Our score
6.4LINE@
จุดเด่น
- ใช้ได้จากทั้ง iOS, Android และคอมพิวเตอร์
- สามารถส่งข้อความหาผู้ใช้ได้ทั้งหมด
- สามารถส่งเนื้อหาสู่ผู้ใช้ได้หลายประเภท
- มีผู้ดูแลได้หลายคน
- เก็บสถิติการใช้งานของผู้ใช้นำมาวิเคราะห์ต่อได้
จุดสังเกต
- การชำระเงินชวนสับสน
- ค่าใช้จ่ายระยะยาวสูง
- ออกแบบระบบเมนูซับซ้อน
-
ความสะดวกในการใช้
9.0
-
ความง่ายในการใช้
5.0
-
การชำระเงิน
4.0
-
ความสามารถในการเข้าถึงผู้ใช้
8.0
-
ความคุ้มค่า
6.0
อัปเดท 15-03-2016 อัตราค่าใช้บริการ LINE@ อย่างเป็นทางการมาแล้ว ลองดูกันได้จากข่าว “SME ต้องฟัง เปิดค่าบริการ LINE@ เริ่มต้น 998 บาทต่อเดือน”
หนึ่งในบริการใหม่ที่ LINE ประกาศเปิดตัวในงาน LINE Conference Tokyo 2014 เมื่อปลายปีที่ผ่านมาคือ LINE@ หรือบริการสร้าง Official Account สำหรับธุรกิจรายย่อยที่เปิดให้บริการฟรี วันนี้เว็บแบไต๋จึงขอรีวิวให้ดูกัน
หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับ Official Account ในไลน์เป็นอย่างดี (ตามสเต็ป Add -> โหลดสติกเกอร์ -> บล็อก!) ที่ทำหน้าที่คล้ายๆ แฟนเพจในเฟซบุ๊ก ให้แบรนด์หรือศิลปินอัปเดทข่าวสารให้แฟนคลับที่กดติดตามกันเข้าไป ซึ่งปกติแล้วการสร้าง Official Account ของไลน์นั้นใช้เงินสูงมาก ระดับเป็นแสนเป็นล้านต่อเดือน เพราะถือเป็นช่องทางที่สามารถยิงข้อความหาลูกค้าจำนวนมากได้โดยตรง ซึ่งในประเทศไทย Official Account ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ไลน์จึงขอขยายกลุ่มลูกค้า Official Account เพิ่มสำหรับเจ้าของธุรกิจรายย่อยในราคาถูกลง จึงออกมาเป็น LINE@ ครับ
เริ่มต้นใช้ LINE@
การเริ่มต้นใช้ LINE@ นั้นไม่ยาก เพียงแค่โหลดแอป LINE@ มาใช้ ซึ่งมีทั้ง iOS และ Android เสร็จแล้วก็เปิดแอป แล้วเข้าใช้ในด้วยอีเมลของบัญชี LINE ส่วนตัว เพื่อเริ่มต้นสร้างหน้า LINE@ ของตัวเอง
หลังจากสมัครแล้วก็จะได้ชื่อ LINE@ มาให้คนอื่นสามารถ Add Friend เข้ามาได้ แต่บัญชีที่สร้างได้ในตอนนี้จะเป็นชื่อแบบสุ่ม เช่น @lfj8812m คือบัญชีของเว็บแบไต๋ของเรา ซึ่งถ้าเป็นชื่อสุ่มๆ แบบนี้ใครจะไปจำได้ เราก็สามารถซื้อ Premium ID เพื่อเปลี่ยนชื่อเป็นอย่างที่ต้องการ อย่างตอนนี้เราเปลี่ยนเป็น @beartai เรียบร้อยแล้ว ค่าเสียหาย $5.99 หรือประมาณปีละ 200 บาท โดยกระบวนการซื้อคร่าวๆ เป็นดังนี้
- เปิดแอป LINE ตัวหลักที่เอาไว้แซตกับเพื่อนๆ แล้วกดแท็บสุดท้าย (รุ่นภาษาไทยเขียนว่า “อื่นๆ”) กดที่ LINE Pay เพื่อผูกบัตรเครดิตเข้าระบบให้เรียบร้อยก่อน
- ใช้ LINE@ เวอร์ชั่น Android เข้า Business Store เพื่อซื้อ Premium ID หรือถ้าหากใช้ iOS ให้เข้าเว็บ Business Store เพื่อซื้อแทน โดยจะใช้ iPhone หรือคอมพิวเตอร์เข้าเว็บก็ได้
- ตั้งชื่อ @ID ของเราให้เรียบร้อย แล้วกดจ่ายเงิน ระบบจะให้ผู้ใช้เปิดแอป LINE ตัวหลักเพื่อยืนยันการจ่ายเงินภายใน 20 นาที
ใครที่เพิ่งเริ่มใช้ LINE@ น่าจะปวดหัวกับกระบวนการจ่ายเงินอยู่ไม่น้อย เพราะช่างหาเมนูเสียทรัพย์ได้ยากเย็น แถมข้อความแจ้งจากระบบยังเป็นภาษาญี่ปุ่นอีก (ที่ให้รอ 20 นาทีนั้นแหละ ทีมงานใช้ Google Translate แปลถึงเข้าใจ)
ใช้ LINE@ ทำอะไรได้บ้าง
LINE@ นั้นมีพื้นฐานมาจากการแซต ความสามารถจึงต่างจากเพจเฟซบุ๊กอยู่บ้าง โดย LINE@ มีความสามารถดังนี้
- ส่งข้อความหาเพื่อนทั้งหมดในครั้งเดียว (มีค่าบริการ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง)
- เขียนโพสต์ลง Timeline ให้ทุกคนที่เป็นเพื่อนกับเราเปิดหน้า Timeline เข้ามาเห็นได้ ซึ่งสามารถตั้งให้ส่งข้อความแล้วโพสต์ลง Timeline อัตโนมัติก็ได้
- คุยกับเพื่อนแบบ 1 ต่อ 1
- สร้างหน้าบัญชีให้มีรายละเอียดร้านได้ เช่นเบอร์ไทร เวลาปิด-เปิด
- สร้างคูปอง โปรโมชั่นพิเศษสำหรับคนที่มาติดตาม
- สร้างแบบสำรวจ สอบถามผู้ใช้เก็บเป็นสถิติได้
- ตั้งข้อความต้อนรับเมื่อเป็นเพื่อนกันครั้งแรก
- ตั้งข้อความตอบรับอัตโนมัติเวลาเพื่อนแซตเข้ามามีคีย์เวิร์คที่ระบุ
- สามารถตั้งเวลาโพสต์ได้
- ตั้งแอดมินได้หลายคน โดยแยกสิทธิ์แอดมินแต่ละคนได้ มีระดับเขียนเนื้อหาได้ แต่โพสต์ไม่ได้ด้วย
- สำหรับร้านที่มีตัวตนอยู่บนโลกจริง (ไม่ใช่ร้านค้าออนไลน์) สามารถยื่นเรื่องเพื่อให้เป็นบัญชีที่ตรวจสอบแล้วได้ด้วย ซึ่งจะทำให้น่าเชื่อถือมากขึ้น
โดยความสามารถในการสร้างคูปองและแบบสำรวจจะสร้างผ่านระบบจัดการบนหน้าเว็บ เท่านั้น ซึ่งลองใช้กันดูขอบอกเลยว่ามันซับซ้อนกว่าเพจของเฟซบุ๊กพอสมควรเลย
อัตราค่าบริการ
LINE@ นั้นเริ่มต้นใช้ฟรีครับ แต่ถ้า
- ต้องการชื่อเฉพาะเช่น @beartai แทนที่ชื่อสุ่มๆ ที่ระบบตั้งให้ เสีย $5.99 ต่อปี (~200 บาท)
- ต้องการส่งข้อความมากกว่า 1,000 ข้อความต่อเดือน เสีย $24.99 ต่อเดือน (~800 บาท) โดยจะสามารถส่งได้สูงสุด 50,000 ข้อความต่อเดือน และหลังจากนั้น (ข้อความที่ 50,001 ขึ้นไป) คิดค่าบริการข้อความละ 20 สตางค์
อ่านเร็วๆ อาจจะรู้สึกว่าบัญชีฟรีที่ให้ส่งข้อความได้ 1,000 ข้อความฟรีต่อเดือนก็เยอะมากแล้ว แต่ 1,000 ข้อความนั้นนับเป็นต่อคนนะครับ เช่นถ้ามีเพื่อนใน LINE@ 100 คน ส่ง 10 ครั้ง โค้วค้าในการส่งของเราก็หมดแล้ว (100×10 = 1,000) ถึงจะเป็นแพ็กเกจเสียค่าบริการ ถ้าเรามีสมาชิกเยอะๆ เช่น 5,000 คน ก็ส่งได้ 10 ครั้งหมดเหมือนกัน ก็ถือว่าการส่งข้อความทางนี้ ต้องคิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนใช้ครับ หลายครั้งเราจึงโพสต์แค่ Timeline อย่างเดียว เพราะไม่อยากเสียค่าส่งข้อความครับ
ซึ่งตอนนี้ LINE@ มีโปรโมชั่นสำหรับผู้ใช้ โดยสามารถขอใช้แพ็กเกจแบบเสียเงินได้ฟรีจนถึงสิ้นปี 2558 นี้นะครับ ก็ลองใช้กันดู แต่ถ้าส่งเพลินจนเกิน 50,000 ครั้งก็คิดไป หัวละ 20 สตางค์นะครับ อย่าลืม
สรุป LINE@ น่าใช้หรือน่าเมิน
เมื่อเทียบ LINE@ กับ facebook pages แล้ว ถือว่า LINE@ มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายสูงกว่าเฟซบุ๊กอยู่พอสมควร ถึงแม้เฟซบุ๊กจะกดอัตราการมองเห็นโพสต์หรือ Reach ให้ต่ำลง แต่นั้นก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้ใช้เลือกที่จะไม่จ่ายได้ แต่กับกรณีของ LINE@ ถ้าต้องการทำบัญชีจริงจัง อย่างน้อยก็ต้องจ่ายค่าชื่อปีละ 200 บาท และถ้าต้องการส่งข้อความก็ต้องเสียค่าส่งอีก
แต่ถ้ามองในมุมที่ว่า LINE เป็นแอปหลักของคนไทยไปแล้ว ทุกคนที่ใช้สมาร์ทโฟน รวมถึงผู้สูงอายุก็มีไลน์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้ที่น่าสนใจ แถมการเข้าถึงโดยข้อความจาก LINE@ นั้นสามารถเจาะเข้าถึงผู้ใช้ได้มากกว่าการโพสต์เฟซบุ๊กธรรมดาด้วย จึงเป็นเรื่องที่ต้องชั่งน้ำหนักว่าเงินที่จ่ายนั้นคุ้มค่าหรือไม่