รีวิว Huawei P30 Pro หนึ่งในว่าที่สมาร์ตโฟนแห่งปี 2019
Our score
9.3

Huawei P30 Pro

จุดเด่น

  1. เรื่องกล้องเป็นที่หนึ่งในใต้หลา ตอนนี้ไม่มีมือถือเครื่องไหนถ่ายภาพกลางคืน หรือซูมได้ขนาดนี้ ส่วนการถ่ายภาพกลางวันทั่วไปก็ยังสวยงาม กล้องหน้าก็ปรับปรุงให้ถ่ายแล้วไม่ขาวเป็นผีแล้ว
  2. ดีไซน์เครื่องดูดี สัมผัสแน่นหนา ฝาหลังสวยงาม ให้ความรู้สึกว่าเป็นสมาร์ตโฟนพรีเมี่ยมจริงๆ
  3. ประสิทธิภาพอยู่ในอันดับต้นๆ ของตาราง ระบบระบายความร้อนอย่างดี ใช้แล้วเครื่องไม่ร้อน ความเร็วไม่ตก
  4. แบตเตอรี่อึด ใช้จนจบวันยังเหลือเกือบครึ่งหลอด ชาร์จจาก 0-100% ใน 1 ชั่วโมง
  5. EMUI 9.1 ความสามารถแพรวพราว และเสถียร

จุดสังเกต

  1. หน้าจอมีติ่งกล้องหน้า ขอบจอโค้งทำให้ติดฟิล์มยาก และมือลั่นไปโดนจอง่าย
  2. กล้องหน้าไม่มีระบบ Auto Focus
  3. ลำโพงโมโนที่ด้านล่างเครื่องตัวเดียว เพราะลำโพงแนบหูกลายเป็นระบบสั่นจอให้เสียงไปแล้ว
  4. ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 mm
  5. เพิ่มหน่วยความจำด้วย NM Card ไม่ใช่ MicroSD
  • รูปลักษณ์ภายนอก

    9.5

  • คุณภาพหน้าจอ

    9.0

  • ประสิทธิภาพเครื่อง

    9.0

  • ประสิทธิภาพกล้อง

    10.0

  • ความคุ้มค่า

    9.0

Huawei P30 Pro เป็นสมาร์ตโฟนที่กระแสแรงที่สุดในช่วงต้นปี 2019 เลยนะครับ ด้วยความน่าทึ่งของคุณภาพภาพถ่ายที่หลายคนยังไม่เชื่อว่ามือถือตัวเล็กๆ จะสามารถถ่ายภาพกลางคืนและถ่ายซูมได้ขนาดนี้ ซึ่งที่ผ่านมาแบไต๋ก็โชว์ศักยภาพของ Huawei P30 Pro กันมาเต็มเนี่ยวด้วยภาพชุดต่างๆ ที่โชว์ความสามารถกล้อง และวันนี้เราจะลงรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการใช้งาน Huawei P30 Pro ให้ตัดสินใจว่าสมาร์ตโฟนตัวนี้น่าซื้อหรือไม่ครับ

ดีไซน์คงเอกลักษณ์ P Series ผสม Mate Series

  • ดีไซน์เครื่องดูหรูหรา จับถือถนัดมือ อัดเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างลำโพงและสแกนนิ้วมือใต้หน้าจอ
  • หน้าจอสีสันสดใส ความสว่างสูง คุณภาพดีสมเป็นมือถือตัวท็อป
  • ดีไซน์ใหม่ต้องแลกกับหลายอย่าง คือไม่มีลำโพงสเตอริโอแล้ว และขอบจอโค้งอาจทำให้อุ้งมือไปโดนจนจอลั่นได้

ถ้ามองจากภาพถ่าย Huawei P30 Pro นั้นดีไซน์ฝาหลังไม่แตกต่างจาก Huawei P20 Pro ในปีที่แล้วมากนักนะครับ โดยเฉพาะลักษณะการวางกล้องหลังแนวตั้งที่ให้ความรู้สึกแบบเดียวกันเลย และขอบโค้งมนต่างๆ ที่ให้อารมณ์ว่ายังเป็นมือถือซีรี่ส์เดียวกันอยู่

แต่ที่แตกต่างจาก Huawei P20 Pro มากๆ คือด้านหน้าจอที่ Huawei P30 Pro แสดงผลมากกว่ารุ่นเดิมอย่างชัดเจน (P30 Pro ให้พื้นที่การแสดงผล 88.6% เทียบกับ P20 Pro ที่ให้ 82% ของพื้นที่ด้านหน้า) ด้วยการลดขนาดรอยบากด้านบนลงให้เหลือแค่ติ่งรูปหยดน้ำ และตัดปุ่มโฮมด้านล่างเครื่องออกไป ทำให้หน้าจอขนาด 6.47 นิ้วของ P30 Pro นั้นแสดงได้เต็มตาขึ้นกว่าเดิม แต่ก็แอบเสียดายที่หน้าจอยังมีติ่งอยู่ ซึ่งเราก็ชอบดีไซน์หน้าจอเจาะรู Punch Display แบบ Huawei nova 4 มากกว่านะ หรือถ้าสามารถออกแบบให้ไม่มีรอยบากได้จะดีมาก

หน้าจอใหญ่ขึ้น ใช้พื้นที่เต็มตาด้านหน้ามากขึ้น แต่น่าเสียดายที่ยังมีติ่งอยู่

เจาะลึกกันที่เรื่องหน้าจอนะครับ Huawei P30 Pro ใช้จอ Super AMOLED ความละเอียด FullHD+ (2340 x 1080 pixel) เป็นจอยาวอัตราส่วนภาพ 19.5:9 ซึ่งหน้าจอตัวนี้รองรับทั้งมาตรฐาน HDR10 และขอบเขตสี DCI-P3 ทำให้เวลาเปิดแอปที่รองรับ HDR อย่าง Youtube หรือ Netflix นั้นให้ภาพดีมาก ส่วนการใช้งานทั่วไปก็ให้ภาพและตัวอักษรได้ชัดเจน สบายใจ ซึ่งถ้าคิดว่าจอสีสดไปก็สามารถปรับจากโหมด Vivid เป็น Normal ได้ที่หน้า Display ใน Setting

และจอตัวนี้ก็มีความล้ำอยู่อีก 2 เรื่องคือ

  1. Huawei P30 Pro นั้นไม่มีช่องลำโพงแนบหูแล้ว แต่ใช้การสั่นสะเทือนหน้าจอเพื่อส่งเสียงแทน ซึ่งเราทดลองคุยโทรศัพท์แล้วก็ให้เสียงได้ชัดเจนดี และดีกว่าช่องลำโพงทั่วไปตรงที่เราเลือกพื้นที่เอาเครื่องแนบหูได้กว้างกว่า
  2. เซ็นเซอร์สแกนนิ้วย้ายมาเป็นแบบใต้หน้าจอ ซึ่งเซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้จอตัวนี้ก็ปรับปรุงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตัวล่าสุดที่ใช้ใน P20 Pro ถือว่าสแกนเร็วกว่ารุ่นเดิมๆ มาก และใช้งานได้แม้นิ้วเปียกครับ

สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้รวดเร็วกว่าเดิมเยอะในรุ่นนี้

ซึ่งการใช้ลำโพงแนบหูแบบใต้จอ ก็ทำให้ P30 Pro เสียความสามารถในการเล่นเสียงแบบสเตอริโอไปนะครับ เหลือลำโพงโมโนด้านใต้เครื่องลำโพงเดียวเท่านั้น แต่ลำโพงตัวนี้ก็ให้เสียงดังมากและมีคุณภาพดีใช้ได้เลย ก็ยังโอเคอยู่น้า

ส่วนที่บอกไว้ในหัวข้อว่าดีไซน์ได้มาจากซีรี่ส์ Mate ด้วยคือความรู้สึกในการจับถือคล้ายกับ Huawei Mate 20 Pro ครับ โดยกระจกด้านหน้าและด้านหลังของเครื่องโค้งรับมือเข้ามา ทำให้สัมผัสในการใช้เครื่องนั้นนุ่มนวล เครื่องเรียวขึ้น จับถือได้ง่ายขึ้นแม้จะมีจอใหญ่ขนาดนี้ แต่สำหรับบางคนที่มือมีเนื้อเยอะๆ จอโค้งก็อาจทำให้ส่วนต่างๆ ของอุ้งมือไปแตะโดนจอได้ครับ (หรือที่เรียกว่าจอมันลั่น) และจะหาฟิล์มติดกระจกโค้งแบบนี้ยากหน่อยเท่านั้นเอง

ถาดใส่ซิมอยู่ใต้เครื่อง ถัดมาเป็นช่องไมโครโฟน (ระวังอย่าเอาเข็มทิ่มซิมมาทิ่มผิดช่องล่ะ) พอร์ต USB-C และรูลำโพง

Huawei P30 Pro มีกล้องที่ทรงพลังที่สุดตั้งแต่โลกสร้างมือถือมา

  • ตั้งแต่โลกนี้ทำสมาร์ตโฟนกันมา นี่คือกล้องที่ทรงพลังที่สุดแล้ว ทั้งในแง่ระยะซูมและการถ่ายกลางคืน รวมกับ AI ทำให้โอกาสได้ภาพสวยเยอะมาก
  • กล้องวิดีโอถ่ายได้นิ่งขึ้น กล้องหน้าถ่ายได้เป็นธรรมชาติขึ้น แสงไม่สว่างเวอร์แล้ว
  • แต่กล้องหน้าไม่มี Auto-focus…

P30 Pro นั้นเป็นสมาร์ตโฟนที่แสดงความอหังการของหัวเว่ยที่มุ่งมั่นจะเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเบอร์ 1 ของโลกให้จงได้ ด้วยการอัดเทคโนโลยีกล้องหลายอย่างแบบทิ้งห่างคู่แข่งเป็นไปทุ่ง (โดยเฉพาะเรื่องการถ่ายภาพนิ่ง)

Huawei P30 Pro นั้นยังร่วมงานกับ Leica ค่ายกล้องสุดหรูจากเยอรมันเหมือนเดิมเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ที่เคยทำร่วมกันไว้ตั้งแต่ Huawei P9 เพื่อสร้างสมาร์ตโฟนที่ถ่ายรูปได้สวยที่สุดออกมา ซึ่งเราอาจเรียก Huawei P30 Pro ว่าเป็นสมาร์ตโฟน 4 กล้องตามนี้ครับ

  • กล้องหลังตัวหลัก ความละเอียด 40 MP f/1.6 (เทียบเท่าความยาวโฟกัส 27 mm) พร้อม OIS โดยใช้เซนเซอร์ SuperSensing
  • กล้องเทเลโฟโต้ ซูม 5x ความละเอียด 8 MP f/3.4 (เทียบเท่าความยาวโฟกัส 125 mm) พร้อม OIS ซึ่งสามารถทำ Hybrid Zoom ที่ยังคมชัดเหมือนใช้เลนส์ซูม โดยนำข้อมูลจากเลนส์หลักมารวมให้ได้ภาพซูม 10 เท่า (เทียบเท่าความยาวโฟกัส 270 mm)
  • กล้องหลังมุมกว้าง ซูม 0.6x ความละเอียด 20 MP f/2.2 (เทียบเท่าความยาวโฟกัส 16 mm) กล้องตัวนี้จะถ่าย Macro ได้ที่ระยะใกล้สุด 2.5 cm
  • กล้อง ToF (Time to Flight) สำหรับวัดระยะความลึกของภาพเวลาถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ

Huawei P30 Pro น่าจะเป็นมือถือถูกใจคนรักดาราได้ไม่ยาก เพราะไม่ต้องแบกเลนส์กระบอกข้าวหลามแล้ว!

ซึ่งถ้านับเลนส์ทั้งหมด Huawei P30 Pro จะสามารถถ่ายรูปได้ในช่วง 16-270 mm หรือซูม 16.8 เท่าเลย (นับตัว Hybrid Zoom 10 เท่ามาด้วย) แถมยังสามารถถ่าย Macro ได้ที่ระยะใกล้มากแค่ 2.5 cm ด้วย ซึ่งเป็นกล้อง Mirrorless ช่วงระยะขนาดนี้ คุณต้องพกเลนส์อย่างต่ำ 2 ตัวเข้าไปแล้ว ซึ่งก็หนักหลายกิโล เทียบกับการพก Huawei P30 Pro เครื่องเดียวก็ถ่ายภาพได้หลากหลายมุมมองในเครื่องเดียว

ตัวอย่างภาพ Macro จาก Huawei P30 Pro

สำหรับ Huawei P30 Pro เรานับคุณภาพภาพที่ใช้งานได้ที่ Hybrid Zoom 10 เท่านะครับ ซึ่งอาศัยการทำงานของเซ็นเซอร์หลัก 40 ล้านพิกเซลผสมกับข้อมูลจากเลนส์ซูม 5 เท่า ทำให้ได้ภาพคมชัดเทียบได้กับการใช้เลนส์ซูมปกติ แต่ถ้าสูงกว่านี้จะเป็น Digital Zoom แท้ๆ ไปจนถึง 50 เท่าแล้ว ซึ่งภาพที่ได้ก็ยังมีรายละเอียดให้ดูออกว่าคืออะไร แต่ความคมชัดจะลดลงตามลำดับครับ

ส่วนคุณภาพของภาพถ่าย ก็ดำเนินรอยตามสมาร์ตโฟนตัวท็อปของ Huawei ที่ร่วมพัฒนากับ Leica ครับ คือภาพที่ออกมาจาก P30 Pro นั้นคมชัดมาก และสดใสตั้งแต่แรกเริ่มอยู่แล้ว ซึ่งก็สามารถปรับให้สดเข้าไปอีกได้ด้วยโหมด Vivid หรือ Smooth Color นอกจากนี้ความสามารถด้าน AI ที่วิเคราะห์ซีนและปรับแต่งภาพให้เหมาะสมก็ได้รับการพัฒนาขึ้นอีก ก็เป็นกล้องที่จับถ่ายอะไรก็มีโอกาสได้ภาพสวยมากกว่าไม่สวยแหละครับ

ภาพจาก Huawei P30 Pro เรื่องความสดใสไม่ต้องพูดถึง!

แต่เราก็ไม่ได้หมายความว่า Huawei P30 Pro จะสามารถแทนกล้อง Mirrorless ได้ทั้งหมดนะครับ คือตอนนี้โอกาสในการได้ภาพ และความสามารถของ AI นั้นทำให้ผู้ใช้ได้ภาพง่ายขึ้นโดยไม่ต้องแบกกล้องใหญ่ แต่สำหรับงานที่ต้องการควบคุมกล้องอย่างละเอียดและรวดเร็ว เช่นการถ่ายภาพซูม 10 เท่าที่ต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงๆ ในการหยุดตัวแบบในภาพให้นิ่ง เราก็ต้องใช้โหมดโปรในการถ่ายและต้องปรับได้รวดเร็วพอถึงจะได้ภาพนั้น ซึ่งเทียบกับกล้อง Mirrorless ที่มีวงแหวนสั่งงานเฉพาะตัว สำหรับมือโปรเรื่องการถ่ายภาพก็สามารถปรับค่ากล้องได้รวดเร็วจนได้ภาพที่พอใจได้มากกว่า แต่เท่านี้ก็ถือว่า Huawei P30 Pro เป็นกล้องมหาประลัยที่พร้อมจะติดตัวเราไปตลอดแล้วครับ

ตัวอย่างภาพ Portrait จาก Huawei P30 Pro

ส่วนการถ่ายภาพ Portrait ก็ให้รายละเอียดการตัดขอบที่ดีกว่ารุ่นก่อนๆ ด้วยการมีกล้อง ToF แยกออกมา ทำให้เบลอฉากหลังได้หลายระดับตามความลึกของภาพที่เซนเซอร์ตรวจจับได้ แถมเลือก Bokeh ได้ด้วยว่าอยากได้ดอกไฟที่ฉากหลังเบลอแบบกลมๆ ธรรมดา แบบหัวใจ แบบเกลียว หรือแบบอื่นๆ แต่เรื่องที่อยากให้ปรับปรุง ก็อยากให้โหมด Portrait สามารถเลือกระดับความเบลอได้เหมือนโหมด Aperture เพราะบางทีเราก็รู้สึกว่ามาตรฐานมันเบลอเยอะจนแอบดูหลอกตาไปหน่อยนะ

ส่วนการถ่ายวิดีโอหน้าชัดหลังเบลอถือว่าทำได้ดีขึ้นกว่าที่ทำได้ในตระกูล Mate 20 นะครับ ระดับที่เอาไปใช้จริงจังได้มากขึ้นเลยแหละ โดยสามารถถ่ายได้สูงสุดที่ 4K 30 fps คลิปละ 10 นาที ยังไม่ถึงระดับ 4K 60 fps นะ ส่วนเรื่องการป้องกันภาพสั่นไหวเป็นยังไง ดูจากวิดีโอด้านล่างนี้ที่โชว์ทั้งหน้าชัดหลังเบลอ และเดินถ่ายจ้า

เรื่องถ่ายภาพกลางคืนก็น่าทึ่ง

นอกจากเรื่องซูมมหาประลัยของ Huawei P30 Pro แล้วการถ่ายภาพกลางคืนของ Huawei P30 Pro ก็เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากระดับที่กล้อง Mirrorless หลายรุ่นยังถ่ายภาพแบบนี้ไม่ได้เลย ซึ่งความลับของเรื่องนี้อยู่ที่ 3 องค์ประกอบนี้ครับ

  1. ขนาดเซ็นเซอร์กล้องหลักที่ 1/1.7 นิ้ว ใหญ่กว่าเซ็นเซอร์ของมือถือทั่วๆ ไป คุณภาพภาพจึงดี และใช้เทคโนโลยี SuperSensing ที่เปลี่ยนรากฐานการออกแบบเซนเซอร์ใหม่ โดยการใช้ตารางรับสีแบบ RYYB (แดง-เหลือง-น้ำเงิน) แทน RGGB (แดง-เขียว-น้ำเงิน) หรือ Bayer Filter ที่คิดค้นเมื่อ 40 ปีก่อน ทำให้รับแสงได้มากขึ้น 40% ทำให้ดัน ISO ไปได้สูงถึง 409,600
  2. เลนส์ LEICA Summilux f/1.6 รับแสงเข้ามาได้เยอะ ถ้าดูหลังเครื่องจะเห็นว่ากระจกชิ้นเลนส์ตัวหลักมันใหญ่มากสำหรับกล้องมือถือ
  3. ระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS ที่อยู่ในเลนส์หลัก ทำให้เปิดชัตเตอร์ได้นานขึ้น

ซึ่งแม้ว่ากล้อง Mirrorless จะมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่า Huawei P30 Pro มาก แต่ด้วยองค์ประกอบของเซนเซอร์ใหม่ และเลนส์ที่มีความสว่างถึง f/1.6 ทำให้โหมด Auto ของ P30 Pro ก็สามารถเก็บภาพในที่มืดได้อย่างน่าทึ่งแล้ว แต่การใช้โหมด Auto ถ่ายกลางคืนนั้นเหมาะสำหรับการถ่ายภาพที่มืดสม่ำเสมอกันทั้งภาพนะครับ ถ้าในภาพมีบางจุดที่สว่างขึ้นมา กล้องก็จะไม่ได้ดัน ISO ขึ้นมาเพื่อเร่งให้ภาพสว่างนะครับ ถ้าภาพแบบนี้ก็เหมาะที่จะใช้โหมด Night มาถ่ายมากกว่า หรือใช้โหมด Pro เพื่อดัน ISO ด้วยตัวเองให้ถึง 409,600 ได้เหมือนกัน (แต่เราว่าโหมด Auto ถ่ายสวยกว่าโหมดโปรเร่ง ISO นะ)

ถ่ายที่มืดๆ ก็กด Auto แบบนี้เลย

ผลลัพธ์ภาพถ่ายที่ใช้ ISO ระดับสองแสน

แต่ข้อควรจำอย่างหนึ่งเวลาใช้ Huawei P30 Pro ถ่ายในที่มืดคือ ใช้เลนส์หลัก 1x ถ่ายจะให้คุณภาพดีที่สุดครับ เพราะออกแบบมาเพื่อการนี้เลย ถ้าจะใช้เลนส์ 5x หรือเลนส์มุมกว้างถ่ายกลางคืน อาจจะต้องใช้ Night Mode เข้าช่วยครับ

Huawei P30 Pro ยังสามารถถ่าย RAW ได้อยู่ในโหมด Pro นะครับ แม้ว่าจะเปลี่ยนพื้นฐานของเซ็นเซอร์เป็น RYYB แต่แอปอย่าง Snapseed หรือ Adobe Lightroom CC บน Android ก็ยังเปิดไฟล์ได้อยู่ดี ซึ่งขนาดของ DNG RAW นั้นยิ่งใหญ่อลังการถึง 80 MB ต่อไฟล์ ซึ่งถ้าไม่ใช่คนชอบแต่งรูปต่อเยอะๆ เราก็ไม่แนะนำให้ถ่ายนะครับ เปลืองเมมมากๆ ซึ่งเราก็ใช้ Lightroom กดดูเร็วๆ เราก็ยังดึงรายละเอียดในภาพได้มากมายจากไฟล์ JPEG นะ ไม่ต้องไปถึง RAW ก็ดึงด้าย!

ว่าด้วยกล้องหน้าที่ดีกว่ารุ่นก่อนเยอะ

ที่ผ่านมา Huawei ตกเป็นจำเลยของสังคมมาโดยตลอดว่าถึงกล้องหลังจะเทพแค่ไหน แต่กล้องหน้านั้นแย่จนหลายคนก็ใช้กล้องหลังถ่ายภาพ Selfie แทน แต่ใน P30 Pro ปัญหาของกล้องหน้าน้อยลงไปเยอะ เพราะมีการจูนซอฟต์แวร์ใหม่ให้ถ่ายหน้าไม่สว่างวอกแล้ว และมีระบบ AI HDR+ เข้ามาช่วยเพื่อให้แสงใบหน้ากับแสงด้านหลังออกมาสมดุลย์กันมากขึ้น ซึ่งเราทดสอบกล้องแล้วก็เห็นจริงตามนั้นครับ ภาพถ่ายจากกล้อง 32 MP f/2.0 ของ P30 Pro ดีกว่าของ P20 Pro เยอะ แต่ที่ขัดใจนิดหนึ่งคือกล้องหน้าตัวนี้ไม่มี Auto Focus นะครับ ทำให้การถ่ายภาพบางระยะเหมือนชัดไม่สุดเพราะไม่ได้โฟกัส แต่สำหรับบางคนก็ชอบที่กล้องเป็น Fixed Focus เพราะกล้องจะไม่วูบวาบ เลื่อนหาโฟกัสไปมาจนน่ารำคาญเหมือนบางรุ่น

ประสิทธิภาพ ไม่แตกต่างจาก Mate 20 มากนัก

  • เครื่องเร็วและลื่นสมเป็นฮาร์ดแวร์ระดับท็อปของหัวเว่ย
  • ระบบระบายความร้อนอย่างเทพ เล่นนานๆ ก็ไม่ร้อน ความเร็วก็ไม่ตก
  • ใช้การ์ดความจำเป็น NM Card ที่มีทางเลือกน้อยกว่า Micro SD

เนื่องจากว่า Huawei P Series นั้นจะเป็นตระกูลที่เน้นการปรับปรุงเรื่องกล้องเป็นหลักครับ ทำให้สเปคเรื่องความแรงนั้นจะเหมือน Huawei Mate 20 Series ที่เปิดตัวมาเมื่อครึ่งปีก่อน โดยตัวที่เราได้รับมารีวิวจะใช้สเปคดังนี้

  • CPU: Kirin 980 (8 แกนสมอง คือ 2×2.6 GHz Cortex-A76, 2×1.92 GHz Cortex-A76 และ 4×1.8 GHz Cortex-A55)
  • GPU: Mali-G76 MP10
  • RAM: 8 GB
  • หน่วยความจำ 128 GB (รุ่นที่ขายในไทยจะมีความจุ 256 GB)
  • เพิ่มหน่วยความจำแบบ NM (Nano Memory) อีก 256 GB ที่ช่องซิม 2

เล่นเกม PUBG ด้วย P30 Pro

แม้ว่าในเรื่องประสิทธิภาพจะไม่ได้แรงกว่าตัว Mate 20 เพราะใช้ชิป Kirin 980 เหมือนกัน และไม่ได้เป็น Android ที่ทรงพลังที่สุดของตารางตอนนี้ (แพ้ Snapdragon 855 ที่ออกมาทีหลัง) แต่ Huawei P30 Pro ก็ออกแบบเรื่องประสิทธิภาพได้น่าประทับใจครับ เพราะมีการใช้ฟิล์ม Graphene ร่วมกับ Heat pipe ที่มี Vapor Chamber เพื่อช่วยระบายความร้อนจากชิปได้มีประสิทธิภาพ ซึ่งพัฒนาต่อเนื่องมาจากระบบระบายความร้อนของ Mate 20 X ทำให้แม้เล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานเครื่องก็ไม่ร้อน และประสิทธิภาพเครื่องไม่ตกลงจากปัญหาเรื่องความร้อนด้วย ซึ่งตั้งแต่เราใช้เครื่องมาก็ไม่เจออาการหน่วงใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งเวลาใช้ Social Network ต่างๆ หรือเล่นเกมอย่าง PUGB ก็สามารถปรับโหมดกราฟิกขึ้นไปได้ถึงระดับ HDR และปรับทุกอย่างให้สูงสุดเท่าที่เกมจะอนุญาตก็ไม่มีอาการเฟรตตกให้เห็นครับ

ส่วนการทดสอบประสิทธิภาพจากแอปต่างๆ ให้ผลตามนี้ครับ

การทดสอบประสิทธิภาพในโหมดปกติ

การทดสอบประสิทธิภาพใน Performance Mode

  • Geekbench 4.1 แบบ Multi-core
    • โหมดปกติได้คะแนน 9,801
    • โหมด Performance ได้คะแนน 10,088
  • Antutu 7.1
    • โหมดปกติได้คะแนน 288,292
    • โหมด Performance ได้คะแนน 315,851
  • 3Dmark ชุดทดสอบ Sling Shot Extreme – Vulkan
    • โหมดปกติได้คะแนน 4,165
    • โหมด Performance ได้คะแนน 4,316

ก็จะเห็นว่าคะแนนทดสอบระหว่างโหมดปกติที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน กับ Performance Mode ที่เปิดได้ในเมนูแบตเตอรี่นั้นแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย ซึ่งสำหรับคอเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดก็เปิด Performance Mode ก็จะได้ประสิทธิภาพสูงสุดของเครื่องครับ แต่เราเทสต์ PUBG กับโหมดปกติก็ยังเล่นลื่นๆ อยู่นะ แถมยังประหยัดแบตมากกว่าด้วย เอาเป็นว่าเล่นอะไรแล้วรู้สึกว่ามันกระตุกก็เปิดโหมดนี้ช่วยได้ครับ

สรุปประสบการณ์การใช้งาน Huawei P30 Pro

หลังจากที่เราใช้ P30 Pro มาหลายวัน ก็สรุปการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดังนี้ครับ

  • GPS ทำงานได้ดี นำทางแม่นยำ ระบุพิกัดได้รวดเร็ว
  • เรื่องแบตเตอรี่ทำได้ดีมาก เครื่องให้แบตเตอรี่มา 4,200 mAh ใช้งานปกติในชีวิตประจำวันเหลือแบตราว 40% เมื่อจบวัน ใช้งานหนักๆ ก็อยู่ได้จบวันแบบไม่ต้องชาร์จระหว่างวัน
  • ให้ระบบชาร์จเป็น SuperCharge 40W ชาร์จเร็วทันใจ เมื่อชาร์จจากเครื่องที่แบตเตอรี่เป็น 0% และเปิดไม่ติด วัดกำลังไฟที่ชาร์จเข้าได้ 9.2v 4A โดยมีความเร็วในการชาร์จดังนี้
    • ชาร์จ 10 นาทีได้ 26%
    • ชาร์จ 48 นาทีได้ 95%
    • ชาร์จเต็ม 100% ใน 59 นาที 20 วินาที (พูดง่ายๆ ว่าชาร์จ 1 ชั่วโมงก็เต็มร้อยแล้ว)

  • ระบบสั่งงานแบบ Gestures ที่ใช้การลากหน้าจอแทนการกดปุ่ม Recent, Home, Back ของหัวเว่ยนั้นทำงานได้ดี แต่จะมีปัญหาเวลาต้องเลื่อนวิดีโอใน Youtube หรือแอปวิดีโออื่นๆ เพราะบางทีระบบจะคิดว่ากำลังลากเพื่อสั่ง Back ซึ่งเทียบกับแบรนด์อื่นที่ใช้การลากจากด้านล่างของจออย่างเดียวจะมีปัญหาน้อยกว่า
  • EMUI 9.1 ของเครื่องมีความสามารถครบถ้วนอย่างเคย รองรับทั้ง VoLTE, VoWiFi, ทำ Wi-Fi Bridge เพื่อแชร์ WiFi ที่ได้รับให้เครื่องอื่นใช้ต่อได้, ทำ Video Ringtone ได้ ที่เจ๋งคือ Huawei Share แชร์ไฟล์ไร้สายให้คอมพิวเตอร์ได้ด้วย! ทำเป็น Network Drive เลย อย่างเมพ แต่รุ่นหลังๆ บันทึกเสียงสนทนาไม่ได้แล้ว
  • ระบบเสียง Dolby Atmos ก็ให้เสียงกังวาลดี แต่จะทำงานเฉพาะเมื่อต่อหูฟังเข้าไปพอร์ต USB-C เท่านั้น เพราะไม่มีช่อง 3.5 mm และต่อหูฟัง Bluetooth เจ้า Atmos ก็ไม่ทำงาน
  • Codec ของ Bluetooth รองรับหลายตัวมาก ทั้ง LDAC, AAC, aptX HD ก็ให้เสียงได้ดีถ้าใช้กับลำโพงหรือหูฟังที่รองรับมาตรฐานเสียงดีๆ
  • รองรับการชาร์จไร้สาย และสามารถทำ Reverse Charging เพื่อชาร์จ iPhone หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับมาตรฐาน Qi ได้
  • รองรับ PC Mode เพื่อต่อโทรศัพท์ขึ้นจอแล้วใช้งานแบบ PC ทั้งแบบมีสายและไร้สาย ซึ่งเราทดสอบด้วยการใช้งานแทน PC แบบ 1 วันเต็มๆ ต่อเมาส์ต่อคีย์บอร์ดแยก ก็สามารถทำงานแทนคอมพิวเตอร์ได้เกือบสมบูรณ์ ติดปัญหาที่การรองรับคีย์บอร์ดภาษาไทยภายนอกยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ตามสไตล์ Android

เสียบ Huawei P30 Pro ผ่าน USB-C Hub แล้วต่อออกจอได้เลย เอาคีย์บอร์ดเสียบ USB ก็ใช้ได้เลย

สรุป Huawei P30 Pro น่าซื้อไหม

Huawei P30 Pro นั้นตั้งราคาเปิดตัวไว้ที่ 31,990 บาท ก็จัดว่าเป็นสมาร์ตโฟนราคาพรีเมี่ยมเลย แต่ความสามารถทุกอย่างไปสุดทาง ทั้งเครื่องเร็ว กล้องดี ทำงานเสถียร ดีไซน์สวย ก็ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่น่าทึ่งที่สุดในช่วงต้นปีนี้เลย ในเมื่อสรุปความเจ๋งมาถึงขนาดนี้แล้ว ฟันธงไปเลย น่าซื้อมาก!

เจ๋งแบบนี้ เอาไปเลย น่าซื้อมาก!