Our score
8.9Huawei MediaPad M5 Pro
จุดเด่น
- ประสิทธิภาพเครื่องรวดเร็ว รองรับการทำงานใกล้เคียงกับคอมพิวเตอร์ แถมใส่ซิมได้ ใช้ 4G ได้ โทรศัพท์ได้!
- จอดีงาม ให้ภาพคมชัด สว่าง ลำโพงที่จูนโดย Harman/Kardon ก็ให้เสียงดังอย่างมีคุณภาพ
- เคสคีย์บอร์ดแป้นพิมพ์ดีมาก ถ้าพิมพ์คล่องอยู่แล้ว หลับตาพิมพ์ได้เลย และปากกา M-Pen ก็ดีมาก ทั้งตอบสนองรวดเร็ว รองรับแรงกด และแถมมาให้เลย ไม่ต้องซื้อแยก
- มี Desktop Mode ที่ใช้งานได้คล้ายกับคอมพิวเตอร์ สามารถเปิดแอปใช้งานได้พร้อมกันหลายตัว
- กล้องเก่งกว่าแท็บเล็ตทั่วไป ด้วยแอปกล้องแบบเดียวกับสมาร์ทโฟนของหัวเว่ย สามารถถ่าย Night shot ได้ มีโหมดโปร ถ่าย Raw ได้ ถ่ายวิดีโอได้ 4K
จุดสังเกต
- แอปจำนวนมากไม่มีโหมดสำหรับแท็บเล็ต แต่ใช้หน้าแอปของสมาร์ทโฟนมาขยายให้เต็มจอ หรือ LINE ที่ไม่มีแอปเวอร์ชั่น Android Tablet ทำให้ไม่สามารถล็อกอินพร้อมกับสมาร์ทโฟนได้
- คีย์บอร์ดภายนอกภาษาไทยมีปัญหากับ Android เปลี่ยนภาษาไทยยากเย็น แต่เรามีวิธีแก้ไขให้อ่านในบทความ
- ไม่สามารถต่อภาพออกจอใหญ่ผ่านหัวแปลง USB-C เป็น HDMI ได้ (เท่าที่เราทดสอบกับสาย Matedock 2)
- ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 mm ต้องใช้หัวแปลง USB-C เป็น 3.5 mm ที่แถมมาให้ในกล่อง
- เคสคีย์บอร์ดเป็นแบบยันด้านหลังเพื่อตั้งจอขึ้น ทำให้การวางเครื่องบนตักแอบยากไปนิดหนึ่ง
-
รูปลักษณ์ภายนอก
8.0
-
คุณภาพหน้าจอ
9.5
-
ประสิทธิภาพเครื่อง
8.0
-
ความเหมาะสมในการใช้ทำงาน
9.0
-
ความคุ้มค่า
10.0
Huawei MediaPad M5 Pro เป็นแท็บเล็ตรุ่นที่น่าสนใจที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดตอนนี้นะครับ เพราะเป็นแท็บเล็ตที่ครบเครื่อง ใช้ปากกาได้ ใส่ซิมได้ในราคาไม่แพง แถมยังมีเคสคีย์บอร์ดเสริมการใช้งานอีก
Huawei MediaPad M5 นั้นมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย คือ MediaPad M5 รุ่นเล็กที่มีจอ 8.4 นิ้ว ไม่มีปากกา ใช้สำหรับความบันเทิงหรือใช้อ่านเนื้อหาเป็นหลัก ราคา 13,990 บาท และ MediaPad M5 Pro รุ่นใหญ่ที่เรารีวิวในวันนี้ มีจอขนาด 10.8 นิ้ว และใช้ปากกาได้ มีพอร์ตพิเศษสำหรับเชื่อมต่อกับเคสคีย์บอร์ดด้วย ราคา 18,990 บาท ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้มีความละเอียดหน้าจอ 2560 x 1600 pixel หรือ 2K เหมือนกันครับ ก็ทำให้ภาพสวยแจ่มเหมือนกัน
การใช้งาน Huawei MediaPad M5 Pro แบบกองบก. แบไต๋
ความสามารถพิเศษของ Huawei MediaPad M5 Pro คือด้านหลังเครื่องมีพอร์ต 3 พินอยู่เพื่อเชื่อมต่อกับเคสคีย์บอร์ดได้ ซึ่งเราแนะนำเลยว่าถ้าคุณซื้อ MediaPad M5 Pro มา เคสคีย์บอร์ดคือสิ่งจำเป็นครับ ของเค้าดีย์มากๆ มันต้องมี ไม่งั้นใช้ความสามารถของ M5 Pro ไม่คุ้ม
ว่าด้วยเรื่องการพิมพ์ผ่านคีย์บอร์ดของ MediaPad M5 Pro กันก่อน
- เคสคีย์บอร์ดให้ตัวคีย์บอร์ดที่ดีมาก การันตีโดยทีมงานแบไต๋ที่พิมพ์บทความนี้ด้วยแป้นคีย์บอร์ดของ MediaPad M5 Pro
- Android รองรับการพิมพ์ภาษาไทยผ่านคีย์บอร์ดภายนอกได้แย่มาก แต่ไม่เป็นไรเรามีแอปที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ สามารถใช้ปุ่มตัวหนอนเปลี่ยนภาษาได้
- เคสคีย์บอร์ดเป็นแบบใช้ขาตั้งยันด้านหลังจอ วางบนโต๊ะพิมพ์สบาย แต่ถ้าจะวางบนตักต้องเกร็งขาดีๆ เดี๋ยวจอล้ม
นอกจากนี้ คีย์บอร์ดที่เคสของ M5 Pro ยังมี Trackpad มาด้วย ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกสิ่งบนหน้าจอด้วยการเลือกเคอร์เซอร์แบบเมาส์ หรือจะจิ้มที่จอโดยตรงก็ได้ ซึ่งก็เป็นการทำงานที่ลื่นไหลดี เหมือนใช้โน้ตบุ๊กจอสัมผัสอยู่เลย และที่คีย์บอร์ดยังมีแป้นที่ใช้งานบ่อยๆ ครบ เช่น Back, Home, Recent เพิ่มเสียง, ลดเสียง เร่ง-ลดแสงหน้าจอ รวมถึงปุ่มบันทึกหน้าจอด้วย ครบสำหรับการใช้งานจริงๆ
ปัญหาโลกแตกของการพิมพ์ภาษาไทยนั้นอยู่ที่ระบบปฏิบัติการ Android ครับ ถ้าไม่ทำอะไรเลย การใช้คีย์บอร์ดจริงพิมพ์ภาษาไทยนั้นเหนื่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นคีย์บอร์ดที่เสียบตรงกับแท็บเล็ตอย่างเคสคีย์บอร์ดของ MediaPad M5 Pro หรือจะต่อคีย์บอร์ด Bluetooth เราจะงงงวยก่อนเลยว่ามันเปลี่ยนภาษายังไง อาจจะต้องกดเปลี่ยนภาษาด้วยแป้นลูกโลกบนหน้าจอ หรือกดปุ่มค้นหาด้วยเสียงร่วมกับ space bar เพื่อเปลี่ยนภาษา ซึ่งก็แล้วแต่แอปคีย์บอร์ดที่เราใช้ด้วย แต่สำหรับนักเขียนที่พิมพ์งานเร็วๆ แล้วนี้คือฝันร้ายที่ทำให้เกลียดการพิมพ์ภาษาไทยบนแท็บเล็ตไปเลย เพราะต้องเสียพลังงานกับการเปลี่ยนภาษาในแป้นแปลกๆ
และต้องเข้าใจว่าเคสคีย์บอร์ดของ MediaPad M5 Pro นั้นเป็นแบบมีขาเพื่อยันจอให้ตั้งขึ้นนะครับ ไม่ใช่แบบโน้ตบุ๊กที่จอสามารถตั้งได้ด้วยแรงฝืดจากบานพับจอ เพราะฉะนั้นมันจึงเหมาะกับการตั้งพิมพ์บนโต๊ะมากกว่าวางพิมพ์บนตักครับ
ปากกา M-Pen ของ Huawei MediaPad M5 Pro
- ขนาดและน้ำหนักของปากกา M-Pen เหมือนกับปากกาจริง ทำให้การจับถือถนัดมือ
- ปากกา M-Pen สามารถตรวจจับแรงกดได้ 4096 ระดับ สามารถกดหนัก-เบาเพื่อให้เส้นต่างกันได้ มีปุ่ม Shortcut บนปากกา 2 ปุ่ม วางมือบนหน้าจอเขียนได้เลย (ในแอปที่รองรับปากกา) ตอบสนองรวดเร็วไม่มีแลค
- แต่ที่ตัว Huawei MediaPad M5 Pro ไม่มีที่เก็บปากกา ต้องมีเคสคีย์บอร์ดถึงจะมีหูเสียบเก็บปากกา
จุดเด่นอีกอย่างของ Huawei MediaPad M5 Pro คือมีปากกา M-Pen แถมมาด้วยในกล่องเลย ไม่ต้องซื้อแยกเหมือนหลายๆ ค่าย ซึ่งปากกา M-Pen ตัวนี้สามารถตรวจจับแรงกดได้ 4096 ระดับ สามารถใช้กับแอปวาดรูปหรือแอปจดบันทึกที่รองรับแล้วเส้นจะหนาบางตามแรงกดได้ (เราเทสกับแอป Squid ก็ใช้ดีเลยทีเดียว) นอกจากนี้ที่ปากกายังมีปุ่ม Shortcut ให้กด 2 ปุ่มสำหรับเรียกใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วย โดยรวมเราชอบปากกา M-Pen ตัวนี้นะครับ ขนาดและน้ำหนักไม่ต่างจากปากกาจริงๆ ที่เราใช้เลย แถมเวลาใช้งานในแอปที่รองรับก็สามารถวางมือลงไปบนจอได้เหมือนเขียนบนกระดาษเลย ก็ทำให้อารมณ์ความรู้สึกในการใช้นั้นเหมือนเขียนลงบนกระดาษครับ ซึ่งสำหรับนักเรียน นักศึกษาก็สามารถดาวน์โหลดไฟล์ PDF แล้วใช้แอปเปิดไฟล์มาเขียนเน้นทับได้เลย ซึ่งก็ทำงานรวดเร็วใช้ได้
ปากกา M-Pen ชาร์จผ่านพอร์ต USB-C ครับ โดยมีช่องชาร์จซ่อนอยู่หลังคลิปหนีบปากกา ก็บิดคลิปหนีบออกแล้วชาร์จได้เลย หัวเว่ยว่าชาร์จครั้งหนึ่งอยู่ได้ 2 เดือน เราก็ไม่เคยใช้จนหมด แต่น่าเสียดายนิดหนึ่งที่ตัวเครื่องนั้นไม่มีวิธีเก็บปากกาเลย ไม่สามารถแปะด้วยแม่เหล็กข้างเครื่อง หรือเก็บไว้ในเครื่อง หรือเก็บด้วยวิธีใดๆ ได้ ก็ต้องเก็บปากกาตัวนี้ในถุงดินสอ หรือซื้อเคสคีย์บอร์ดครับ จะมีห่วงเก็บปากกาอยู่ข้างๆ คีย์บอร์ดให้แทน
Desktop Mode ของ Huawei MediaPad M5 Pro
- โหมด Desktop นั้นมีหน้าตาเหมือน Windows ทำให้เข้าใจง่าย ใช้งานได้ทันทึ
- สามารถใช้หลายๆ แอปพร้อมกันในรูปแบบหน้าต่างซ้อนกันไปมาได้จริงเหมือนใช้คอมพิวเตอร์อยู่
- แต่การเข้า-ออก Desktop Mode จะต้องปิดแอปที่เปิดค้างไว้ทั้งหมด และบางแอปก็ไม่สามารถใช้งานในโหมด Desktop ได้
ความสามารถหนึ่งที่น่าสนใจของ Huawei MediaPad M5 Pro คือ Desktop Mode ครับ สามารถเปลี่ยน Android ให้มีหน้าตาเหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไปได้ คือสามารถเปิดหลายๆ แอปได้ในรูปแบบหน้าต่างแล้วใช้งานได้พร้อมกัน
หน้าตาของ Desktop Mode นั้นเหมือนกับการใช้งาน Windows ครับ มุมล่างซ้ายเป็นปุ่มเริ่มต้นสำหรับหาแอปต่างๆ ด้านล่างก็เป็น Task Bar สำหรับกดเปลี่ยนแอปไปมา ถัดมาหน่อยก็จะเป็นบริเวณโชว์สถานะต่างๆ ของเครื่องเช่นความดังเสียง ความแรงของ WiFi ระดับแบตเตอรี่ ซึ่งถ้ากดบริเวณนี้ก็จะโชว์ Notification และปุ่มเปิดปิดฟังก์ชั่นต่างๆ อย่าง WiFi หรือ Bluetooth ส่วนตรงมุมล่างขวาจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม Back, Home, Recent
สิ่งที่เราประทับใจกับ Desktop Mode ของ MediaPad M5 Pro คือมันสามารถเปิดแอปหลายๆ แอปเพื่อสลับไปสลับมาทำงานได้เหมือนคอมพิวเตอร์จริงๆ ครับ แต่การใช้งานจริงต้องบอกว่า Android มีข้อจำกัดมากกว่าที่คิดครับ คือไม่ใช่ทุกแอปจะสามารถเปิดใช้งานใน Desktop Mode ได้ เช่น Youtube, Netflix, Facebook, Facebook Messenger หาไอคอนเปิดในโหมด Desktop ไม่เจอเลย อย่าง facebook นี่ยังสามารถบังคับเรียกขึ้นมาผ่านการกด Notification แต่บางแอปก็เปิดไม่ขึ้นเลย ซึ่งก็เข้าใจว่าแอปที่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับ Desktop Mode นั้นมีไม่เยอะ อย่าง Microsoft Word ก็ไม่สามารถปรับขนาดหน้าต่างใน Desktop Mode ได้ ก็จะเป็นแอปขนาดเท่าหน้าจอสมาร์ทโฟน เพราะงั้นถ้าจะทำงานบนโหมด Desktop เราแนะนำให้ใช้ WPS ที่แถมมากับเครื่องจะทำงานได้ดีกว่าครับ
ถ้าต้องการใช้งานแอปพร้อมกันแค่ 2 ตัว แนะนำโหมดแท็บเล็ตธรรมดาแล้วแบ่งครึ่งจอเอาดีกว่า
นอกจากนี้การเข้า Desktop mode จะต้องปิดแอปที่เปิดค้างไว้ทั้งหมดนะครับ ทำงานอะไรค้างอยู่ก็เซฟให้หมดก่อนเข้าโหมด Desktop ด้วยนะ เราจึงแนะนำว่าถ้าไม่ต้องเปิดแอปใช้งานพร้อมกันเยอะๆ ให้ใช้งานในโหมดแท็บเล็ตแล้วใช้ความสามารถแบ่ง 2 จอของ Android ในการทำงานพร้อมกัน 2 แอปแทนจะดีกว่า (เข้าโหมดนี้ได้โดยกดปุ่มสลับแอปค้างไว้) เพราะมันสามารถเปิดแอปใช้งานได้หมดทุกตัวด้วย
ความบันเทิงกับ Huawei MediaPad M5 Pro
- หน้าจอดีมาก สว่างสดใส ขนาดใหญ่ ดูหนังเรื่องไหนก็ฟิน ลำโพงที่จูนโดย Harman/Kardon ก็ให้เสียงดังและดีมากกว่าแท็บเล็ตรุ่นไหนๆ
- เป็นอีกครั้งที่เคสคีย์บอร์ดโชว์พาว เมื่อเสียบ MediaPad M5 Pro กับเคสปรากฎว่าให้เสียงดังว่าถอดเครื่องมาถือเพียวๆ อีก
- แต่อ้าววว ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 mm ซะงั้นอ่ะ ต้องใช้หัวแปลง USB-C เป็น 3.5 mm ที่แถมมาในกล่องแทน
พูดถึงเรื่องการใช้งานแท็บเล็ตตัวนี้เพื่อการทำงานไปเสียมาก แต่นี่คือ MediaPad นะ มันต้องเหมาะสำหรับการใช้งานเพื่อความบันเทิงด้วยสิ! ก็ต้องบอกว่าความสามารถด้านนี้ของมันนั้นเด่นไม่แพ้เรื่องการใช้เพื่อการทำงานเลย ด้วยจอ 10.8 นิ้วความละเอียด 2K พร้อมเทคโนโลยี Enhanced ClariVu ทำให้คุณภาพภาพจากจอตัวนี้จัดว่าดีเลย ให้ภาพสว่างและสีสันสดใส เทียบกับแท็บเล็ตราคาใกล้ๆ กันจะรู้สึกเลยว่าจอของหัวเว่ยมันให้ความสว่างดีมาก และเป็นจอแบบยาวเหมาะสำหรับการชมภาพยนตร์ด้วย
แต่เรื่องหนึ่งที่ต้องเอ๊ะดังๆ กับซีรี่ส์ MediaPad M5 คือมันไม่มีช่องหูฟัง ถ้าเป็นสมาร์ทโฟนเราอาจจะให้เหตุผลได้ว่าต้องการพื้นที่ไปติดตั้งอุปกรณ์เพิ่ม แต่นี่เป็นแท็บเล็ตขนาดใหญ่ มันก็ควรมีพื้นที่เหลือให้ติดตั้งช่องหูฟังบ้างสิ เอาเป็นว่าถ้าจะฟังเพลงผ่านสายก็ต้องใช้หัวแปลง USB-C to 3.5 mm ที่แถมมาให้ในกล่องครับ ซึ่ง Huawei ก็เคลมว่า MediaPad M5 Pro นั้นรองรับเสียงระดับ Hi-Res Audio ด้วยนะ (แต่ดันไม่มีช่องหูฟัง โถ่ชีวิตมาก)
การถ่ายภาพด้วย MediaPad M5 Pro
- กล้องดีกว่าแท็บเล็ตทั่วไป แถมได้ซอฟต์แวร์กล้องที่เก่งรอบด้านของหัวเว่ย ถ่ายกลางคืน ถ่ายไฟรถวิ่ง ถ่าย RAW ได้หมดเลย ลองดูตัวอย่างภาพกันเลย
- กล้องหลังสามารถถ่ายวิดีโอแบบ 4K ได้ด้วย!
- กล้องหน้าเหมาะสำหรับใช้ทำ Video Call มากกว่าเอาไป Selfie นะ แต่ก็ยังมีฟังก์ชั่นทำหน้าชัดหลังเบลอด้วย
แท็บเล็ตทั่วไปเราจะไม่เน้นเรื่องการถ่ายภาพสักเท่าไหร่นะครับ เพราะขนาดมันใหญ่ ก็ไม่ค่อยมีใครใช้ถ่ายภาพจริงๆ จังๆ แล้ว Huawei MediaPad M5 Pro ก็ไม่ได้โปรโมทเรื่องถ่ายภาพเท่าไหร่ แต่พอเอาไปใช้ถ่ายจริงปรากฎว่ามันก็เก่งเอาเรื่องอยู่นะ
สเปคของกล้อง MediaPad M5 Pro คือ
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล f/2.2 โฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF ไม่มีแฟลช
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล f/2.2 ฟิกซ์โฟกัส
แต่ส่วนที่ทำให้กล้องของแท็บเล็ตตัวนี้เก่งขึ้นมาได้จริงๆ คือซอฟต์แวร์กล้องครับ ที่หัวเว่ยก็ยกชุดซอฟต์แวร์กล้องมาตรฐานที่ติดตั้งในสมาร์ทโฟนรุ่นกลางๆ มาใช้เลย ทำให้มีความสามารถอย่างโหมดโปรที่ปรับ ISO หรือความเร็วชัตเตอร์ได้ แถมในโหมดโปรถ่ายแบบ RAW ได้ด้วย รวมถึงโหมดถ่ายแสงไฟให้เป็นเส้น หรือโหมดถ่ายภาพกลางคืน (แบบต้องใช้ขาตั้งนะ) ก็ทำให้ภาพที่ได้ดูน่าทึ่งไม่น้อยว่านี่เหรอเป็นภาพที่ออกจากแท็บเล็ต
กล้องหน้าก็สามารถถ่าย Selfie ได้ดีระดับหนึ่งครับ สามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ด้วยนะ แต่เทียบคุณภาพกับสมาร์ทโฟนไม่ได้นะครับ ก็เน้นเอาไว้ใช้ Video Call กันมากกว่า
ส่วนวิดีโอก็แปลกใจเลยแหละที่กล้องหลังสามารถถ่ายวิดีโอระดับ 4K ได้ด้วย เรียกว่าจัดมาให้เต็มๆ ก่อนแบบไม่มีกั้ก ใช้ไม่ใช้ค่อยว่ากัน ส่วนกล้องหน้าจะได้แค่ 720P นะครับ
ประสิทธิภาพของ Huawei MediaPad M5 Pro
- ประสิทธิภาพดีเกินพอสำหรับงานทั่วๆ ไป และการที่เครื่องมีแรมมาให้ 4 GB ก็ทำให้เปิดแอป-เปิดเว็บพร้อมกันได้มากกว่าแท็บเล็ตทั่วไป
- เล่นเกมอย่าง Asphalt 9 ได้ลื่นไหลดี ทำให้กลายเป็นเครื่องจอใหญ่ที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมเหมือนกันนะ และในอนาคตได้น่าจะอัปเดท GPU-Turbo ทำให้ประสิทธิภาพกับเกมดีขึ้นไปอีก
- จอใหญ่แบบนี้ ต้องหาซื้อจอยเกมมาเล่นด้วยกันแล้วแหละ
แม้ว่า MediaPad M5 Pro จะใช้หน่วยประมวลผลรุ่นท็อปของปีที่แล้วคือ Kirin 960 แต่ประสิทธิภาพของมันก็แรงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปเลยแหละครับ โดยเฉพาะแรมที่มีมาให้ 4 GB ก็ทำให้สลับแอปหรือเปิดหน้าเว็บได้พร้อมกันได้มากกว่าฝั่ง iPad ที่มีแรมน้อยนิดจริงๆ ในส่วนของหน่วยความจำมีมาให้ 64 GB สามารถเพิ่มผ่าน MicroSD ได้อีก 256 GB ก็น่าจะพอสำหรับการใช้งานทั่วไป
แล้วถ้าเอา Huawei MediaPad M5 Pro ไปเล่นเกมจะเป็นยังไง เราเทสกับเกมกราฟิกหนักๆ อย่าง Asphalt 9 โดยปรับกราฟิกเป็นระดับ High ผลที่ได้ก็ออกมาดีครับ ยังสามารถขับรถได้อย่างลื่นไหลแม้ว่าหน้าจอจะมีความละเอียดมากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป ส่วนทดสอบจากแอปออกมาว่า Geekbench 4.2 ได้คะแนน Multicore ไป 6,454 คะแนน ก็เป็นคะแนนระดับเดียวกับ Samsung Galaxy S8 เลยนะ ส่วน 3DMark ชุดทดสอบ Sling Shot Extreme ได้คะแนนไป 2,236 คะแนน ก็เป็นคะแนนในระดับกลางๆ ครับ เล่นเกมทั่วไปได้ แต่ในอนาคตน่าจะมีการอัปเดท GPU-Turbo ให้ MediaPad M5 Pro ด้วย ก็น่าจะเล่นเกมได้ดีขึ้นไปอีก
สรุปประสบการณ์ Huawei MediaPad M5 Pro ในประเด็นอื่นๆ
เนื่องจากว่าเราไม่มีเวลาเทส MediaPad M5 Pro นานนัก เราจึงขอสรุปประสบการณ์ที่ได้ใช้แท็บเล็ตตัวนี้ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาดังนี้ครับ
- MediaPad M5 Pro ใส่ซิมได้ 1 ซิม รองรับ 4G แถมยังโทรออกรับสายได้ด้วย! แต่ไม่ใช่เอาไปแนบหูโทรนะ จะเป็นการโทรแบบ Speakphone ซึ่งถือเป็นความสามารถที่โอเคมากๆ สำหรับแท็บเล็ตราคาแค่นี้ ต่อเน็ตผ่านซิมได้ตลอดเวลาเนี่ย
- มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ด้านขวาของจอ (ถ้าวางเครื่องแนวนอน) ก็เป็นเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ทำงานได้รวดเร็วตามสไตล์หัวเว่ย
- หัวเว่ยเคลมว่าใช้เวลาชาร์จ 2.9 ชั่วโมงในการชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 7,500 mAh ให้เต็มด้วยหัวชาร์จ Huawei Fast Charge (9V 2A) ที่แถมมาให้ในกล่อง ส่วนความอึดของแบตเตอรี่ไม่ต้องพูดถึง ใช้งานได้ยาวๆ ตั้งแต่ใช้มายังไม่เคยหมดระหว่างวันเลย แม้ว่าจะกางเครื่องเพื่อใช้พิมพ์งานนานหลายชั่วโมง
- เราทดสอบเอาภาพต่อออกจอผ่านหัวแปลง USB-C เป็น HDMI ของหัวเว่ยนะครับ (Huawei MateDock 2) พบว่า MediaPad M5 Pro ไม่สามารถต่อภาพแบบมีสายออกจอได้ แต่สามารถเสียบอุปกรณ์ USB ได้ตามปกติครับ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าสายรุ่นอื่นๆ จะต่อภาพออกได้ไหมนะครับ
- LINE เป็นแอปเจ้าปัญหาสำหรับ Android เพราะไลน์ไม่ได้พัฒนาเป็นแอปรุ่นแท็บเล็ตเหมือนที่พัฒนาให้ iPad ทำให้เราไม่สามารถใช้ล็อกอินเดียวกับในสมาร์ทโฟนบน MediaPad M5 Pro ได้ ถ้าล็อกอินเข้าไป ไลน์ในสมาร์ทโฟนจะหลุด แล้วประวัติการสนทนาที่ไม่ได้ backup ไว้จะหายไป
- เนื่องการสัดส่วนการใช้ Android เพื่อเป็นแท็บเล็ตนั้นน้อยกว่าฝั่งสมาร์ทโฟนมาก ทำให้แอปจำนวนมากไม่รองรับการทำงานในรูปแบบแท็บเล็ต คือเป็นการใช้งานแอปโดยเอารุ่นสมาร์ทโฟนมาขยายให้ใหญ่ขึ้น เช่นแอป Twitter บางแอปไม่พลิกเป็นจอแนวนอนด้วยซะงั้น
เทียบน้ำหนักของ Huawei MediaPad M5 Pro กัน
สเปคของ Huawei MediaPad M5 Pro
- CPU Processor : Kirin 960
- RAM : 4 GB
- หน่วยความจำ 64 GB สามารถเพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 256 GB
- หน้าจอ : 10.8 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1600 (280 PPI)
- กล้องหลัง : 13 MP (F2.2+PDAF) ไม่มีไฟแฟลช
- กล้องหน้า : 8 MP (F2.2+Fixed focus)
- ลำโพง : สเตอริโอ 4 ตัว Tuned by Harman/Kardon
- Android 8.0 Oreo ครอบทับด้วย EMUI 8.0
- รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือ ผ่านปุ่มโฮมด้านหน้าจอ
- รองรับปากกา M-PEN, เคสคีย์บอร์ดและ PC Mode
- Battery : 7,500 mAh รองรับ Quick Charge at 9V/2A ผ่านพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type C
- ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 mm
สรุป Huawei MediaPad M5 Pro พร้อมเคสคีย์บอร์ด น่าจะเป็นชุดแท็บเล็ตฝั่ง Android ที่ใช้ทำงานได้ดีที่สุดตั้งแต่เราเทสมาครับ ในฐานะนักเขียน เราฟินกับคีย์บอร์ดตัวนี้ ในฐานะผู้ชมภาพยนตร์ เราชอบจอที่ใหญ่ สว่าง สดใสตัวนี้ แถมได้ลำโพงเสียงดีที่ดังอีกด้วย ก็ให้ป้ายทอง แบไต๋การันตี “น่าซื้อมาก” ไปเลย!