หลังจากที่ออก Galaxy Note 3 มาช่วงปลายปีที่แล้ว ตอนนี้ Samsung ได้คลอดน้องใหม่ในตระกูล Note ที่ดูแปลกกว่าทุกครั้ง นั้นคือ Galaxy Note 3 Neo Duos ที่มีความต่างจากรุ่นก่อนตรงที่เครื่องรองรับการใช้งาน 2 ซิม และราคาถูกกว่า Note 3 อยู่หลายพันเลยทีเดียว
ตามปกติแล้วรหัส Neo ของ Samsung จะเป็นเครื่องในลักษณะปรับลดสเปคเครื่องลง แต่ยังคงประสบการณ์ในงานใกล้เคียงกับรุ่นเดิม ต่างกันตรงที่พละกำลังและประสิทธิภาพที่ด้อยกว่า แลกกับราคาที่ถูกลงไปกว่า 30% เพื่อรองรับกับลูกค้าในตลาดระดับกลาง
สเปคของ Galaxy Note 3 Neo Duos
- รองรับระบบ: 850/900/1800/1900MHz
- รองรับ 3G (HSPA 21 Mbps): 850/900/1900/2100MHz
- รองรับ Dual Sim (micro sim)
- หน้าจอ: Super AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว แบบ HD (1280×720) 267 ppi
- CPU: Qualcomm Snapdragon 400 Quad core 1.6GHz
- OS: Android 4.3 (Jelly Bean)
- หน่วยความจำภายใน: 16GB Internal เพิ่ม micro SD ได้สูงสุด 64GB
- RAM: 2GB
- ขนาด: 148.4 x 77.4 x 8.6 มม. หนัก 162.5 กรัม
- แบตเตอรี่: แบบ Li-ion ขนาดความจุ 3,100mAh
- กล้องหลัง: 8 ล้านพิกเซล Auto Focus พร้อมแฟลช LED
- กล้องหน้า: 2 ล้านพิกเซล
- ถ่ายวิดีโอ: ความละเอียดสูดสุด Full HD 30fps
- ระบบการเชื่อมต่อ: Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (HT80) GPS/GLONASS, Bluetooth ® v 4.0 (LE)
- รองรับการใช้งานควบคุมด้วยปากกา Stylus S-Pen
รูปลักษณ์ภายนอก
ดีไซน์ของ Note 3 Neo Duos ต้องบอกว่าถอดแบบออกมาจาก Note 3 แบบแทบจะทุกอย่าง ขอบตัวเครื่องที่ดูเป็นโลหะที่แข็งแกรง ตำแหน่งปุ่มกดต่างๆ จัดวางได้อย่างลงตัว โดยทางด้านขวาของเครื่องจะมีปุ่ม Power เปิดปิดจะอยู่ และช่องสำหรับแงะเปิดฝาหลังส่วนทางซ้ายจะเป็นปุ่ม Volume + – สีเงินเข้ากับขอบเครื่อง ด้านบนช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. และช่องลำโพงตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างจะเป็นช่องต่อ micro USB, ไมค์สนทนา และช่องเสียบปากกา S-Pen
ด้านหน้าของเครื่อง ช่วงบนจะเป็นไฟแจ้งเตือน Notification, ตัวเซนเซอร์ต่างๆ ลำโพงสนทนา และกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ส่วนฝาด้านหลังเป็นพลาสติกดีไซน์ลายแบบ Flux Leather ที่ดูเหมือนหนังเหมือนกับ Note 3 พร้อมกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลชแบบ LED
สำหรับหน้าจอนั้นมาในขนาด 5.5 นิ้ว (เล็กกว่า Note 3 ที่มีขนาด 5.7 นิ้ว) และความละเอียดของหน้าจอเป็น HD ต่างจาก Note 3 ที่เป็น Full HD แต่ว่าก็ยังอยู่ในระดับที่คมชัดอยู่ รวมถึงที่ต้องขอบคุณ Samsung ที่ใจดียังคงตัวหน้าจอแบบ Super Amoled เอาไว้ทำให้จอดูสีสวยสดเป็นพิเศษ

ขนาดหน้าจอลดลงมาจาก 5.7นิ้ว เป็น 5.5 นิ้ว ทำให้ถือด้วยมือเดียวได้นัดมากขึ้น และหน้าจอ Super AMOLED ที่ให้สีสันสดใส

ปุ่ม Power มาอยู่ที่ด้านขวาของเครื่อง กดได้ถนัดมือ

ด้านหน้าเรียงพร้อมด้วยเซนเซอร์ตรวจจับต่างๆ ลำโพง และกล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล

ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 mm. และไมค์ที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน

ด้านล่างจะเป็นช่องสำหรับเสียบเก็บ S-Pen, ลำโพง, ช่อง micro USB และไมค์สนทนา

ฝาหลังเป็นลายแบบ Faux Leather แบบเดียวกับ Note 3 สังเกตด้านหลังจะมีพิมพ์คำว่า Duos ให้รู้ว่าเป็นแบบ 2 ซิม

กล้องด้านหลัง 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED
แกะดูด้านใน
Samsung ยังคงความเป็นมือถือที่เปิดฝาหลังได้และเปลี่ยนแบตเตอรี่เองได้อยู่ โดยแบตเตอรี่ของ Note 3 Neo Duos มีความจุอยู่ที่ 3.100 mAh เพียงพอสำหรับการใช้งานปกติในแต่ละวัน สำหรับคนที่ชอบเล่น Social เยอะๆ หรือเล่นเกมบ่อยๆ ก็อาจจะใช้ได้ประมาณ 5-7 ชม.
อย่างที่บอกว่า รุ่นนี้พิเศษกว่า Note ทุกรุ่นตรงที่รองรับ 2 ซิม (ใช้เป็น Micro Sim ทั้ง 2 เบอร์) แล้วจะมีช่องให้สำหรับใส่ microSD เพิ่มตรงด้านบนช่องซิมที่ 1 อยู่ รองรับได้สูงสุดถึง 64GB

ฝาหลังมีช่องให้แกะอยู่ใกล้ๆ กับปุ่ม Power

ช่องใส่ซิมจะเป็นแบบ Micro Sim รองรับทุกเครือข่าย ส่วน microSD ช่องเสียบจะซ้อนอยู่กับช่องเสียบซิม 1
Benchmark
สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของ Note 3 Neo Duos ด้วยโปรแกรม Antutu แล้ว ได้คะแนนอยู่ที่ 20803 ซึ่งถือว่าเป็นระดับค่อนข้างดีพอสมควร ถ้าเทียบแล้วถือว่าดีกว่า Note 2 ซึ่งเป็นรุ่นที่ออกมาก่อนหน้านี้ปีกว่าอยู่เล็กน้อย ส่วนด้านกราฟฟิคทดสอบผ่าน Quadrant ได้คะแนนอยู่ที่ 11210 ก็ถือว่าดีใช้ได้ เล่นเกม 3D กราฟฟิคหนักๆ อย่าง Asphalt 8 ได้อยู่
การใช้งานเบื้องต้น
Android ที่มากับเครื่องเป็น 4.3 Jelly Bean สำหรับสมาร์ทโฟนของ Samsung ถ้าคนที่เคยใช้มาก่อนแล้วก็น่าจะคุ้นกับ User Interface แบบ Touchwiz เป็นอย่างดี แต่ถ้าใครไม่เคยใช้ก็สามารถเรียนรู้การใช้งานได้ไม่ยาก ตัวหน้า Home Screen สามารถตั้งได้สูงสุด 7 หน้า เลือกวางแอพและวิดเจ็ทต่างๆ ได้ตามที่ต้องการ
ปุ่ม Home กดของ Note 3 Neo Duos จะไม่เป็นแบบ On Screen ทำให้มีพื้นที่ใช้งานได้เต็มที่ สำหรับปุ่ม Home ถ้ากดค้างเอาไว้จะเป็นการเรียกดูแอพต่างๆ ที่เราเปิดไว้ ตรงนี้สามารถเลือกเปลี่ยนไปใช้งานแอพอื่นๆ หรือเลือกปิดแอพที่ไม่ได้ใช้งานแล้วเพื่อประหยัดพลังงานและหน่วยความจำในการทำงานของเครื่องได้
และถ้ากดปุ่ม Home 2 ครั้งจะเป็นการเรียกใช้งานฟังค์ชั่น S Voice ที่เป็นรูปแบบการสั่งงานด้วยเสียงในการค้นหาหรือสั่งการทำงานบางอย่างบนเครื่องได้ (ใช้ภาษาไทยไม่ได้นะจ๊ะ)
ข้อดีอีกอย่างของสมาร์ทโฟน Samsung คือมีแอพ pre-load ติดตั้งมาให้ในตัวเครื่องแบบครบครันพร้อมใช้งานนอกเหนือจากแอพมาตรฐานที่เป็นของ Google เอง อย่างเช่น
- S-Translator สำหรับช่วยแปลภาษา
- Samsung Link ช่วยในการเชื่อมต่อใช้งานกับอุปกรณ์อื่นๆ
- Group Play สำหรับใช้แชร์ไฟล์เพลง, ภาพ, เอกสารหรือเล่นเกมกับเพื่อนที่ใช้สมาร์ทโฟน Samsung พร้อมกันได้สูงสุด 4 คน
- Story Album สำหรับเลือกรูปในเครื่องของเรามาทำเป็นอัลบั้มภาพที่เราต้องการในธีมที่สวยงามอย่างง่ายดาย
- S Health แอพสำหรับเก็บข้อมูลด้านสุขภาพ อย่างเช่นการนับก้าวเดินเพื่อนำมาประมวลผลการออกกำลังกายแต่ละวันของเรา และแน่นอนว่ามันสามารถใช้งานร่วมกับ Gear 2, Gear 2 Neo และ Gear Fit ได้ด้วยเช่นกัน
- นอกจากนี้ Samsung ยังมี Galaxy App Center ที่จะมีแอพพิเศษสำหรับผู้ใช้ Samsung โดยเฉพาะอย่างเช่น Galaxy Gift, Mzine ฯลฯ
และสำหรับ Note 3 Neo Duos ยังมีแอพที่รองรับการใช้งานด้วยปากกา S-Pen เสริมขึ้นมาให้อีกหลายส่วนซึ่งจะอธิบายให้อีกในช่วงหลังครับ

S-Health แอพสำหรับเก็บข้อมูลสุขภาพ ใช้ร่วมกับ Gear 2 และ Gear Fit ได้เลย

รูปถ่ายสามารถสั่ง Edit ภาพด้วยการวาดขีดๆ เขียนๆ ลงไปบนภาพได้ด้วย แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่ Note ก็ทำไม่ได้แน่นอน
จอใหญ่ ทำงานแบบ Multi-windows ได้
เป็นความสามารถพิเศษที่สมาร์ทโฟนไม่กี่รุ่นสามารถทำได้คือ เปิดแอพ 2 ตัวทำงานไปได้พร้อมๆ กันบนหน้าจอ อย่างเช่นระหว่างที่คุณกำลังเปิดเว็บเพื่อหาข้อมูล คุณสามารถแบ่งหน้าจอครึ่งนึงมาเปิดแอพ Youtube เพื่อหาวิดีโอได้ด้วยพร้อมๆ กัน
สังเกตให้ดีตรงด้านข้างของจอจะเห็นมีติ่งเมนูให้เราแตะเพื่อเลื่อน Multi-windows tray ออกมาได้ (หรือจะกดปุ่ม Back ค้างไว้ 3 วินาทีเพื่อเรียกออกมาก็ได้) โดนแถบเมนูนี้เราสามารถใช้เป็น Short cut เก็บแอพที่ใช้งานบ่อยๆ ไว้ได้ด้วย วิธีการใช้ก็เพียงแค่ระหว่างที่เปิดใช้งานแอพอะไรอยู่แล้วอยากจะแบ่งจอเพื่อเปิดอีกแอพใช้พร้อมกัน ก็ให้เรียก Muti-window tray ออกมา จากนั้นก็ลากแอพที่ต้องการเปิดเพิ่มมาวางบนหน้าจอได้เลย และยังสามารถปรับขนาดของจอทั้ง 2 จอได้ตามที่ต้องการอีกด้วย
เป็นความสามารถที่ถือว่าสะดวกสบายมากสำหรับคนที่ทำงานเยอะ หรือใช้งานเพื่อค้นหาข้อมูล เพราะบางทีการกดสับเปลี่ยนหน้าแอพก็ไม่สะดวกเท่าแบ่งจอแล้วใช้งานไปพร้อมๆ กัน

ด้านข้างมีแถบเมนูเรียกแอพสำหรับใช้งานพร้อมกันได้ 2 จอพร้อมกัน (ลากมาโยนที่จอ) ถือเป็นจุดเด่นของ Note ที่ทำให้ใช้งานหลายแอพพร้อมๆ กัน
S-Pen สิ่งที่ทำให้น Galaxy Note มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร
S-Pen เป็นนวัตกรรมสำหรับสมาร์ทโฟนยุคนี้ที่ทาง Samsung พัฒนาออกมาเป็นอย่างดี ตัว stylus ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าการแค่จิ้มๆ แทนนิ้ว เพราะมีฟีเจอร์มากมายให้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นแรงกดของการเขียนมีผลต่อขนาดเส้น (เฉพาะในแอพที่รองรับ) สำหรับ Note 3 Neo Duos การใช้งาน S-Pen มีน่าสนใจหลายอย่างด้วยกัน
- Air Command เป็นการเรียกเมนูพิเศษสำหรับการใช้ S-Pen ทันทีที่เราดึงปากกาออกมาจากตัวเครื่อง หรือว่าถือจ่อไว้ที่หน้าจอ (ยังไม่ต้องแตะ) และกดปุ่มที่ S-Pen เพื่อเรียกคำสั่งขึ้นมา ถือว่าสะดวกและรวดเร็วมากในการใช้
- Action Memo กระดาษโน้ตที่ใช้งานแล้วจะรู้สึกประทับใจมาก เหมาะสำหรับเวลาที่เราต้องการจะจดบันทึกเร่งด่วน อย่างเช่น เบอร์โทร เราสามารถจดเป็นชื่อและเบอร์ จากนั้นกดเลือก Link to action ระบบจะทำการอ่านลายมือของเรา และให้เลือกว่าจะส่งไปใช้งานอะไรเช่น กดโทรออก, บันทึกเข้า Contact, ส่งอีเมล์, เข้าเว็บ, ค้นหาใน Maps หรือเก็บบันทึก ถือว่าช่วยให้การจดบันทึกเร่งด่วนทำได้อย่างรวดเร็วจริงๆ
- Scrapbook ให้เราบันทึกภาพหน้าจอ (ทั้งหมดหรือบางส่วน) และเอาไปจัดเก็บไว้เป็นเล่มหรือหมวดหมู่ จะสะดวกสำหรับคนที่ชอบใช้เวลาค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เนต สามารถเลือกเก็บเอาไว้มาเปิดดูทีหลังได้อย่างเป็นระเบียบ
- Screen Write ปกติการกด Capture หน้าจอของ Note 3 Neo Duos จะเป็นการกดปุ่ม Power พร้อมกับปุ่ม Home ค้างไว้ แต่ Screen Write จะเป็นการบันทึกหน้าจอแล้วเอา S-Pen เขียนลงบนภาพนั้นได้ก่อนที่จะบันทึก ใช้ในกรณีที่ต้องการสื่อสารกับคนอื่นด้วยภาพหน้าจอ สามารถวาดเส้นวงตำแหน่ง หรือเขียนข้อความไปในรูปได้เลย
- S Finder คำสั่งสำหรับค้นหาข้อมูลต่างๆ ภายในเครื่องของเรา
- Pen Windows สำหรับเรียก Shortcut แอพที่ใช้งานบ่อยๆ

หยิบ S-Pen ออกมาจากหลังเครื่อง หรือจ่อไว้ที่หน้าจอแล้วกดปุ่มที่ปากกาเพื่อเรียกคำนั่งออกมา

สำหรับคนชอบเก็บข้อมูลในหน้าเว็บ กดเก็บเข้า Scrapbook เก็บไว้เป็นหมวดหมู่ ง่ายต่อการค้นหา

Action Memo ที่เปิดกระดาษโน้ตขึ้นมาแล้วจดชื่อเบอร์โทรได้ทันที

จดเสร็จแล้วเลือก Link to Action จะทำการสร้าง Contact ให้เราทันทีอย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ใน Galaxy Plus ทาง Samsung ยังมีแอพ SketchBook for Galaxy แถมมาให้โหลดใช้กันฟรีๆ (ถ้าซื้อใน Play Store ราคา 162 บาท) เป็นแอพที่โดดเด่นเรื่องของการวาดรูป และรองรับการใช้งานกับ S-Pen ได้อย่างเต็มรูปแบบ คนที่ชอบวาดรูปขีดๆ เขียนๆ รับรองว่าจะติดใจแน่นอน
การใช้งานด้านกล้องถ่ายรูป
Note 3 Neo Duos กล้องหลังเป็น 8 ล้านพิกเซล (ของ Note 3 จะเป็น 13 ล้านพิกเซล) ส่วนกล้องหน้าอยู่ที่ 2 ล้านพิกเซล สำหรับการใช้งานเบื้องต้นถ่ายภาพที่วไป ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีโอเคอยู่ เมนูของกล้องมีโหมดให้เลือกอยู่พอสมควรแต่ไม่ได้มากอะไรนัก มีโหมดถ่ายออโต้, Beauty Face, Best Shot, Continuous Shot, Best Face, Sound & Shot, Rich tone (HDR), Panorama, Sports และ Night ส่วนกล้องหน้า 2 ล้านถ่ายเล่นเซลฟี่พอได้อยู่
สำหรับกล้องถือว่าไม่ได้โดดเด่นนักสำหรับ Note 3 Neo Duos เพราะตัวเครื่องรุ่นนี้ไปเน้นเรื่องการใช้งาน S-Pen เป็นหลักมากกว่า ถือว่ากล้องอยู่ในคุณภาพใช้งานถ่ายระหว่างวันได้ไม่มีปัญหา

หน้าตาของโหมดการถ่ายรูปตามสไตล์ของ Samsung มีให้เลือกอยู่ 10 รูปแบบด้วยกัน

ถ่ายภาพกลางแจ้งสภาพแสงธรรมชาติ เก็บรายละเอียดได้ดีอยู่ กับกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

ทดสอบซูมที่ทำได้สูงสุด 4x มีเกรนภาพแตกบ้างตามปกติของกล้องสมาร์ทโฟนซูมแบบดิจิตอล

ถ่ายแบบ Macro ให้ความคมชัด สีของภาพถือว่าใช้ได้
ประสบการณ์โดยรวมกับการใช้งาน Samsung Galaxy Note 3 Neo Duos
สำหรับคนที่ใช้เครื่องตระกูล Note มาทั้งตัวแรก และ Note 2 เชื่อว่า S-Pen คือสิ่งที่น่าจะสร้างความประทับใจให้คุณ และไม่สามารถไปหาในสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นได้ Note 3 Neo Duos ถือว่าเป็นตัวที่มายืนอยู่ระหว่าง Note 2 (ซึ่งตกรุ่นไปเรียบร้อยแล้ว) กับ Note3 (ที่ราคายังทะลุเกิน 2 หมื่นอยู่) มันจึงเป็นตัวที่มาตอบโจทย์ของคนที่อยากใช้สมาร์ทโฟนที่มี S-Pen แต่ไม่อยากควักตังค์เกิน 20,000 บาท
สำหรับการใช้งานในแต่ละวันถือว่าให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี ถึงแม้ว่าเครื่องจะถูกลดสเปคลงมาจาก Note 3 ไปพอสมควร แต่เรื่องความเร็วการใช้งานและแอพต่างๆ ยังรวดเร็วและตอบสนองได้ดีอยู่ ไม่ว่าจะเป้นการใช้งานแอพทั่วไป การเล่นเกมที่กราฟฟิคแรงๆ ก็ยังพอได้อยู่ และการที่เป็น 2 ซิมถือว่าเป็นอีกสิ่งที่ถือว่าดีมาก เพราะที่ผ่านมาตระกูล Note ไม่เคยมีแบบ 2 ซิมมาก่อน
ส่วนตัวเป็นคนที่เคยใช้สมาร์ทโฟนในตระกูล Note แบบผ่านๆ เพราะไม่สันทัดและลายมือถึงขั้นเลวร้าย แต่เท่าที่ลองใช้ในส่วนของการ recognize ลายมือนั้นค่อนข้างแม่นยำเกือบ 100% รวมถึงภาษาไทยที่ตรวจจับได้ไม่ค่อยผิดเพี้ยน รวมถึงฟีเจอร์ที่มาช่วยเสริมการใช้งานได้สะดวกดีมาก
ติดใจอยู่นิดเดียวคือเรื่องของ NFC ที่ส่วนใหญ่ Samsung จะใส่มาให้กับสมาร์ทโฟนรุ่นราคา 15,000 บาทขึ้นไปแทบทุกตัว แต่ใน Note 3 Neo Duos กลับถูกถอดไป รู้สึกเสียดายมาก เพราะว่าตอนนี้การเชื่อมต่อด้วย NFC เติบโตขึ้นต่อเนื่อง และเป็นวิธีการโอนไฟล์ไปยังอุปกรณ์อื่นๆได้เร็วมาก
โดยรวมแล้วถือว่าSamsung Galaxy Note 3 Neo Duos เป็นสมาร์ทโฟนที่ให้ประสบการณ์ของกาาใช้ปากา S-Pen ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในราคาที่ไม่สูงมาก ตอนนี้ราคาขายอยู่ที่ 17,800 บาท มีให้เลือก 3 สีคือ ดำ, ขาว และเขียวอ่อน (ผมเรียกว่าสีกรีนทีลาเต้) หาซื้อหรือทดลองใช้ได้ตาม Samsung Shop ทุกสาขาทั่วประเทศได้เลยครับ
จุดเด่น
- หน้าจอแบบ Super AMOLED ที่คมชัดมาก ขอบคุณที่ Samsung ลดสเปคเครื่องมาแล้วไม่ลดสเปคของจอ ทำให้ความรู้สึกใช้งานต่างๆ ยังดูสวยงามคมชัด
- สมาร์ทโฟนตระกูล Note ที่ใช้งานได้ 2 ซิม
- ขนาดเครื่องใหญ่กำลังพอดีมือ ปุ่ม Power มาอยู่ด้านข้าง กดใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น น้ำหนักไม่มากใช้งานมือเดียวได้สะดวกอยู่
- RAM 2 GB เพียงพอสำหรับการใช้งานทุกด้าน
- แบตเตอรี่อึดพอสำหรับใช้งานวันนึงได้สบายๆ
จุดด้อย
- NFC ถูกตัดออกไป ทำให้การส่งผ่านไฟล์แบบ S-Beam หายไปด้วย
- ไม่รองรับระบบ 4G LTE (อันนี้ต้องทำใจเพราะว่าเป็น 2 ซิม)
- อุปกรณ์เสริมประเภท case หาซื้อยากพอสมควร
- การใช้งานเรื่องของกล้องธรรมดาไปนิดนึง
ดูข้อมูลเพิ่มเติม: Samsung