Our score
8.0Dynabook Portégé X30W-J
จุดเด่น
- เบา บาง แข็งแรงทนทานดีเยี่ยม
- ระบบเสียงที่ดีมาก ๆ มาพร้อมกับไมโครโฟนที่ดี
- ระบบระบายความร้อนที่ออกแบบมาได้ดีมาก
- Battery อึดทนนาน
- การใช้งานแบบ Tablet Mode ที่ลื่นไหล และมีปากกา Wacom แถมมาให้ด้วย
จุดสังเกต
- ราคาค่อนข้างสูง ถ้าเอาไปเทียบกับรุ่นอื่นในสเปกใกล้เคียงกัน
- Design ภายนอกที่ไม่ค่อยสวยเท่าไร
- การใช้งาน Keyboard และ Touch Pad ที่ไม่ลื่นไหลเท่าไร
-
รูปลักษณ์ การออกแบบ
7.0
-
คุณภาพการใช้งาน
8.5
-
สเปกเครื่อง ประสิทธิภาพ
9.0
-
ซอฟแวร์
8.0
-
ความคุ้มค่า
7.5
Dynabook อาจจะเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูสักเท่าไรนัก แต่ถ้าหากพูดถึง Toshiba ก็น่าจะจำกันได้ Dynabook นั้นได้ทำตลาดกลุ่ม Laptop สำหรับธุรกิจอยู่มานาน โดยคราวนี้มันมาพร้อมกับ CPU Intel Core i Gen 11 ที่ได้รับรองสมรรถนะ Intel Evo หรือก็คือ Project Athena นั้นเองครับ
Dynabook Portégé X30W-J จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ออกแบบมาสำหรับนักธรุกิจสายทำงานนอกบ้าน โดยมันมีน้ำหนักที่เบามากเพียงแค่ 989 กรัม มีหน้าจอขนาด 13 นิ้ว ที่สามารถพับไปใช้โหมด tablet ได้ แถมยังมีปากกา Wacom คุณภาพสูง ติดมากับตัวเครื่องอีกด้วย
Dynabook Portégé X30W-J จะมีอยู่ด้วยกัน 2 รุ่นย่อยที่แตกต่างที่ CPU แต่ตัวที่เราได้รับมา Review ในวันนี้ คือตัวที่มาพร้อมกับ Core i7 ครับ
โดยสเปกมีดังนี้
- CPU: Intel Core i7 1165G7 2.8Ghz – 4.7 GHz 4 Core / 8 Threads
- RAM: LPDDR4x 16GB 4266MHz (รองรับ Dual-channel สูงสุดที่ 32GB)
- GPU: Intel Iris Xe Graphics
- Storage PCIe SSD 1TB
- Display: 13″ FHD touch display 2-1
แน่นอนว่าตัวเครื่องสามารถพับจอสลับด้านและเปลี่ยนไปใช้งาน tablet mode ได้ รอบตัวเครื่องมาพร้อมกับ Port USB-C Thunderbolt 4 อยู่ 2 ช่อง และรองรับการชาร์จไว (quick charge) มี HDMI มาให้ 1 ช่อง และ USB-A 3.1 มาให้ 1 ช่อง พร้อมกับรูหูฟัง 3.5mm ที่หลายคนน่าจะชอบ และแน่นอนครับว่ามันต้องมี Micro SD Card slot มาให้
นอกจากนี้เอง เจ้าตัว Dynabook X30W-J นี่ยังมาพร้อมกับระบบเสียงสุดพิเศษ ที่ใช้ลำโพงจาก harman/kardon รองรับเทคโนโลยี Dolby Atmos และ Microphone คู่ ที่ตัดเสียงรบกวนภายในตัว พร้อมกล้องหน้า 8MP และหน้าจอที่เคลือบแผ่นป้องกันแสงสะท้อนมาให้เรียบร้อย
นอกจากนี้ก็จะมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่เน้นความปลอดภัยตามสไตล์ของ Business Laptop มีระบบการสแกนลายนิ้วมือ SecurePad คีย์บอร์ดแบบ Frameless และ ตัวเครื่องได้ผ่านการทดสอบความทนทานขั้นสูงของกองทัพสหรัฐฯ MIL STD 810G ตัวเครื่องใช้วัสดุแมกนีเซียมอัลลอยด์หนา 17.9 มม มีระบบระบายความร้อน Airflow แบบใหม่ แถมยังผ่านการทดสอบความแข็งแกร่งแบบ Highly Accelerated Life Test ที่มั่นใจได้เลยว่า Nokia ต้องยอมสยบให้ครับ
และนอกจากความแข็งแรงภายนอกแล้ว ระบบรักษาความปลอดภัยภายในเองก็แข็งแรงไม่แพ้กัน ตัวเครื่องมาพร้อมกับ BIOS ที่ถูกปรับแต่งมาร่วมกับ Microsoft พร้อมฟีเจอร์การเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าและลายนิ้วมือตั้งแต่เปิดเครื่อง และในส่วนของกล้อง Webcam เองก็มีบานเลื่อนปิดเพื่อป้องกันการถูกสอดส่องเวลาไม่ใช้งานอีกด้วยครับ
พูดถึงสเปกกันมาขนาดนี้ หลาย ๆ คนคงอยากจะรู้แล้วว่าราคามันเท่าไร และการใช้งานจริงเป็นอย่างไร แน่นอนว่าเราไปพูดถึงการใช้งานจริงกันก่อนเลย
ใช้งานจริง
ยุคนี้ COVID-19 ได้เข้าโจมตีโลกของเราอย่างรุนแรง ทำให้การทำงานนอกบ้านอาจจะเป็นความคิดที่ไม่ดีนัก เพราะการหลบภัยอยู่ในบ้านมันปลอดภัยมากกว่าเอาตัวเองไปเสี่ยง ถึงแม้ว่า Dynabook X30W-J จะถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานนอกบ้าน แต่มันก็ใช่ว่าจะใช้งานในบ้านไม่ได้จริงไหมครับ
Dynabook X30W-J ด้วยการที่ตัว Laptop เองมันเบาบางมาก ๆ ทำให้ผมสามารถถือไปไหนมาไหนได้สะดวก ด้วยการที่ขนาดมันเล็กผมจะวางมันไว้ตรงไหนก็ได้ทั่วทุกมุมบ้าน และด้วยวัสดุที่ตัวเครื่องเลือกใช้ ทำให้มันทำความสะอาดได้ง่ายหากเลอะกับอะไรสักอย่าง
ด้วยระบบเสียงแบบ harman/kardon กับ Battery ที่ทาง Dynabook เคลมเอาไว้ว่าเปิดใช้งานได้สูงถึง 16 ชั่วโมง ผมเลยลองใช้เจ้านี้เปิดเพลงฟังใน Spotify ทั้งวันในโหมด Best Battery Life สรุปว่ามันอยู่ได้ถึง 10 ชั่วโมงเลยทีเดียวครับ โดยแน่นอนว่าผมเปิดเสียงไว้สูงสุด และใช้ Wifi ตลอดเวลาอีกด้วย
แน่นอนว่าหากตัวเครื่อง Full charge ใน Idle Mode มันจะอยู่ได้ราว ๆ 16 ชั่วโมงจริง ๆ ถ้าใช้งานเปิดเว็บไปด้วย ฟังเพลงไปด้วย ก็จะอยู่ที่ 9-10 ชั่วโมง ในโหมด Best Battery Life และด้วยความสามารถของ quick charge ทำให้เราสามารถชาร์จแบตได้ 40% ด้วยเวลา 30 นาที อีกทั้งตัวเครื่องยังมาพร้อมระบบ Instant On ทำให้ฝาเครื่องออกจากโหมด Sleep และยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าหรือลายนิ้วมือ พร้อมใช้งานได้ทันทีใน 1 วินาทีครับ
ในส่วนของ Keyboard และ Touchpad นั้น ต้องพูดตามตรงว่าผมไม่ชอบเท่าไร และไม่ถูกใจเอาเสียเลย สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้ก็คือการวาง Layout ที่ไม่ค่อยเข้ากับนิ้วมือของผมเท่าไร ตัว Backspace ที่อยู่สูงแปลก ๆ กับปุ่ม Enter ที่กดไม่ค่อยโดน
แน่นอนว่ามันไม่ได้แปลกประหลาดไปแต่อย่างใด แต่ผมกลับไม่มีปัญหากับ Keyboard ของ Macbook, Zenbook, HP Spectre หรือแม้แต่ Zenbook Duo เองก็เช่นกัน นั้นทำให้การพิมพ์งานของผมค่อนข้างจะมีปัญหาเลยทีเดียว โดยต้องใช้เวลาสักระยะถึงจะปรับตัวได้
ในส่วนของ Touchpad เองนั้นมันให้ผิวสัมผัสคล้ายกับโทรศัพท์ที่ติดฟิล์มกระจกด้านเช่นเดียวกับหน้าจอของตัวเครื่องเลยครับ และแน่นอนว่าการใช้งานใน Tablet Mode เองก็ลื่นไหลดีไม่มีปัญหา ผมได้ลองวาดรูปในโปรแกรม Clip Studio Paint โดยใช้เจ้าปากกา Wacom ที่แถมมากับตัวเครื่อง พบว่ามันลื่นไหลดี และไม่ติดขัดอะไรเลยครับ แถมยังรองรับน้ำหน้กได้ดีอีกด้วย
ในส่วนของ Bluetooth 5.1 และ Wifi 6 ที่มากับตัวเครื่องก็ทำได้ดีไม่มีปัญหาอะไร แต่สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องระบบเสียง Harman/Kardon และตัว Driver ของมันนี่ล่ะครับ
เสียงที่ออกมาจากลำโพง Harman/Kardon นั้นทำได้ดีมากครับ มากกว่า Laptop อื่น ๆ ทั่ว ๆ ไปอยู่มากเลย ขนาดคนที่หูธรรมดาอย่างผมสามารถรู้สึกได้เลยล่ะ
Benchmark
มาถึงช่วงที่หลาย ๆ คนน่าจะอยากรู้มากที่สุด แน่นอนว่าผมได้เลือกใช้เหล่า Software มาตรฐานทั้งหลาย และมี Game Benchmark นิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นครับ
3D Mark Time Spy
PC Mark
Cinebench R23
Crystal Disk Mark
ความร้อน
Dynabook ไม่ได้โกหก เกี่ยวกับเรื่องการจัดการ Airflow ใหม่ และด้วยความสามารถในการระบายความร้อน ที่ออกแบบมาดีมากจริง ๆ ในช่วง Full Load ผมได้ทำการ Stress Test CPU 100% นานเกือบ 30 นาที และตัวเครื่องได้คงความร้อนอยู่ที่ 60-70c ก่อนที่จะปล่อย Idle และฟังเพลงใน Spotify ต่อ โดยมีความร้อนอยู่ที่ 35-40c ครับ
Game Benchmark
ถึงแม้จะบอกว่านิดหน่อยก็ตาม แต่ผมก็ได้เลือกเกมที่คิดว่าหลาย ๆ คนน่าจะติดตั้งไว้เล่นยามว่างเวลาพกพาไปนอกบ้านครับ สำหรับ GTA V เองก็ยังคงรันสวย ๆ ที่ 60FPS แบบ avg มีตกไปเหลือ 40-50 บ้างในฉากที่มีรายละเอียดเยอะ ๆ ส่วน Total War Three Kingdoms และ Cities Skyline เองนั้นต้องบอกว่างานหนักไปสักหน่อย เพราะได้ที่ 25-30FPS เท่านั้น
ส่วนเกมอย่าง Civilization VI นั้นรันได้อย่างสมบูรณ์แบบที่ 90FPS avg ทำให้เราสามารถ One More Turn ได้ทุกที่อย่างลื่นไหล ส่วนเกมอย่าง Rainbow Six Siege นั้นไม่น่าเชื่อว่ามันรันได้ถึง 60FPS avg เลยทีเดียว ผ่าน API อย่าง Vulkan ครับ
โดยรวมแล้ว Dynabook Portégé X30W-J นั้นเป็น Business Laptop ที่ทำออกได้ดีเกือบทุกด้าน โดยสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดก็คือในส่วนของ ระบบระบายความร้อน และระบบเสียงนี่ล่ะครับ
แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบ Design มันสักเท่าไร แล้วก็เรื่อง Keyboard และ Touch Pad ที่ใช้งานได้ไม่ลื่นไหล ไหนจะราคาที่ค่อนข้างสูงหากเอาไปเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นที่สเปกใกล้ ๆ เคียงกัน แต่ด้วยเทคโนโลยีของ Dynabook มันก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ใช้ Laptop สายธุรกิจ ที่ต้องการความปลอดภัยสูงครับ
Dynabook Portégé X30W-J วางจำหน่ายแล้วในราคา 53,990 บาท
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส