ถึงเป็นรุ่นน้องก็เก๋านะ” คลิกไปตามอ่านกันได้เลยจ้า