Our score
9.2Dyson Digital Slim
จุดเด่น
- น้ำหนักเบากว่า Dyson รุ่นก่อนหน้านี้อย่างมาก ทำความสะอาดได้สนุกกว่าเดิม
- หัวเปลี่ยนที่ยังคงมีมาให้ครบครันพร้อมทุกสถานการณ์
- พกพาง่าย ใช้ได้ทุกที่ และสามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรีสำรองได้
- แรงดูดสูง ทำความสะอาดได้ดีจนไม่ต้องถูบ้านเพื่อขจัดฝุ่นซ้ำ
จุดสังเกต
- ถ้าใช้หมดอื่นนอกจาก Eco แบตเตอรีจะอยู่ได้ไม่นาน
- ราคาค่อนข้างแรงในระดับหนึ่งเมื่อเทียบในรุ่นใกล้เคียง
- ไม่สามารถดูดฝุ่นไปชาร์จไปได้
- ถังเก็บฝุ่นมีขนาดเล็ก จะต้องทิ้งฝุ่นบ่อย
- แต่ถ้าเทียบกับ Dyson รุ่นอื่นๆ ก็ถือว่าให้แรงดูดน้อยลง
-
รูปร่างลักษณะ
10.0
-
ความสะดวกในการใช้
9.0
-
ความสามารถในการทำความสะอาด
8.5
-
ความยืดหยุ่นในการใช้งาน
10.0
-
ความคุ้มค่า
8.5
สำหรับคนที่มองหาเครื่องดูดฝุ่นที่มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบาพกพาสะดวก แถมยังดูดแรง สำหรับแบรนด์ Dyson นี้ถือว่าขึ้นชื่อในด้านนี้มาตั้งแต่ยุคแรก ๆ และเขาก็ยังคงพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาจนถึงปัจจุบัน และล่าสุดกับ Dyson Digital Slim Fluffy ที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับผู้ใช้คนไทยอย่างแท้จริง
อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มาในกล่อง
- ตัวเครื่องที่มาพร้อมมอเตอร์ Hyperdymium ทำงานที่ 120,000 รอบต่อนาที ด้วยกำลัง 100 AW (ซึ่งน้อยกว่า Dyson V8 ที่มีแรงดูดสูงสุด 115 AW)
- ฐานแบตเตอรีที่เราสามารถถอดเปลี่ยนได้ (เป็น Dyson รุ่นแรกที่ขายในไทย ที่เปลี่ยนแบตเองได้)
- หัวดูดทำความสะอาด Slim™️ Fluffy
- หัวดูดปากแคบพร้อมไฟส่อง
- หัวดูด 2 in 1
- หัวดูดมอเตอร์ขนาดเล็ก
- คลิปล็อกเก็บด้ามดูด
- ที่ชาร์จ
- แท่นจัดเก็บอุปกรณ์
ดีไซน์
Dyson Digital Slim Fluffy มาพร้อมกับสีม่วงที่เราคุ้นเคยกันดี โดยมีวัสดุที่ถูกออกแบบมาค่อนข้างแข็งแรงทนทานเหมือนรุ่นก่อน ๆ ครับ แต่จุดเด่นเฉพาะของรุ่นนี้คือตัวเครื่องหลักได้มีการรวมเอาท่อไซโคลนกับมอเตอร์เป็นชิ้นเดียวกัน ทำให้เครื่องเล็กลงกว่าเดิม โดยมอเตอร์ Dyson Hyperdymium™ ตัวนี้ถูกออกแบบมาให้หมุนด้วยความเร็วถึง 120,000 รอบต่อนาที สามารถสร้างแรงดูดได้สูงสุด 100,000 G ก็เรียกได้ว่าจัดเต็มในเรื่องคุณภาพ และด้วยการดีไซน์นี้เอง ทำให้ตัวเครื่องโดยรวมมีน้ำหนักของตัวเครื่องที่ลดลงอย่างมาก โดยเหลือน้ำหนักเพียง 1.9 กิโลกรัมเมื่อประกอบเซ็ตมาตรฐานครับ
ความรู้สึกหลังการใช้งาน
จากการใช้งานจริงจังมาพักใหญ่ ๆ ก็เรียกได้ว่า Dyson Digital Slim fluffy ได้มีการออกแบบมาเหมาะสำหรับคนที่มองหาเครื่องดูดฝุ่นที่สามารถตอบโจทย์การทำความสะอาดได้ทุกสถานการณ์เลยครับ ด้วยน้ำหนักที่ออกแบบมาเหมาะมือ ทำให้เราสามารถทำความสะอาดตามส่วนต่าง ๆ ของบ้านได้โดยไม่เหนื่อยมากนัก
โดยเราสามารถเลือกปรับโหมดการทำงานได้ 3 โหมดหลัก ๆ คือ Eco, Med และ Boost ซึ่งเป็นโหมดความแรงสูงสุด แต่เอาจริง ๆ การทำงานด้วยโหมด Eco สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 40 นาที พร้อมแสดงเวลาที่เหลืออยู่ ทำให้เราไม่ต้องกังวลว่าจะหมดระหว่างการทำงาน ซึ่งเวลา 40 นาทีนี้ก็ถือว่าค่อนข้างเพียงพอสำหรับการทำความสะอาดทั้งบ้านแล้วล่ะครับ แต่ถ้าเราเจอจุดไหนที่มีฝุ่นฝังแน่น เราก็เปิดโหมด Med ก็เพียงพอแล้วในการดูดให้สะอาดได้แล้ว แทบไม่ต้องเปิดใช้ถึงโหมด Boost เลยครับ
การดูดฝุ่นด้วยหัวดูดทำความสะอาด Slim™️ Fluffy ตัวหลักนี้ถือว่าค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ เพราะสามารถทำความสะอาดได้เอี่ยมดีเลยล่ะครับ โดยหัวดูด Fluffy นี้ยังมีน้ำหนักที่เบาลงกว่า 40% จากรุ่นทั่วไป และออกแบบมาพิเศษโดยให้แปรงคาร์บอนไฟเบอร์นั้นเย็บเข้าไปกับตัว Fluffy โดยตรง และใช้แกนภายในเป็นอลูมิเนียม ทำให้มีน้ำหนักเบาและแข็งแรงทนทานกว่าแกนพลาสติกแบบเดิมครับ ซึ่งหัวแปรงนี้ออกแบบมาสำหรับการทำความสะอาดพื้นผิวโดยเฉพาะพื้นผิวเรียบ ๆ ที่แม้จะเป็นซอกเล็ก ๆ ตามพื้นไม้ที่มีร่องเยอะ ๆ แบบนี้ก็สามารถทำความสะอาดได้ในระดับดีครับ
สำหรับหัวแปรงต่าง ๆ นอกเหนือจากนั้นที่แถมมาให้ก็ออกแบบมาให้ใช้งานได้เหมาะตามสถานการณ์เช่น หัวแปรงแบบ 2-in-1 ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ หัวดูดปากแคปที่มาพร้อมไฟส่อง ทำให้การดูดฝุ่นในซอกหลืบต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องคอยเปิดไฟฉายเอาไว้ โดยรวมถือว่าออกแบบมาให้เราใช้งานได้สะดวก ตอบโจทย์การทำความสะอาดทุกจุดภายในบ้าน รวมไปถึงการทำความสะอาดนอกบ้านอย่างการภายในรถยนต์นี่ก็ตอบโจทย์สุด ๆ
อีกเรื่องคือการเทผงฝุ่นสามารถทำได้ง่ายมาก ๆ แค่ดึงสลักสีแดงขึ้นมา ตัวฝาก็จะเปิดออกมาทันที เรียกว่าตอนแรก ๆ ใครที่ใช้ Dyson รุ่นอื่นมาอาจจะงง ๆ อยู่เล็กน้อย แต่พอใช้ไปซักพักก็จะรู้สึกได้เลยว่าการดึงสลักเพื่อเปิดแบบนี้สะดวกกว่าเดิมอยู่พอสมควรเลยครับ โดยจุดเด่นคือระบบฟิลเตอร์ที่มีให้ถึง 5 ชั้น ตั้งแต่ตัวถัง ตัวตาข่าย ตัวไซโคลน ฟิลเตอร์ก่อนมอเตอร์ และฟิลเตอร์หลังมอเตอร์ ทำให้เวลาดูดฝุ่นเราจะไม่รู้สึกว่ามีฝุ่นเล็ดรอดออกมาจากตัวเครื่องเลยครับ
แบตเตอรี
จุดที่หลาย ๆ คนสำหรับการใช้งานเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สายกังวลก็คือเรื่องของแบตเตอรีครับ ซึ่ง Dyson Digital Slim Fluffy ออกแบบมาให้สามารถทำงานได้สูงสุด 40 นาทีในโหมด Eco และลดหลั่นกันไปสำหรับโหมดอื่น ๆ ซึ่งจุดเด่นสำคัญคือ เราสามารถถอดฐานแบตเตอรีออกมาเพื่อสลับได้ รวมไปถึงสามารถชาร์จแบตแยกได้อีกด้วย ทำให้เมื่อเราซื้อแบตเตอรีสำรองมาเสริม ก็จะสามารถทำความสะอาดได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีสะดุดครับ ส่วนวิธีการชาร์จเราสามารถเลือกที่จะติดตั้งเป็นฐานติดกำแพง หรือจะชาร์จแบบทั่ว ๆ ไปคือเอาอแดปเตอร์เสียบชาร์จปกติก็ได้เช่นเดียวกัน โดยการชาร์จเต็ม 1 ครั้งจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งถ้าเราต้องใช้งานต่อเนื่องจริง ๆ ก็แนะนำให้หาซื้อแบตเตอรีสำรองมาสลับใช้งานจะสะดวกกว่าครับ
จุดสังเกต
จุดสังเกตของ Dyson Digital Slim Fluffy รุ่นนี้ก็อยู่ที่โหมด Boost ที่กินไฟค่อนข้างหนักครับ ซึ่งเราสามารถใช้งานได้เพียง 5 นาทีเท่านั้นต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ซึ่งการชาร์จเต็มนั้นใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง จึงเรียกได้ว่าโหมด Boost นี้ไม่เหมาะกับการใช้งานเท่าที่ควรครับ และที่สำคัญคือเราไม่สามารถดูดไปชาร์จไปได้อีกด้วย
อีกจุดหนึ่งคือถังเก็บฝุ่นมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ ครับ คือรุ่นนี้มีถังเก็บฝุ่นขนาดแค่ 0.35 L เท่านั้น เทียบกับ Dyson V11 ที่มีความจุ 0.54 L ก็จะทำให้เราต้องทิ้งฝุ่นบ่อยหน่อยนะครับ
ราคา
ปิดท้ายด้วยราคาของ Dyson Digital Slim Fluffy รุ่นนี้อยู่ที่ 19,990 บาท โดยมาพร้อมอุปกรณ์ครบเซ็ตพร้อมใช้งานทันที สำหรับใครที่สนใจ ปัจจุบันสามารถซื้อได้แล้วผ่าน Dyson Brand Shop ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป ช่องทางร้านค้าออนไลน์ หรือจะซื้อผ่านเว็บไซต์ https://www.dyson.co.th/th-TH/digital-slim-fluffy ก็ได้เช่นกัน
ใครที่มองหาเครื่องดูดฝุ่นไร้สายพรีเมียมที่ตอบโจทย์การทำความสะอาดทุกรูปแบบ Dyson Digital Slim Fluffy ตัวนี้ก็ถือได้ว่าเหมาะสม ตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอนครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส