รีวิว Dyson V11 Absolute เมื่อเครื่องดูดฝุ่นไร้สายมีจอพร้อมระบบตรวจพื้นผิวอัจฉริยะ!
Our score
9.4

Dyson V11 Absolute

จุดเด่น

  1. ปรับการทำงานได้ตามชนิดของพื้นผิว มีจอ LCD แสดงการทำงานและแจ้งเวลาหมดของแบตเตอรี่ทำให้วางแผนการทำงานบ้านได้ดีขึ้น
  2. เก็บละอองฝุ่นได้ดี ช่วยดูแลสุขภาพของผู้ใช้ได้ดีทีเดียว
  3. อุปกรณ์เสริมเยอะ ใช้งานได้ครอบคลุมทุกการทำความสะอาด ชอบคลิปใสมากครับไม่ต้องเดินไปหยิบ จะเปลี่ยนเมื่อไรก็ทำได้ทันที
  4. การทิ้งฝุ่นผงก็ง่ายดาย ล้างทำความสะอาดถังก็ง่ายมาก
  5. เอาติดรถไปบ้างบางเวลา อย่างเวลาไปพักผ่อนต่างจังหวัด แล้วมีเด็กๆ ซึ่งอาจมีการทำขนมหกเลอะเทอะไปบ้าง ก็ต้องทำความสะอาดกันหน่อยครับ แค่หัวกับอุปกรณ์ก็ไม่เปลืองพื้นที่เท่าไหร่ ไปยาวก็พกที่ชาร์ตไป ทำความสะอาดห้องพักบางจุดได้ด้วย

จุดสังเกต

  1. น้ำหนัก 2.95 กก. ก็ถือว่าไม่เบาสำหรับบางคน ใช้นานๆ มีเมื่อย
  2. ความแรงของเครื่องในโหมดเบาสุด ที่ใช้ได้ 1 ชั่วโมง มันเบาเกินไป อย่างน้อยก็ต้องใช้ระดับ Auto
  3. ใช้งานระหว่างชาร์จไม่ได้ ชาร์จนานเกือบ 5 ชั่วโมง
  4. ราคาถูกกว่ารุ่นท็อปปีก่อน ๆ แต่ก็ถือว่ายังราคาสูงอยู่ดี
  • รูปร่างลักษณะ

    10.0

  • ความสะดวกในการใช้

    9.5

  • ความสามารถในการทำความสะอาด

    9.0

  • ความยืดหยุ่นในการใช้งาน

    10.0

  • ความคุ้มค่า

    8.5

Dyson ชื่อนี้คงจะคุ้นหูและเป็นที่รู้จักกันค่อนข้างมากในปัจจุบันในหมู่ผู้รักความทันสมัยและเทคโนโลยี ล่าสุด dyson ได้ส่งเครื่องดูดฝุ่นรุ่นใหม่ ล่าสุดรุ่น dyson v11 Absolute ออกมากระชากใจ ซึ่งรุ่นใหม่นี้ได้ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ มีการเข้าใจปัญหา และมีความสามารถเพิ่มมากขึ้นจากรุ่นก่อนๆ ตามมาดูกันเลยครับว่ามีอะไรบ้าง

ดีไซน์ของ Dyson V11 Absolute

Dyson V11

การออกแบบของ Dyson V11 Absolute ยังคงอิงดีไซน์ใหม่ที่ปรับมาตั้งแต่ Dyson V10 รุ่นที่แล้วครับ คือมีถังเก็บฝุ่นอยู่ด้านหน้าที่ต่อตรงจากท่อดูดและเปิดทิ้งฝุ่นด้านหน้า ไม่ได้เป็นถังเก็บฝุ่นแบบเปิดทิ้งฝุ่นด้านล่างเหมือนรุ่นก่อน ๆ ซึ่งไดสันเคลมว่าดีไซน์ถังฝุ่นด้านหน้าแบบนี้ทำให้กระแสอากาศวิ่งตรง ไม่ผ่านการเลี้ยว ซึ่งทำให้กำลังดูดสูงขึ้น และใช้ดีไซน์ด้ามจับเหมือนปืน มีก้อนแบตเตอรี่อยู่ด้านล่างที่เป็นเอกลักษณ์ของเครื่องดูดฝุ่นไร้สายจากไดสันมานาน ส่วนท้ายเครื่องเป็น HEPA Filter เพื่อช่วยกรองฝุ่นละเอียดไม่ให้เล็ดลอดออกจากตัวเครื่อง ดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็กเพียง 0.3 ไมครอนได้ 99.97% กรองอากาศให้สะอาดขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าลมจากมอเตอร์ด้านหลังจะมีฝุ่นติดออกมาด้วย หากตัวกรองปิดไม่สนิท แม่เหล็กเซนเซอร์ที่ฝังอยู่ในตัวกรองจะทำให้หน้าจอท้ายเครื่องสามารถรายงานผู้ใช้ได้ ทำให้ Dyson V11 จะมีระบบการกรองที่ปิดผนึกฝุ่นอย่างแน่นสนิททั้งเครื่อง

https://www.youtube.com/watch?v=WS_7m5N7uBY

ซึ่งถังเก็บฝุ่นรุ่นนี้เป็นถังแบบโปร่งใส ทำให้เรามองเห็นปริมาณของฝุ่นที่ถูกดูดเข้าไป แนะนำว่าปริมาณฝุ่นไม่ควรถึงขีด Max วิธีการทิ้งสิ่งสกปรกในถังเก็บฝุ่นก็แสนง่าย เพราะออกแบบมาให้ยิงฝุ่นลงในถังขยะได้ทันที เพียงแค่ถือด้ามจับ แล้วดึงสลักสีแดง เท่านี้ฝุ่นก็จะลงในถังขยะ โดยที่มือเราไม่ต้องสัมผัสฝุ่นเอง เลยทีเดียวงานนี้รับรองว่าทั้งถูกสุขลักษณะและถูกใจผู้ใช้งานอย่างแน่นอนครับ

ส่วนที่แตกต่างจากไปจากเครื่องดูดฝุ่นไร้สายของ Dyson รุ่นก่อน ๆ คือหน้าจอด้านหลังเครื่องครับ ซึ่งรายงานการทำงานของเครื่องให้ผู้ใช้ทราบได้ง่าย ๆ ทั้งระยะเวลาที่เหลือสำหรับการใช้งานเครื่องก่อนนำไปชาร์จ บอกโหมดกำลังดูดที่ทำงานอยู่ รวมถึงข้อมูลบำรุงรักษาเครื่อง เช่นแจ้งเตือนการทำความสะอาดฟิลเตอร์ หรือปิดซีล HEPA Filter ท้ายเครื่องไม่แน่น ก็จะแจ้งเตือน

Dyson V11 นั้นมีจำหน่าย 2 ชุดหลักในไทยนะครับ ซึ่งตัวเครื่องนั้นจะออกแบบเหมือนกัน สีสันเดียวกัน แต่สีท่อต่อยาวจะต่างกันเพื่อให้แยกรุ่นได้ โดยรุ่น Absolute ที่มาพร้อมหัวดูดแบบ High Torque นั้นจะเป็นท่อต่อสีน้ำเงินแบบที่เรารีวิวนี้ ส่วนรุ่น Fluffy ที่ราคาถูกกว่านั้นจะมาพร้อมกับหัวดูดพื้นแบบนุ่มอย่างเดียว ไม่มีหัว High Torque มาด้วย ก็จะเป็นท่อดูดสีแดงครับ

แต่ที่ต้องติหน่อยคือน้ำหนักเครื่องครับ เฉพาะตัวเครื่องดูดฝุ่นอย่างเดียวก็หนักเกือบ 2 กิโลกรัมแล้ว ถ้าต่อหัวดูดต่าง ๆ อาจจะหนักได้เกือบ 3 กิโลกรัม ซึ่งสำหรับงานดูดแบบที่ต้องยกเครื่องตลอดเวลา เช่นการดูดเฟอร์นิเจอร์ ดูดผ้าม่าน มันก็ทำให้เมื่อยไม่น้อยเลย แม้ว่า Dyson จะบอกว่าทำสมดุลน้ำหนักมาอย่างดีแล้วก็เถอะ

โหมดการทำงานของ Dyson V11

ในโหมด Turbo ของ Dyson V11 จะดูดแรงเป็นพิเศษ แต่ก็ใช้งานได้สั้นลงด้วย
ในโหมด Turbo ของ Dyson V11 จะดูดแรงเป็นพิเศษ แต่ก็ใช้งานได้สั้นลงด้วย

เครื่องดูดฝุ่น Dyson V11 นั้นมี 3 โหมดทำความสะอาดอัจฉริยะ (Intelligent Cleaning) เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการทำความสะอาดได้หลากหลายรูปแบบ มีหน้าจอ LCD แสดงโหมดการทำความสะอาดต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ พร้อมให้สลับโหมดการทำงานได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น Eco, Auto และ Boost mode ซึ่งจะมีความแรงและระยะเวลาในการทำงานได้ที่ต่างกัน

  • โหมดอัตโนมัติ (Auto Mode) เหมาะสำหรับการทำความสะอาดทั่วไปที่ใช้เวลาไม่นานมาก สามารถตรวจจับสัมผัสพื้นผิวที่กำลังทำความสะอาดอยู่ แล้วปรับการใช้งานให้เข้ากับประเภทของพื้นได้ เช่น ดูดพื้นแข็งกับดูดพรมก็ต้องใช้กำลังการดูดที่แตกต่างกัน ซึ่งจะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อใช้หัวดูดแบบ High Torque พร้อมการปรับเปลี่ยนพลังงานและเวลาที่เครื่องดูดฝุ่นต้องใช้ได้อย่างสมดุลและเหมาะสม ให้กำลังดูดประมาณ 38.6 Air Watt และใช้งานได้ 20 – 45 นาที
  • โหมดประหยัดพลังงาน (Eco Mode) “ใช้งานได้สูงสุด 60 นาที” เหมาะสำหรับการทำความสะอาดที่ยาวนานบนพื้นทุกประเภท ถ้าคำนวนแล้วว่าการเก็บบ้านครั้งนี้ยิ่งใหญ่และยาวนาน ซึ่งต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นโดยไม่ต้องหยุดพักชาร์จเป็นเวลานาน ๆ ก็ให้ใช้โหมดนี้ครับ แต่แรงดูดจะน้อยที่สุดคือ 26 Air Watt
  • โหมดเร่งความเร็ว (Boost Mode) “กำจัดฝุ่นอย่างทรงพลัง” ใช้งานได้สูงสุด 12 นาที (เมื่อไม่ได้ต่อกับหัวดูดแบบมอเตอร์) โหมดนี้เหมาะสำหรับการทำความสะอาดแบบละเอียดของพื้นที่สิ่งสกปรกหนาแน่น ให้คุณทำความสะอาดบริเวณที่มีฝุ่นหนาหรือฝุ่นเกาะติดแน่นได้อย่างง่ายดายและไม่เปลืองแรง ให้แรงดูดสูงสุด 185 Air Watts ซึ่งมากกว่ารุ่น V10 อยู่ 20% ก็แนะนำให้ใช้เป็นจุด ๆ ครับ เพราะมันดูดได้ไม่นานเลย
แปรงเล็กสำหรับทำความสะอาด Dyson V11
แปรงเล็กสำหรับทำความสะอาด

ในส่วนของแบตเตอรี่นั้นเป็นเซลล์ความจุสูงแบบนิกเกิล-โคบอลต์-อะลูมิเนียม แคโทด 7 เซลล์ โดยแบตเตอรี่และระบบการตรวจสอบจะทำงานร่วมกันเพื่อวัดระยะเวลาของเวลาใช้งานที่เหลืออยู่ ระบบจะวัดความจุของเซลล์และการใช้อัลกอริทึ่มที่สามารถ “เรียนรู้” ได้ว่าเครื่องดูดฝุ่นของผู้ใช้ทำงานประเภทไหน กับพื้นที่ประเภทใด และใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ เพื่อคำนวณเวลาใช้งานที่เหลืออยู่ ซึ่งเมื่อมันเรียนรู้ไปสักระยะหนึ่งและสามารถปรับระบบให้ชินกับพฤติกรรมการทำความสะอาดของผู้ใช้ได้

พลังดูดสุดแรงจากดิจิตอลมอเตอร์ V11

หัวดูด Fluffy ของ Dyson V11 สำหรับดูดพื้นแข็ง ไม่เหมาะเอาไปดูดพรมแบบนี้นะ
หัวดูด Fluffy ของ Dyson V11 สำหรับดูดพื้นแข็ง ไม่เหมาะเอาไปดูดพรมแบบนี้นะ

Dyson V11 นั้นใช้ดิจิตอลมอเตอร์รุ่นล่าสุดคือ V11 สามารถหมุนได้สูงถึง 125,000 รอบต่อนาที ซึ่งมีการใช้ตัวกระจายถึง 3จุด ตัวกระจาย 2จุดแรกจะช่วยทำให้อากาศไหลอย่างเป็นระเบียบ ลดความปั่นป่วนของกระแสลม จึงช่วยเพิ่มพลังการดูด ในขณะที่ตัวกระจายจุดที่ 3 ช่วยลดเสียงที่ดังรบกวนและปรับปรุงเสียงขณะที่เครื่องทำงานให้ดียิ่งขึ้น ทำให้มีพลังดูดเพิ่มขึ้นกว่า Dyson Cyclone V10™ ถึง 20 % นอกจากนี้ ท่อไซโคลนทั้ง 14 ตัวที่อยู่ด้านหลังถังเก็บฝุ่นจะสร้างลมเหวี่ยงฝุ่นออกจากกระแสอากาศ ซึ่งแรงเหวี่ยงมีพลังมากกว่า 79,000 g ทำให้ดักจับอนุภาคขนาดที่เล็กพิเศษที่มองเห็นด้วยกล้องจุลทรรศน์ เช่น เกสร และแบคทีเรียเข้าไปในถังเก็บฝุ่น

นอกจากนี้ยังมีการออกแบบใบพัดใหม่ ซึ่งมีความยาวและบางกว่า V10 รุ่นก่อนหน้านี้เพื่อเพิ่มพื้นที่ที่สัมผัสกับอากาศโดยไม่ต้องเพิ่มมวลของใบพัด สามารถช่วยลดการโหลดของใบพัดต่อหนึ่งหน่วยของพื้นที่ ใบพัดแต่ละใบจะมีรูปร่างเป็นตัว S เพื่อให้เข้ากับรูปทรงของตัวห่อหุ้มใบพัดที่ติดตั้งอยู่ ซึ่งจะช่วยลดพื้นที่ห่างขนาดมิลลิเมตรระหว่างปลายใบพัดและตัวห่อหุ้ม สามารถลดการรั่วไหลของอากาศและเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

หัวดูดปลายแหลมของ Dyson V11 ซึ่งเป็นหัวที่ใช้บ่อยที่สุดแล้ว
หัวดูดปลายแหลมของ Dyson V11 ซึ่งเป็นหัวที่ใช้บ่อยที่สุดแล้ว

นอกจากนี้ยังมีเซนเซอร์ภายในตัวดิจิตอลมอเตอร์ V11 เพื่อรายงานกับไปยังไมโครโพรเซสเซอร์ ทำให้หน้าจอสามารถรายงานผู้ใช้ได้ทันทีหากมีสิ่งอุดตันเกิดขึ้น เนื่องจากความดันจะลดลงอย่างรวดเร็ว หากตรวจพบว่าพลังลดช้าลง นั่นหมายถึงได้เวลาที่จะต้องทำความสะอาดตัวกรองกันแล้ว

หัวดูดของ Dyson V11 Absolute

อุปกรณ์ภายในกล่อง Dyson V11 Absolute
อุปกรณ์ภายในกล่อง Dyson V11 Absolute

แน่นอนว่าเป็นเครื่องดูดฝุ่นจาก Dyson ก็ต้องมีหัวดูดหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้กัน โดย Dyson V11 Absolute นั้นมาพร้อมหัวดูดแบบมอเตอร์ 3 หัวคือ

  • หัวทำความสะอาดแบบแรงบิดสูง (High Torque) หัวมอเตอร์ทรงพลัง มาพร้อมระบบเซนเซอร์โหลดแบบไดนามิก (DLS) ที่จะตรวจจับได้ว่าพื้นผิวที่เรากำลังทำความสะอาดนั้นเป็นแบบไหน เช่นสมมติว่าเรากำลังทำความสะอาดบนพื้นในบ้าน แล้วต้องดูดฝุ่นบนพรมต่อ ระบบเซนเซอร์ตัวนี้จะสื่อสารกับ Micro Processor ของตัวมอเตอร์และแบตเตอรี่ แล้วปรับโหมดการทำงานและพลังดูดเอง ชนิดที่ว่าเราไม่ต้องปรับความแรงหรือเปลี่ยนหัวแปรงเลย โดยจะมีหัวแปรงที่อ่อนนุ่มแบบลูกกลิ้ง เพื่อใช้ทำความสะอาดพื้นแบบแข็ง สามารถดูดฝุ่นและขยะชิ้นใหญ่ไปพร้อมกันได้ (หัวดูดนี้รุ่น Fluffy จะไม่มีมาให้)
  • หัวทำความสะอาดแบบลูกกลิ้งนุ่ม (Fluffy) เหมาะสำหรับพื้นแข็ง ช่วยดึงสิ่งสกปรกขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
  • หัวดูดแบบมีมอเตอร์ขนาดเล็กในตัว (Mini Motorised Tool) เหมาะกับเวลาดูดฝุ่นตามโซฟา และบนที่นอน เพราะดูดฝุ่นละเอียดเล็กได้ดี
หัวดูด Mini Motor ของ Dyson V11 สำหรับทำความสะอาดเตียงนอน โซฟา
หัวดูด Mini Motor ของ Dyson V11 สำหรับทำความสะอาดเตียงนอน โซฟา

นอกจากนี้ก็ยังมีหัวดูดแบบพื้นฐานสำหรับงานดูดในพื้นผิวต่าง ๆ คือ

  • หัวดูด 2 in 1 หัวแปรงเลื่อนขึ้นลงได้ สำหรับปัดฝุ่นไป ดูดไป
  • หัวดูดปากแคบ ใช้ดูดฝุ่นในซอกแคบ ๆ ได้ดี
  • แปรงปัดฝุ่นขนนิ่ม ป้องกันริ้วรอยบนพื้นผิว
  • แปรงปัดฝุ่นขนแข็ง ใช้ดูดฝุ่นฝังแน่น
  • คลิปใสหนีบอุปกรณ์เสริมต่อกับท่อเพิ่มความยาว เพื่อความสะดวกในการเพิ่มอุปกรณ์ที่ต้องการใช้ไปพร้อมกัน อันนี้ดีงาม
คลิปหนีบใสสำหรับติดหัวดูดอื่นๆ ไปทำความสะอาดด้วย สำหรับ Dyson V11
คลิปหนีบใสสำหรับติดหัวดูดอื่น ๆ ไปทำความสะอาดด้วย สำหรับ Dyson V11

สรุป Dyson V11 Absolute คุ้มไหมกับราคา 27,900 บาท

ตอนนี้ Dyson V11 Absolute ถือเป็นรุ่นท็อปในกลุ่มเครื่องดูดฝุ่นไร้สายของไดสันตอนนี้นะครับ ซึ่งก็อัดเทคโนโลยีมาเต็มที่ที่สุด ซึ่งพื้นฐานของเครื่องดูดฝุ่นไร้สายจากไดสันก็คือใช้งานง่ายอยู่แล้ว พร้อมถือไปใช้งานได้ตลอดเวลา สามารถทำความสะอาดได้ทุกพื้นผิว (ยกเว้นพื้นผิวที่เปียกน้ำ) ไม่ว่าจะเป็นพื้น เตียง ผ้าม่านหรือเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ต่าง ๆ ก็พร้อมดูดทำความสะอาดได้ตลอด แต่ในแง่ของความคุ้มค่า อันนี้แต่ละคนมองไม่เท่ากันครับ เราจึงมีทางเลือกเครื่องดูดฝุ่นจาก Dyson มากมาย

หัวดูดแบบ High Torque ของ Dyson V11
หัวดูดแบบ High Torque ของ Dyson V11
  • Dyson V11 คือซีรีส์ล่าสุด มีจอด้านหลังเครื่อง กำลังดูดสูงสุด ซึ่งแบ่งเป็นอีก 2 รุ่นย่อยคือ
    • Dyson V11 Absolute คือตัวท็อป มีหัวดูดแบบ High Torque ที่ปรับการทำงานอัตโนมัติเพิ่มเข้ามา ซึ่งทำให้เครื่องปรับระบบอัตโนมัติได้สมบูรณ์ที่สุด ชุดนี้ราคา 27,900 บาท
    • Dyson V11 Fluffy แรงดูดและทุกอย่างเหมือนตัวท็อป แค่ไม่มีหัว High Torque มาให้ มีแต่หัว Fluffy ที่ทำความสะอาดพื้นแข็งได้ดี ซึ่งสำหรับคนที่ไม่มีพรมในบ้าน ใช้รุ่นนี้ก็เพียงพอครับ แถมยังมีหัวมอเตอร์เล็กสำหรับดูดที่นอนมาด้วยเหมือนกัน แต่ราคาถูกลงเหลือแค่ 25,900 บาท
  • Dyson V10 ซีรีส์ที่แล้ว ใช้ดีไซน์เครื่องแบบใหม่แล้วที่เป็นถังเก็บขยะต่อตรงมาจากท่อดูด ต่างจาก V11 ตรงแรงดูดน้อยกว่านิดหน่อย แล้วก็ไม่มีจอและระบบอัจฉริยะต่าง ๆ
    • Dyson V10 Absolute Small Bin ตัวท็อปของซีรีส์ที่แล้ว ข้อดีคือมาพร้อมหัวดูดพื้นแข็งแบบ Fluffy และหัว Direct Drive สำหรับดูดพื้นผิวอย่างพรมในราคาแค่ 23,900 บาท ซึ่งถ้าเราไม่ต้องการจอ ตัวนี้ก็ดูจะคุ้มค่ากว่า V11 สำหรับบ้านที่มีพรม
    • Dyson V10 Fluffy คือตัดหัวดูดแบบ Direct Drive ออก ที่เหลือคือเหมือนรุ่น V10 Absolute อันนี้ถือว่าคุ้มค่าที่สุดแล้วสำหรับบ้านทั่วไปเพราะขายแค่ 19,900 บาท แต่ก็ทำความสะอาดได้รอบบ้านเหมือนกัน
  • Dyson V7 Fluffy+ เครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นเริ่มต้น ราคาถูกที่สุดของไดสันตอนนี้ ดีไซน์เครื่องเป็นแบบเก่าที่ถังเก็บฝุ่นเปิดด้านล่าง แรงดูดน้อยที่สุด แต่ก็ยังมากพอสำหรับการใช้งานในบ้านอยู่ดี โดยหัวดูดพื้นมีแต่หัว Fluffy อย่างเดียว ในราคาเร้าใจแค่ 13,900 บาทเท่านั้น
เอา Dyson V11 ต่อท่อยาว แล้วดูดที่สูงก็ยังไหว
เอา Dyson V11 ต่อท่อยาว แล้วดูดที่สูงก็ยังไหว

ก็เอาเป็นว่าเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการและบ้านครับ แต่เชื่อเถอะว่าเครื่องดูดฝุ่นไร้สายจาก Dyson จะอยากทำให้เราทำความสะอาดบ้าน เพราะหยิบมาใช้ได้สะดวก พอเห็นบ้านไม่สะอาดเราก็อยากทำความสะอาดทันที ไม่เหมือนเครื่องดูดฝุ่นสมัยก่อนที่ต้องใช้เวลาเซ็ตนาน ทำให้เราขี้เกียจทำความสะอาดบ้านในที่สุดครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส