คนทำงานในยุคนี้ บางครั้งเราก็มักจะเกิดไอเดียแบบปุบปับ พอคิดได้ก็รีบจดเพราะกลัวลืม แต่บางทีก็ลืมวางไว้ไกล ๆ พอเดินไปเอามาจด… ลืม!! แถมแท็บเล็ตที่ว่านี้ก็ไม่เหมาะกับการทำงานหลาย ๆ อย่างอีก ทำให้เราต้องพกทั้งโน้ตบุ๊ก ทั้งแท็บเล็ต ไหนจะมีมือถืออีก เยอะแยะเต็มไปหมด!
ดังนั้นวันนี้ ผึ้งมีตัวเลือกที่จะมาตอบโจทย์คุณกับ ThinkBook Plus ตัวที่อยู่ในมือของผึ้งนี้เลย มาดูกันว่าจะเหมาะอย่างที่ผึ้งบอกขนาดไหน?
ดีไซน์
ผึ้งขอพูดถึงรูปลักษณ์ภายนอกก่อนนะคะ เริ่มจากวัสดุของตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียมผสมกับไฟเบอร์กลาส มีความแข็งแรงทนทานดีค่ะ ในด้านบานพับเครื่องก็ออกแบบมาดีมาก สามารถพับขึ้นลงได้มากกว่า 100,000 ครั้งเลยทีเดียว!
และโดดเด่นที่สุดก็คงไม่พ้นหน้าจอด้านหลังซึ่งเป็นจอแบบ E-Ink ขนาด 10.8 นิ้วตัวนี้ เดี๋ยวผึ้งจะมาบอกว่ามันเจ๋งขนาดไหน? แถมที่สำคัญยังมาพร้อมกับปากกา Lenovo Precision Pen อีกด้วย แต่ก่อนอื่นเรามาลองชั่งน้ำหนักกันก่อนเลยดีกว่า
น้ำหนัก
ลองชั่งดูแล้ว น้ำหนักที่ได้ก็อยู่ที่ประมาณ 1.4 กิโลกรัมนะคะ ถ้ารวมตัวอะแดปเตอร์ชาร์จไฟจะอยู่ที่ 1.7 กรัม โดยรวมถือว่าพอจะพกพาไปไหนมาไหนสะดวกเลยล่ะค่ะ
หน้าจอ
ส่วนทางด้านหน้าจอหลักมีขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด FullHD 1080p เป็นจอแบบ IPS 100% sRGB ให้สีสันตรงตามความเป็นจริง มีค่าความสว่างหน้าจออยู่ที่ 300 nits
พอร์ตการเชื่อมต่อ
ส่วนพอร์ตรอบตัวเครื่องเริ่มจากทางซ้ายก็คือพอร์ต HDMI 1.4b ถัดมาคือพอร์ต USB-C ซึ่งเป็น DisplayPort และพอร์ตสำหรับชาร์จไฟในตัวค่ะ ต่อมาคือพอร์ต 3.5mm สำหรับหูฟังและไมค์แยก ส่วนทางขวาจะมีพอร์ต USB-A 3.0 ให้ 2 ตัวค่ะ
และสุดท้ายก็คือปุ่มสำหรับเปิด – ปิดเครื่อง รวมไปถึงสามารถสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกหน้าจอผ่าน Windows Hello ได้ด้วยนะคะ แบบนี้ไง ง่ายไหมล่ะ?
แบตเตอรีและการใช้งาน
พูดถึงโน้ตบุ๊ก ก็ต้องนึกถึงเรื่องของการพกพาใช้ไหมคะ ThinkBook Plus ตัวนี้ เอาจริง ๆ เราแทบไม่ต้องพกอะแดปเตอร์ไปข้างนอกเลยค่ะ เพราะว่าเราสามารถใช้งานได้นาน 8 – 10 ชั่วโมงโดยไม่ต้องชาร์จไฟเข้าเลย และหากต้องการชาร์จก็สามารถเปิดโหมด Rapid Charge ที่ชาร์จ 0 – 80% ในเวลา 30 นาทีเท่านั้นเอง
ประสิทธิภาพเครื่อง
เพราะ Lenovo ThinkBook Plus ใช้ CPU Intel Gen 10th ซึ่งเป็น CPU รุ่นล่าสุดที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น พร้อมทั้งลดการใช้พลังงานลงอย่างมาก โดยทำงานร่วมกับ Intel®Optane™ ที่ติดตั้งมาในเครื่อง ซึ่งเป็นหน่วยความจำพิเศษที่จะทำการดึงเอาไฟล์เอกสารหรือรูปภาพต่าง ๆ มาเก็บเป็น Buffer ไว้ เพื่อให้ CPU สามารถเรียกใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้เราสามารถทำงานได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุดเลยล่ะค่ะ
รุ่นที่ผึ้งใช้ตัวนี้เป็น CPU Intel Core i5 ที่มาพร้อมกับ ntel®Optane ขนาด 16GB ซึ่งมาพร้อมกับ Ram 8 GB และหน่วยเก็บข้อมูล SSD ขนาด 256 GB มาดูผลทดสอบประสิทธิภาพกันเลยดีกว่าค่ะ
เริ่มตั้งแต่การทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมผ่านโปรแกรม PCMARK10 ก็ได้ผลคะแนนโดยรวมอยู่ที่ 3,576 คะแนน โดยมีความโดดเด่นในด้านการทำงานรูปแบบเอกสาร และการใช้งานทั่วไปค่ะ ส่วนการทดสอบด้านกราฟิกผ่านโปรแกรม 3DMark ในโหมด Night Raid ที่ใช้สำหรับทดสอบคอมพิวเตอร์ทั่วไป ก็ได้คะแนนออกมาที่ 4,260 คะแนนค่ะ และสำหรับการทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยบันทึกข้อมูล SSD ผ่านโปรแกรม CrystalDiskMark นั้น ได้ความเร็วในการอ่านที่ 3,292 MB/s และความเร็วในการเขียนอยู่ที่ 2,949 MB/s ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงเลยทีเดียวค่ะ
จากที่ผึ้งลองใช้งานทั่วไป ก็บอกได้ว่าค่อนข้างลื่นไหลเลยนะคะ ไม่ว่าจะเปิดเว็บไซต์ หรือทำงานเอกสารต่าง ๆ ผ่านโปรแกรม Word Excel PowerPoint ก็ตอบสนองทันที ไม่มีอาการหน่วงเลยล่ะค่ะ
ลำโพง
ส่วนใครจะดูหนัง ฟังเพลง ThinkBook Plus ก็มาพร้อมลำโพง Harman Kardon ที่ให้เสียงดีมาก ๆ ตอบโจทย์คุณแน่นอนค่ะ
กล้อง
ส่วนเรื่องของกล้องหน้า ผึ้งลองด้วยโปรแกรม Camera ที่ติดมากับเครื่อง ก็บอกได้ว่าภาพที่ได้ค่อนข้างชัดเจน ตอบโจทย์การทำงานแบบ Work From Home ที่เน้นการประชุม ออนไลน์แบบสุด ๆ
และพูดถึงการประชุมออนไลน์แล้ว Lenovo ThinkBook Plus ออกแบบมารองรับโปรแกรม Skype โดยเฉพาะ ซึ่งเขามีปุ่มพิเศษที่เรียกว่า Skype HotkeyX ซึ่งสามารถกดรับสาย – วางสายทันทีสำหรับโปรแกรม Skype ได้อีกด้วยค่ะ แถมไมค์ที่ติดมาพร้อมกับเครื่องนี้ยังได้รับการรับรองจาก Skype ว่าเสียงชัดแจ๋วด้วยนะ
จอ E-Ink
และก็มาถึงจุดเด่นสำคัญของ Lenovo ThinkBook Plus ตัวนี้ นั่นคือด้านหลังเครื่องที่เป็นจอ E-Ink แบบขาวดำตรงนี้ค่ะ ซึ่งจอนี้ทันทีที่เราพับเครื่องลงมาโดยไม่ได้ปิดเครื่อง หน้าจอจะติดขึ้นมาให้เราใช้งานทันที หรือจะใช้งานแบบเปิดหน้าจอก็ได้นะ แต่ผึ้งว่าพับไว้สะดวกกว่าเยอะ
เรามาดูกันที่หน้าจอนี้เราจะเห็น 3 ปุ่มหลักทางซ้ายล่าง และปุ่มเล็ก ๆ ด้านบนนะคะ ปุ่มแรกคือหน้า Calenda สำหรับแสดงว่า วันนี้เรามีนัดอะไรบ้าง ถัดมาคือปุ่มสำหรับแสดงอีเมลล์ที่เข้ามา ก็น่าจะตอบโจทย์คนที่ไม่ชอบเปิดโปรแกรม Outlook ทิ้งไว้ เพราะ เราสามารถอ่านผ่านตรงนี้ได้เลย
ถัดมาคือปุ่มรูปดินสอ เห็นแบบนี้ก็รู้เลยว่า มันคือปุ่มสำหรับจดบันทึกนั่นเองค่ะ โดยเฉพาะเวลาไอเดียแบบปิ๊งขึ้นมาตอนพับเครื่องไว้อยู่ ก็คว้าปากกาจากข้าง ๆ เครื่องมาเขียนได้ทันที ไม่ต้องเปิดเครื่องขึ้นมา สะดวกรวดเร็วสุด ๆ
โดยที่เราสามารถปรับรูปแบบหน้าตาได้ทั้งแบบกระดาษขาว แบบ To-do List หรือจะเป็นแบบมีเส้นก็ทำได้อย่างอิสระเลยค่ะ
และหลังจากจดเสร็จแล้ว ถ้าเราอยากบันทึกไว้บนเครื่อง ก็ทำได้ง่าย ๆ แค่กดไปที่จุดไข่ปลาด้านบน แล้วเลือกว่าเซฟไปที่ Desktop แค่นี้ไฟล์ที่เราจดบันทึกเอาไว้ก็จะมาอยู่ที่หน้าจอแล้วค่ะ หรือจะทำการ Sync เข้ากับ OneNote ก็สะดวกมาก
นอกจากนี้ยังสามารถ Copy ข้อความที่เราเขียนออกมาเป็นตัวหนังสือได้ด้วยนะ ซึ่งปัจจุบันรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษค่ะ
ส่วนปุ่มรูปหนังสือ เห็นแบบนี้ก็รู้ได้ทันทีว่า เป็นปุ่มสำหรับอ่านไฟล์ PDF นั่นเองค่ะ ซึ่งเราสามารถเปิดไฟล์ PDF ในเครื่องมาอ่านได้ทันที รวมไปถึงเรายังสามารถเขียนลงไปเพื่อ Note จุดสำคัญได้อีกด้วย ทำให้เวลาตรวจงานเอกสาร ก็ใช้หน้าจอนี้แหละค่ะ สะดวกมาก!
ส่วนปุ่มสุดท้ายคือการตั้งค่าต่าง ๆ ของหน้าจอ E-ink นี้ ซึ่งหลาย ๆ คนคงจะเบื่อหน้าจอดำ ๆ แบบนี้ใช่ไหมคะ เราสามารถนำภาพอะไรก็ได้ที่เป็นไฟล์ .jpeg มาติดตั้งเป็น Background ของจอได้ทั้งรูปแบบภาพเดี่ยว หรือจะเลือกมาทั้ง Folder ให้หมุนวนไปเรื่อย ๆ ก็ทำได้เช่นกัน รวมไปถึงการตั้งค่าอื่น ๆ ของจอก็อยู่ตรงนี้ทั้งหมดค่ะ
จุดสังเกต
- อย่างแรกเลยคือ เรื่องของสเปคที่ไม่เหมาะกับทำงานด้านกราฟิกหนัก ๆ เท่าไหร่ เพราะไม่มีการ์ดจอแยกค่ะ และ
- อีกเรื่องคือไม่มีที่เก็บปากกาแบบมิดชิด แม้การติดด้วยแม่เหล็กแบบนี้จะค่อนข้างแน่นหนึบก็ตาม แต่ก็มีโอกาสร่วงหายได้อยู่นะ
ผึ้งก็แนะนำว่าเวลาพกพาไปไหนมาไหนก็ใส่ซองเก็บเครื่องที่เขาแถมมาด้วยแบบนี้ดีกว่าค่ะ ปลอดภัยกว่าเยอะ
ราคา
ปิดท้ายด้วยราคาของ Lenovo ThinkBook Plus ตัวนี้มีราคา เริ่มต้นที่ 35,771 บาท มาพร้อมปากกา Precision Pen ซองสำหรับใส่เครื่อง และประกัน 1 ปี สามารถซื้อเพิ่มเป็น 3 ปีแบบ On-Site Service ได้ด้วยนะคะ ถ้าใครสนใจก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าไอทีชั้นนำ และตัวแทนจำหน่ายของ Lenovo ทั่วประเทศค่ะ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส