วันนี้ผมจี๊ด-สุนทร สุจริตฉันท์ขอเข้าร่วมขบวนการแบไต๋ นักรีวิวอย่างเป็นทางการครับ เป็นทาเลนต์ของแบไต๋ต้องรีวิว บอกจุดเด่นจุดสังเกตของผลิตภัณฑ์ได้! และของชิ้นแรกที่ผมจะรีวิวในวันนี้ ถูกใจคุณพ่อบ้านแม่บ้านแน่นอน นี่คือ Dyson V8 Slim เครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นล่าสุดจากไดสัน ที่ราคาเริ่มต้นแค่ 13,900 บาทเท่านั้น ซึ่งนี่เรียกว่าถูกของแบรนด์นี้แล้วครับ
หัวดูด Fluffy
หัวดูดที่ปรับปรุงใหม่คือหัว Fluffy ตัวนี้ครับ ซึ่งจะเป็นหัวที่มีขนนิ่ม ๆ เวลาใช้งานจะมีมอเตอร์หมุนขนแปรงนี้ไปกับพื้นเพื่อปั่นฝุ่นออกมาให้ดูด หัว Fluffy นี้เหมาะมากสำหรับใช้ทำความสะอาดพื้นแข็งในบ้านทั่วไป แต่ไม่เหมาะสำหรับการทำความสะอาดพื้นพรมนะครับ ซึ่งหัวดูด Fluffy รุ่นใหม่นี้มีขนาดเล็กลงและเบาลง 40% จากหัวดูดของ Dyson V8 รุ่นเดิม ด้วยการใช้วัสดุภายในเป็นอลูมิเนียมน้ำหนักเบา และลดเส้นผ่านศูนย์กลางของแกนหมุนลงอีก 29% แต่ก็ยังมีประสิทธิภาพในการเก็บฝุ่นที่พื้นได้ดีเหมือนเดิมครับ
ซึ่งถ้าคุณเคยใช้เครื่องดูดฝุ่นไร้สายของ Dyson มาก่อนน่าจะจำความหนักของหัว Fluffy กันได้ ที่ยกไปยกมาทั่วบ้านก็เหนื่อยแล้ว แต่หัวดูดรุ่นใหม่นี้ออกแรงน้อยกว่าเดิมเยอะ ลองชั่งน้ำหนักเทียบกันดูได้ครับ แถมท่อดูดอลูมิเนียมสีแดงตัวนี้ก็มีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กลงด้วย ซึ่งก็ทำให้น้ำหนักเบาลงอีก
หัวดูดปากแคบพร้อมไฟส่อง
นอกจากนี้หัวดูดใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจมากของ Dyson V8 Slim คือหัวดูดปากแคบพร้อมไฟส่องครับ ทำให้การทำความสะอาดที่แคบและมืดทำได้ง่ายขึ้นไปอีก แล้วเด็กๆ ก็จะชอบเอาไปเล่นเป็นกระบี่แสงอีก ซึ่งหัวปลายแหลมนี้ จะเสียบตรงๆ กับเครื่อง หรือจะต่อเสริมกับท่อดูดสีแดงนี้เพื่อเสริมความยาว เอาไว้ดูดในที่สูงได้สบาย
หัวมอเตอร์ขนาดเล็ก
และหัวดูดอีกตัวที่จะได้ใช้กันบ่อยคือหัวมอเตอร์ขนาดเล็กครับ ข้างในจะมีแปรงเล็ก ๆ เพื่อปัดฝุ่นแล้วดูดออกมา ก็เอาไว้ดูดไรฝุ่น ดูดที่นอน ดูดเฟอร์นิเจอร์ผ้าได้อย่างดีเลย แต่สิ่งที่ Dyson V8 Slim เหมือนกับ Dyson V8 ที่ออกมาก่อนหน้านี้คือตัวเครื่องดูดครับ สามารถปรับความแรงได้ 2 ระดับ คือแบบธรรมดา ใช้งานนานสุด 40 นาที และโหมดแรงดูดสูง เสียงดังหน่อย ให้พลังดูดสูงสุด 115 Air-Watt โดยใช้งานได้ 7 นาที ซึ่งเทียบกับ Dyson V11 รุ่นท็อปสุดตอนนี้จะมีพลังดูด 185 Air-Watt
นอกจากนี้ตัวเครื่องดูดก็มีท่อไซโคลน 15 ท่อเพื่อสร้างลมหมุนเหวี่ยงฝุ่นออกจากกระแสอากาศเพื่อให้ตกลงในถังเก็บฝุ่นเหมือนกัน ถังเก็บฝุ่นเป็นแบบเปิดทิ้งขยะลงด้านล่างเหมือนเครื่องดูดฝุ่นไดสันยุคก่อน ไม่ได้เปิดทิ้งขยะด้านหน้าเหมือนรุ่นใหม่ ๆ
ดีไซน์
ส่วนของไส้กรองจะใช้เป็นพลาสติกใส มองเห็นด้านใน ส่วน HEPA Filter ด้านท้ายเครื่องที่กรองฝุ่นละเอียดก่อนออกจากเครื่องก็ปรับไปใช้ดีไซน์โปร่งใสเหมือนกัน ก็ดูแล้วสวยงามดีครับ สรุปส่วนเครื่องดูดของ Dyson V8 Slim Fluffy นี้หนักพอๆ กับ Dyson V8 เดิม ความแรงเท่าเดิม สามารถก็เท่าเดิมด้วย
ข้อสังเกต
- หัวดูดแบบ Fluffy นั้นไม่เหมาะสำหรับการดูดพรมเท่าไหร่นักครับ บ้านใครมีพรมเยอะ ๆ ให้ดูเป็นรุ่นที่มีหัวดูดแบบแปรงแข็งดีกว่า
- เครื่องดูดฝุ่นไร้สายของไดสันไม่สามารถดูดน้ำได้ ดูดที่แห้งอย่างเดียว
- ไม่สามารถเสียบสายชาร์จระหว่างที่ใช้งานเครื่องได้ ก็ถ้าใช้แล้วแบตหมด ก็ต้องเสียบชาร์จสักพักเลย ถึงจะใช้ต่อได้ครับ
Dyson V8 Slim นั้นมีขาย 2 รุ่นย่อยในไทย
- รุ่นที่เรารีวิวนี้คือ Dyson V8 Slim Fluffy+ ราคา 14,900 บาท ก็จะได้หัวดูดครบแบบนี้ มีหัวดูดที่นอนโดยเฉพาะ แล้วก็หัวดูดแบบแปรงขนนุ่มนี้มาด้วย
- ส่วนอีกรุ่นหนึ่งคือ Dyson V8 Slim Fluffy ราคา 13,900 บาท จะไม่มีหัวดูดที่นอนโดยเฉพาะ แล้วก็หัวดูดขนนุ่มครับ แล้วหัวดูดปลายแหลมก็จะเปลี่ยนเป็นรุ่นธรรมดา ไม่ได้เป็นหัวดูดเรืองแสงแบบนี้
แล้วเราควรเพิ่ม 1,000 บาทเอารุ่น Plus ไหม ผมขออนุญาตให้ความเห็นดังนี้ครับ 2 หัวที่เพิ่มมาในรุ่น Plus นี้ไม่จำเป็นเลยครับ ปกติเราก็ใช้หัวดูดมอเตอร์เล็กในการทำความสะอาดที่นอนหรือเฟอร์นิเจอร์อยู่แล้ว แล้วเราก็ยังมีหัวดูด 2 in 1 ตัวนี้ที่มีแปรงในตัวที่ได้ใช้บ่อยกว่าหัวที่หายไป 2 หัวนี้อีก เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่ได้อยากได้หัวแหลมเรืองแสง คุณเลือก Dyson V8 Slim Fluffy ตัวธรรมดาก็ได้ ประหยัดได้ตั้งพันหนึ่งครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส