หากพูดถึงโน้ตบุ๊กเพื่องานครีเอทีฟ เราก็ต้องคาดหวังให้มีการทำงานที่เร็ว จอใหญ่ เครื่องแรง กันอยู่แล้วแหละเนอะ ก็แหม…ถ้าไปเจอเครื่องช้า ทำงานสะดุด โหลดนานก็หงุดหงิดแย่สิคะพี่ขา!! ความกังวลเหล่านี้จะหมดไปแน่นอนค่ะ เพราะแบไต๋ขอนำเสนอ Asus Zenbook Pro 15 UX580 เครื่องแรง จอใหญ่ แถมมีจอที่ TouchPad ด้วย ซึ่งบอกเลยว่า…น่าจะเป็นโน้ตบุ๊กในฝันของคนทำงานสายครีเอทีฟแน่นอน
Asus Zenbook Pro 15 UX580 เครื่องแรง จอใหญ่ แถมมีจอ TouchPad
- มาพูดถึงจอตัวแรกที่ไม่เหมือนใครก่อน คือจอที่สามารถ TouchPad เรียกว่า ScreenPad คือจอสัมผัสที่ลงแอปได้ เรียกใช้ง่ายแค่ปัดจากขอบ ScreenPad ลงมาก็เลือกใช้งานแอปได้เลย
- เช่นควบคุมเพลงจาก Spotify
- กดเปิดดูปฏิทินและตารางนัดหมายต่างๆ
- กดเครื่องคิดเลขก็ได้ หรือจะเรียก Numpad ออกมาพิมพ์ตัวเลขเร็ว ๆ ก็ได้
- โปรแกรมไหนใช้บ่อย ๆ ก็เอามาทำ Shortcut รวมไว้ สะดวกมาก
- รวมถึงมี Asus Sync ที่ซิงค์การแจ้งเตือนหรือสายเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนมารับและคุยด้วยโน้ตบุ๊กก็ได้
- แค่ลงแอป Asus Sync ในมือถือ iOS หรือ Android ก็เชื่อมกันได้แล้ว
- ซึ่ง Asus ก็จะส่งโปรแกรมที่ใช้งานร่วมกับจอ ScreenPad มากขึ้นในอนาคตด้วย
- ตัวจอ ScreenPad ยังสามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมบางตัวอย่าง Word, Excel, PowerPoint เพื่อเปลี่ยนหน้าจอเป็นแป้นลัดให้สั่งงานได้เร็วขึ้น
- หรือเวลาดู Youtube หน้าจอนี้ก็กลายเป็นแป้นควบคุมวิดีโอ สั่งงานเสร็จก็กดปิดเพื่อเลื่อนเมาส์ต่อ
- จะควบคุมใหม่ก็ปัดนิ้วเรียกเมนู แล้วกดเรียกหน้าจอควบคุมกลับมาได้ สะดวกมากเว่อร์
- ตัวจอ ScreenPad เป็นจอภาพขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD สามารถกดที่แป้น F6 เพื่อเปิดโหมดใช้งาน 2 หน้าจอ แล้วเอาอีกจอมาไว้ที่ ScreenPad ได้
- เช่นเปิด Youtube ให้เล่นในจอ ScreenPad
- หรือเปิดโปรแกรม LINE แล้วทำงานพร้อมกับดูแชทงานไป
- หรือเวลานำเสนองานผ่าน PowerPoint ก็ใช้เป็นจอที่สองเพื่อควบคุมได้
- ซึ่งเราก็สามารถควบคุมจอเล็กได้ 2 โหมดคือ 1.โหมดเคอร์เซอร์เมาส์ ที่หน้าจอ ScreenPad ยังทำหน้าที่เป็น TouchPad ควบคุมลูกศรเมาส์อยู่ และ 2. Touch mode ที่สั่งงานจอเล็กแบบหน้าจอสัมผัสไปเลย แต่โหมดนี้เราควรจะต่อเมาส์แยกค่ะ
Asus Zenbook Pro 15 รุ่นนี้ออกแบบมาเพื่องานครีเอทีฟโดยเฉพาะ
- จอสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 4K – 3840 x 2160 pixel ที่ไม่ใช่แค่ความคมชัดสูงอย่างเดียว แต่ได้รับการจูนสีให้ตรงตามมาตรฐานอุตสาหกรรม จนได้รับตรา Pantone Validated มาแปะตรงหน้า
- ซึ่งจอนี้แสดงสีได้ครบ 100% ของขอบเขตสี Adobe RGB ที่มีค่าความผิดเพี้ยนของสีน้อยกว่า 2 ΔE (delta E)
- จอที่ละเอียดและให้สีที่ตรงแบบี้เหมาะสำหรับช่างภาพ นักตัดต่อวิดีโอ คนทำงานสิ่งพิมพ์ คืองานที่เกี่ยวกับสีสันทั้งหลายนั่นแแหละค่ะ พอจอแสดงสีได้กว้าง ก็ปรับรูปแบบการแสดงสีให้เหมาะสำหรับงานต่าง ๆ ได้
- Asus Zenbook Pro 15 ตัวท็อปที่เรารีวิวตัวนี้ใช้ Intel Core i9 Gen 8 ที่น่าจะเป็นตัวแรงสุดบนโน้ตบุ๊กตอนนี้แล้วค่ะ
- อัดแรมมาให้ 16 GB แล้วก็ SSD ให้อีก 512 GB พร้อมชิปกราฟิก GeForce GTX 1050 Ti มาด้วย
- ซึ่งวัดความแรงด้วย Geekbench 4 แบบ multi-core ได้ที่ 21,331 คะแนน แรงพอ ๆ กับ MacBook Pro รุ่นปัจจุบันตัวท็อปที่ราคาเป็นแสน แต่ถ้าเทียบราคากันแล้ว Asus Zenbook Pro 15 ขายถูกกว่าเยอะ แถมจอละเอียดกว่าด้วยค่ะ
- Asus Zenbook Pro 15 ตัวนี้ได้ลำโพง harman/kardon มาด้วย ติดตั้งอยู่ด้านใต้เครื่อง ให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าลำโพงในโน้ตบุ๊กทั่วไป
- น้ำหนักเครื่องก็แค่ 1.88 kg ถือว่าเบาสำหรับโน้ตบุ๊กจอขนาดนี้
- ดีไซน์เครื่องบาง 1.89 cm เรียบหรูตามแบบ ZenBook ค่ะ สีตัวเครื่องน้ำเงินเข้มเรียกว่า Deep Dive Blue
- พอร์ตเชื่อมต่อก็มาครบ มีช่อง Thunderbolt 3 ในรูปแบบ USB-C 2 พอร์ต , ช่องต่อ HDMI ทำให้ต่อจอพร้อมกันได้อีก 3 จอ
- สรุปแล้วสามารถแสดงผลพร้อมกันได้ 5 จอ รวมจอหลักและ ScreenPad ด้วย
- พร้อมช่อง USB 3.1 อีก 2 พอร์ต ช่องอ่านการ์ด MicroSD และช่องหูฟัง 3.5 mm ด้วย
แต่ข้อสังเกตที่พบคือ : หน้าจอ 4K นั้นแบกน้ำหนักสำหรับการเล่นเกมไม่น้อยนะเลยค่ะ วัดคะแนน 3Dmark ชุด Time Spy ออกมาได้ที่ 2,111 คะแนน ไม่สูงเท่า Gaming Notebook ถ้าจะซื้อเครื่องนี้ไปเล่นเกมด้วยก็ต้องคิดว่ามันเป็นโน้ตบุ๊กครีเอเตอร์ สรุปง่าย ๆ คือไม่ใช่โน้ตบุ๊กที่เน้นเล่นเกมเป็นหลักนั่นเองค่ะ คือแนะนำให้เล่นเกมที่ความละเอียด 1080p ก็พอค่ะจะได้ภาพที่ลื่นกว่า
ส่วนการใช้งานแป้นคีย์บอร์ดนั้น ยังต้องอาศัยความเคยชินบ้าง โดยเฉพาะปุ่มลูกศรขวากับ Fn อาจจะกดผิดกดถูกประจำ และอีกเรื่องคืออแดปเตอร์ของเครื่องมันค่อนข้างหนักถึงเครื่องจะเบา…แต่พอรวมหม้อแปลงไฟก็หนักอยู่
สุดท้ายมาถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอย กับราคาของเจ้า Asus Zenbook Pro 15 ที่ขายในไทย 2 รุ่น คือ
- ตัวท็อป Core i9 ใช้ชิปกราฟิก GeForce GTX 1050 Ti รุ่นนี้ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 89,990 บาท
- และรุ่นรองที่ประหยัดลงมา ใช้ Intel Core i7 Gen 8 และชิปกราฟิก GeForce GTX 1050 ด้วย ในราคา 69,990 บาท เท่านั้น