เรียกว่าในไทยนั้นมีรถอยู่ไม่กี่รุ่นที่เรายอมรับว่าขายดีจริง ๆ แบบเห็นได้ทั่วไปในท้องถนนเลย นั่นคือ All-New Toyota Corolla Altis ซึ่งกลับมาคราวนี้นับเป็นรุ่นที่ 12 ของตระกูลแล้ว ซึ่งนอกจากหน้าตาจะเปลี่ยนใหม่หมด ยังมีรุ่นเครื่องยนต์ Hybrid ที่ประหยัดน้ำมันมากกว่า และมีสิทธิพิเศษหลายอย่างที่เหนือกว่ารุ่นเครื่องยนต์น้ำมันธรรมดายังไง รู้กันที่นี่

Hybrid Car ดียังไง?

บางคนอาจมีอคติกับเครื่องยนต์ Hybrid บ้างก็กังวลถึงความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า บ้างก็คิดว่าเครื่องไฮบริดค่าบำรุงรักษาเยอะ, แบตเตอรี่แพง และราคาขายต่อจะตก ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะโตโยต้าก็ไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการ Hybrid ตั้งแต่ Toyota Prius ที่เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 1997 หรือกว่า 20 ปีก่อน ซึ่งปัจจุบันเครื่องยนต์ Hybrid ขนาด 1.8 ลิตรที่ติดตั้งใน All-New Corolla Altis ก็ถือเป็นรุ่นที่ 4 แล้ว แบตเตอรี่ก็ปรับปรุงให้จ่ายไฟได้มากกว่าเดิม มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำสุดแค่ 23.3 km ต่อลิตร ถ้าเทียบกับเครื่องยนต์น้ำมันทั่วไปในปัจจุบัน เอาเฉพาะกลุ่มรถในระดับเดียวกับ Altis ที่กินน้ำมันกันราว 15 km ต่อลิตร

ซึ่งตัวเลขนี้โตโยต้าคำนวณออกมา ถ้าเราขับรถไป-กลับที่ทำงานวันละ 42 กิโล เจ้า All-New Corolla Altis เครื่องยนต์ Hybrid จะกินน้ำมันแค่ 1.8 ลิตรต่อวัน ส่วนรถเครื่องยนต์น้ำมันเพียว ๆ ที่เราบอกว่ากินน้ำมันราว 15 km/l จะกินน้ำมันมากกว่าเกือบลิตรคือ 2.6 ลิตรต่อวัน ซึ่งถ้ารถทั้งคู่เติม E20 เหมือนกัน All-New Corolla Altis Hybrid จะเสียค่าน้ำมันถูกกว่าเกือบ 600 บาทต่อเดือน หรือปีละเกือบ 7000 บาทครับ เห็นไหมครับว่าใช้ Hybrid คุ้มค่าขนาดไหน

ต้องบอกว่า Toyota ค่อนข้างมั่นใจในความเชี่ยวชาญระบบ Hybrid เลยให้ระยะเวลารับประกันระบบไฮบริดของรถเป็น 5 ปี และตัวแบตเตอรี่ก็ประกัน 10 ปีกันไปเลย ใช้งานได้ยาว ๆ ซึ่งระบบ Hybrid ของ Altis คันนี้ไม่ต้องเสียบชาร์จไฟนะครับ ก็จะเอาไฟส่วนเกินระหว่างขับรถมาเก็บในแบตเตอรี่ แล้วจังหวะออกตัว หรือขับขี่ด้วยความเร็วต่ำก็ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการเคลื่อนที่ ก็ทำให้ประหยัดน้ำมัน และลดการปล่อยไอเสียออกสู่อากาศอีกด้วย

ความรู้สึกในการขับขี่

ความรู้สึกแรกเลยคือห้องคนขับกว้าง แล้วก็เต็มไปด้วยตัวช่วยทันสมัย อย่างหน้าปัดนี้ก็เป็นหน้าจอกราฟิกทั้งหมดซึ่งแสดงเป็นภาษาไทย ให้รายละเอียดการขับขี่ที่เปลี่ยนไปตามโหมดที่ใช้งาน โดยมี 3 โหมดดังนี้

  • Eco สำหรับการขับแบบประหยัดน้ำมัน
  • Normal โหมดปกติ
  • Power โหมดพิเศษที่จะกินน้ำมัน แต่เร่งเครื่องดีกว่าเดิมมาก

ส่วนจอตรงกลางของรถ ก็เป็นชุดเครื่องเสียงในรถ Toyota Altis Hybrid ตัวท็อปก็จะมีแผนที่นำทางมาให้ด้วย นอกจากนี้ก็แสดงการทำงานของระบบ Hybrid ให้เข้าใจง่าย ๆ ว่าจังหวะไหนขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ตอนไหนเครื่องยนต์ติดขึ้นมา แล้วจังหวะเบรค อันนี้ก็ชัดเจนว่าปั่นไฟเก็บไว้ในแบตครับ ส่วนเวลาถอยหลังจอด ก็จะเป็นจอสำหรับแสดงภาพจากกล้องด้วย

แล้วสำหรับคนขับแล้วก็ยังมี HUD หรือ Head Up Display ซ่อนอยู่เพื่อสะท้อนภาพความเร็วและทิศทางจากระบบนำทางมาที่กระจกรถด้วยนะ และอีกเรื่องหนึ่งคือเราสามารถพูดสั่งงานรถด้วยเสียงภาษาไทยได้ด้วย

ระบบความปลอดภัย

นอกจากนี้ในเรื่องของความปลอดภัยก็จัดมาเต็มคันรถ ตั้งแต่พื้นฐานคือเบรก ABS, ถุงลมนิรภัยรอบคัน, ระบบเสริมแรงเบรก BA, ระบบกระจายแรงเบรค EBD และอื่นๆ อีกเพียบ โดยที่ต้องพูดถึงคือนี่ครับ Lane Tracing Assist ที่ช่วยประคองรถยนต์ให้วิ่งอยู่กลางเลน แม้ในขณะเข้าโค้ง หรือระบบ Lane Departure Alert เพื่อช่วยหน่วงพวงมาลัยเวลารถจะออกจากเลน ซึ่งสามารถเปิดปิดได้ ส่วนถ้าเจอถนนที่ไม่มีเส้น อันนี้ก็ต้องรักษาเลนกันเองนะ ระบบช่วยไม่ได้ นอกจากนี้ Toyota Altis รุ่นท็อปยังมีระบบ Dynamic Radar Cruise Control ด้วยนะครับ ซึ่งสามารถปรับลดความเร็วจนถึงจุดหยุดนิ่งตามรถยนต์คันหน้า ทั้งหมดนี้รวม ๆ เรียกว่า Toyota Safety Sense ที่ทำให้การขับขี่ปลอดภัยขึ้นครับ

โครงสร้างภายใน

All-New Corolla Altis ยังมาพร้อมเทคโนโลยี TNGA หรือ Toyota New Global Architecture เป็นโครงสร้างของรถโตโยต้ายุคใหม่ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้รถโคลงน้อยลง ทรงตัวดีขึ้น แถมยังแข็งแรงด้วยโครงสร้างเหล็ก แต่ก็ยังยืดหยุ่น พร้อมช่วงล่างอิสระแบบปีกนกคู่ ทำให้ขับขี่ได้นุ่มนวล

และในรุ่นท็อปนี้เบาะคู่หน้าก็จะปรับไฟฟ้าได้ ซึ่งเป็นเบาะหนังสังเคราะห์ให้ทุกรุ่น ส่วนแอร์ของตัวท็อป มาพร้อมระบบฟอกอากาศ nanoe จากพานาโซนิก ซึ่งผลิตอนุภาค ion เพื่อจับฝุ่น ลดกลิ่น และทำลายเชื้อโรค ด้านหลังก็มีแอร์สำหรับคนนั่งหลัง มีเบรกมือไฟฟ้า แถมระบบตรวจสอบลมยางก็มีในรุ่นท็อปอีกด้วย

ที่สำคัญคือแท่นชาร์จมือถือไร้สายที่แค่วางมือถือที่รองรับลงไปก็พร้อมชาร์จได้เลย แถมสำหรับผู้ใช้ iPhone ใน Altis รุ่นล่าสุดนี้ก็ยังรองรับ Apple CarPlay ด้วย ทำให้การใช้งานกับมือถือง่ายขึ้นเยอะ

การตกแต่งภายนอก

การตกแต่งภายนอกของ All-New Corolla Altis นั้นก็ยังมีกลิ่นอายของ Altis เดิมที่เราคุ้นเคยกันดีครับ แต่ปรับให้เส้นสายโฉบเฉี่ยว ทันสมัยขึ้น ดูหนักแน่นด้วยความสูงที่ลดลงจากเดิม แต่ก็ยังมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางครับ เริ่มตั้งแต่ไฟหน้าของ Altis Hybrid รุ่นท็อปนี้เป็นหลอด LED แบบ Hybrid ครับ มีไฟตัดหมอกอยู่ด้านล่างนี้ ส่วนล้อเป็นล้ออัลลอย 17 นิ้ว ดีไซน์สวยงาม

มาพร้อมกระจกข้างพับได้ด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟ BSM หรือ Blind Spot Monitoring ก็ช่วยเตือนรถที่เข้ามาในมุมอับได้ ซึ่งรถสีขาวที่เราได้มารีวิวในวันนี้คือสี Pearl White นะครับ ซึ่งโตโยต้าก็ยังมีให้เลือกอีกหลายสี สีเทา สีแดง สีน้ำตาล มีให้เลือกหมด ส่วนกระโปรงรถด้านหลังก็ถือว่าให้มากใหญ่ใช้ได้ เข้าไปนอนได้สบาย ๆ

ก็ถือว่า All-New Toyota Corolla Altis นั้นสมคำว่า All-New จริงๆ ครับ ปรับเปลี่ยนไปเยอะจริง ๆ แล้วใครที่กังวลว่าซื้อรถ Hybrid แล้วขายต่อราคาจะตก เรื่องนี้โตโยต้าแก้เกมได้ดีครับ มีรับประกันมูลค่าราคาขายต่อในอนาคตหรือ GFV ที่โตโยต้าชัวร์ด้วย โดยมูลค่าของรถเครื่องไฮบริดอายุไม่เกิน 5 ปีจะไม่น้อยกว่าเครื่องเบนซิน ซึ่งถ้าตีราคาออกมาแล้วต่ำกว่ารถเครื่องเบนซิน Toyota Sure ก็จะชดเชยส่วนต่างให้ เจ๋งสุด

เรื่องการรับประกัน

นอกจากการรับประกันระบบไฮบริดของรถเป็น 5 ปี และตัวแบตเตอรี่ก็ประกัน 10 ปีแล้ว โตโยต้ายังยืดระยะเวลารับประกันตัวรถใหม่จาก 3 ปีเป็น 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตรอีกด้วย พร้อมฟรีค่าแรงเช็กระยะให้ 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร รวม ๆ นี้ประหยัดค่าบำรุงรักษาไปกว่า 30,000 บาท งานนี้ใครที่บอกว่ารถไฮบริดไม่ทน ค่าบำรุงรักษาแพง นี่โตโยต้าออกโรงรับประกันมาขนาดนี้ ก็น่าจะเบาใจไปเยอะ

จุดสังเกต

แล้ว All-New Toyota Altis มีจุดสังเกตอะไรบ้าง ก็มีอยู่บ้างครับ คือการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย บางทีก็ไม่แม่นเท่าไหร่ แล้วก็การเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน Android ที่ทำได้ไม่เก่งเท่าฝั่ง iOS ที่มี CarPlay คนใช้ Android ต้องทำใจ และนอกจากนี้เสียงลม เสียงล้อยังเข้ารถเยอะไปนิดหนึ่งสำหรับรถเก๋งแบบนี้ครับ โดยเฉพาะเมื่อขับตั้งแต่ 60 กม./ชม. ขึ้นไป ส่วนอีกข้อสำหรับคนรักเสียงดนตรีอย่างผมคือเสียงลำโพงในรถครับ ที่ว่ากันตรง ๆ ก็ไม่ได้แย่ มีมิติใช้ได้ด้วยลำโพง 6 ตัว เพียงแค่เบสอาจจะไม่แน่น เอาเป็นว่าใครแคร์เรื่องนี้ ก็ต้องอัปเกรดลำโพงรถแล้วครับ

ราคา

สุดท้าย รีวิวที่ดีต้องมีราคา! ราคาของ All-New Corolla Altis Hybrid เริ่มต้นที่ 939,000 บาท ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ราคาเครื่องไฮบริดไม่ถึงล้าน นอกจากนี้ยังมี Hybrid รุ่นกลางราคา 989,000 บาท และตัวท็อปที่เรารีวิวในวันนี้ก็ตั้งราคาไว้ 1,099,000 บาทครับ ส่วนใครไม่อยากได้เครื่อง Hybrid เจ้า Altis ใหม่ก็ยังมีรุ่นเครื่องยนต์ธรรมดาให้เลือกอีกนะครับ ทั้งเครื่อง 1.8 ลิตรในรุ่น GR Sport ที่แต่งเป็นสายสปอร์ตเลย และรุ่น 1.6G ที่ราคาแค่ 869,000 บาท ก็เลือกซื้อกันได้ สำหรับใครสนใจติดต่อตัวแทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศได้เลย

Video Supporter: Mr. George Solis

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส