วงการหูฟังแบบ True Wireless มาถึงยุคที่ดีไซน์สวยวิบวับวิบวับแบบสมาร์ตโฟนกันแล้ว นี่คือ Vivo TWS Neo หูฟังไร้สายที่แท้ทรูรุ่นแรกจากแบรนด์ Vivo เราเจาะลึกให้ฟังกันว่าหูฟังรุ่นนี้เจ๋งยังไงบ้าง
ดีไซน์
เริ่มต้นด้วยดีไซน์กันก่อน Vivo TWS Neo ตัวที่ได้มารีวิวตัวนี้เป็นสี Starry Blue เป็นสีน้ำเงินเข้มมาก ๆ ตัวเคสชาร์จก็มีการไล่สีสันแวววาว สะท้อนแสง ดีไซน์ก็เป็นตลับมน ๆ ตัวเล็ก ๆ โดยรวมแล้วการออกแบบเคสหูฟังนี้ไม่เหมือนหูแบบ True Wireless ตัวไหน ๆ เลย
ส่วนตัวหูฟังเป็นแบบ Half in-ear คือยื่นเข้าหูไปบางส่วน แต่ไม่ได้ยัดเข้าไปอยู่ในรูหูเหมือนแบบ in-ear ก็เป็นดีไซน์ที่ใส่ง่าย ไม่ปวดหู และมีก้านยาวออกมาเพื่อใส่ไมโครโฟนสำหรับคุยโทรศัพท์ครับ ซึ่งสีสันก็เป็นไปตามเคสคือ Starry Blue และจะมีลูกเล่นตรงมีประกายระยิบระยับที่ตัวหูฟังด้วย เหมือนเป็นดวงดาวจริง ๆนอกจากสีเข้ม ๆ แบบนี้แล้ว Vivo TWS Neo ยังมีสีขาว Moonlight White ให้เลือกด้วย เลือกได้ตามความชอบ
การควบคุม
การควบคุมหูฟังรุ่นนี้ทำได้ง่าย ๆ ผ่านการสัมผัสที่ตัวหูฟัง โดยแตะ 2 ครั้งที่หูข้างไหนก็ได้เป็นการเล่นหรือหยุดเพลง ส่วนถ้าแตะแล้วดันขึ้นหรือลงตามแนวที่หูข้างไหนก็ได้ก็เป็นการเพิ่ม-ลดเสียง ซึ่งเราสามารถปรับคำสั่งควบคุมได้จากแอปของ Vivo TWS Neo โดยสามารถเลือกให้การแตะ ๆ ข้างซ้ายหรือขวาทำงานต่างกันได้ เช่นผมเปลี่ยนการแตะ ๆ ข้างซ้ายให้เรียก Google Assistant ก็ได้ครับ นอกจากนี้หูฟังรุ่นนี้ยังมีระบบตรวจจับการสวมใส่ ถ้าถอดหูฟังออกระหว่างฟังเพลง เพลงก็หยุดให้เองครับ ไม่ต้องไปหยุดเพลงที่โทรศัพท์อีก
ส่วนที่เคสจะมีอีกปุ่มหนึ่งที่กดค้างจะเป็นการ Pair Bluetooth สำหรับเชื่อมต่อหูฟังเข้าสมาร์ตโฟนครับ ซึ่งสามารถจับคู่ได้กับสมาร์ตโฟนทีละเครื่องเท่านั้น ไม่มีความสามารถจับคู่ 2 อุปกรณ์พร้อมกันนะครับ
ซึ่งถ้าเราใช้ Vivo TWS Neo คู่กับสมาร์ตโฟน Vivo เมื่อเปิดฝาเคสจะเห็นกราฟิกแสดงแบตเตอรี่และพร้อมใช้งานทันที ส่วนถ้าใช้กับสมาร์ตโฟนแบรนด์อื่น ๆ ก็เชื่อมต่อได้รวดเร็วเหมือนกัน เพียงแต่ว่าจะไม่ขึ้นกราฟิกสวย ๆ แบบนี้เท่านั้นเอง
คุณภาพเสียง
Vivo TWS Neo ใช้ไดร์เวอร์ขนาด 14.2 mm อยู่ในหูฟังแต่ละข้าง ใช้การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth 5.2 ทำให้เชื่อมต่อได้รวดเร็ว และใช้งานได้ในระยะไกล 10 พร้อมรองรับ Codec เป็น SBC, AAC และตัวท็อปสุดที่รองรับคือ aptX Adaptive Codec ตัวล่าสุดจาก Qualcomm ซึ่งให้คุณภาพเสียงดีขึ้น และใช้อัตราการส่งข้อมูลน้อยลง สามารถปรับ Bitrate การส่งเสียงได้เองในช่วง 279kbps ถึง 420kbps ให้เหมาะสมสำหรับสภาพแวดล้อมในการใช้งาน โดยรองรับคุณภาพเสียงสูงสุด 48 kHz 24 bit ครับ ซึ่งสามารถลด Latency หรือความหน่วงของเสียงเหลือแค่ 88 ms เท่านั้นเอง
คุณภาพเสียงจาก Vivo TWS Neo ถือว่าออกมาดีเลย มีเบสแน่นใช้ได้ ถือว่าแน่นว่าหูฟังทรงแบบนี้ทั่วไป เสียงกลาง-แหลมสดใส ก็น่าจะถูกใจคนฟังส่วนใหญ่ได้ไม่ยาก
ซึ่งเรายังสามารถปรับแต่งเสียงให้ถูกใจได้มากขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี DeepX โดยถ้าเป็นสมาร์ตโฟนของ Vivo จะปรับได้จากเมนู Bluetooth ของหูฟังครับ ส่วนถ้าเป็นสมาร์ตโฟนแบรนด์อื่นๆ จะปรับได้จากแอป Vivo Earphone ก็จะมีให้เลือก 3 ตัวเลือกคือ Clear Voice ปรับเสียงร้องให้ชัดขึ้น, Mega Bass เร่งเบสให้เข้มขึ้น, Clear High Pitch คือปรับเสียงสูงให้ชัดขึ้นอีก
นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ซอฟต์แวร์ของหูฟังเพื่อค้นหาตำแหน่งของหูฟังได้จาก Find Earphones นะครับ ซึ่งดูเป็นแผนที่ก็ได้ว่าเราใช้หูฟังที่ไหน แล้วสั่งให้หูฟังส่งเสียงออกมาได้ถ้าอยู่ในระยะ Bluetooth ครับ
แต่เพราะหูฟังรุ่นนี้ไม่มีระบบลดเสียงรบกวนภายนอก และไม่ใช่หูแบบจุกอุดหูด้วย เวลาฟังในที่มีเสียงรบกวนจากภายนอกเยอะ ๆ มันจะกลบเสียงเบสให้จางลง เราจึงรู้สึกว่าเสียง กลาง-แหลม มีความฟุ้งและแหลมเยอะอยู่บ้าง เพราะเบสที่ทำให้เสียงกลมกล่อมเราได้ยินน้อยลง
ส่วนเรื่องความหน่วงหรือ Latency เราทดลองกับ Vivo V19 ซึ่งระบบแจ้งว่าการเชื่อมต่อกับหูฟังใช้ Codec เสียงเป็น SBC เราทดสอบโดยเปิด Youtube ให้เสียงที่ตรงกับปากเสมอ คอดูคลิปสบายใจได้ ส่วนการทดสอบกับการเล่นเกม พบว่าเสียงมีความหน่วงอยู่ระดับหนึ่ง
ซึ่ง Vivo ก็แจ้งว่า Codec aptX Adaptive และความสามารถ AI dynamic low latency ที่ทำให้เสียงจากเกมมีความหน่วงต่ำมากๆ ตอนนี้ใช้ได้กับสมาร์ตโฟนตัวท็อปของค่ายคือ Vivo X50 เท่านั้นครับ ส่วนรุ่นอื่น ๆ คงต้องรอกันต่อไป
การเชื่อมต่อ
Vivo TWS Neo ใช้การเชื่อมต่อแบบ Dual Channel Transmission 2.0 หรือเชื่อมต่อหูฟังทั้ง 2 ข้างกับสมาร์ตโฟนแยกเป็นอิสระ เราสามารถใช้หูฟังข้างใดข้างหนึ่งก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเสียบ 2 ข้างตลอด มีประโยชน์ตอนรับสายโทรศัพท์ที่ใช้หูเดียวคุยโทรศัพท์ก็ได้
ซึ่งคุณภาพเสียงการคุยโทรศัพท์ออกมาดีเลย คู่สนทนาไม่บ่นเรื่องเสียงที่ได้ยิน เพราะตัวหูฟังแต่ละข้างมีไมโครโฟน 2 ตัว เอาไว้ตัดเสียงรบกวนครับ และไมค์ตัวหลักที่อยู่ตรงปลายหูฟังก็เป็นไมค์ที่บีมเสียงจากปากของเราด้วย
แบตเตอรี
ส่วนอายุแบตเตอรี Vivo TWS Neo สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 4.5 ชั่วโมง สำหรับการเอาหูฟังค้างในหูแล้วฟังไปเรื่อย ๆ ซึ่งสามารถเอาไปชาร์จในเคสชาร์จได้อีก 4 รอบ รวมแล้วสามารถใช้งานต่อเนื่อง 22.5 ชั่วโมง โดยพอร์ตชาร์จที่เคสเป็น USB-C ก็ถือว่าชาร์จไฟได้รวดเร็วดี
สรุปแล้ว Vivo TWS Neo ถือเป็นหูฟังแบบ True Wireless ที่ดีตัวหนึ่งเลย ทั้งดีไซน์ สีสันนี่สวยเลย ใส่ง่าย ใส่สบายไม่เจ็บหู ให้เสียงได้ดีในระดับของหูฟังทรง Half in-ear คุยโทรศัพท์ได้ดี รวมถึงมีลูกเล่นของชอฟต์แวร์ที่น่าสนใจ แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการระบบตัดเสียงรบกวนภายนอกครับ
ราคา
รีวิวที่ดีก็ต้องมีราคา สำหรับ Vivo TWS Neo นั้นตั้งราคาเปิดตัวในไทยไว้ที่ 2,999 บาท ซึ่งก็เป็นราคาที่โอเคเลย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส