บอกเลยสาวก Pebble ห้ามพลาดการรีวิวในครั้งนี้ เพราะเราจะมาเหลาทุกอย่างที่ Pebble Time ได้มีการอัพเกรดขึ้นมาจากรุ่น Pebble และ Pebble Steel ว่ามีอะไรบ้าง ? ที่แน่ ๆ อย่างแรกเลยคือ มันมีสีแล้ว !!!
ออกอากาศวันที่ 11 กรกฎาคม 2558
Pebble Time
- CPU: ARM Cortex-M4, up to 100 MHz
- หน้าจอ 1.25 นิ้ว แสดงสีได้ 64 สี (ผลิตโดย Japan Display Inc) ความละเอียด 144 x 168 (182 ppi) กระจกจอทำจาก Gorilla Glass 3 แบบ 2.5D
- OS: PebbleOS 3.0
- RAM: 256 kB
- ROM: 16 MB
- กรอบหน้าทำจากสแตนเลสสตีล
- แบตเตอรี่ 150 mAh อยู่ได้นาน 7 วัน
- เซนเซอร์: 3-Axis Accelerometer, Magnetometer, เซนเซอร์ตรวจวัดแสง และไมโครโฟน
- กันน้ำลึก 30 เมตร (รุ่นเดิม 50 เมตร เพราะรุ่นใหม่มีไมค์)
- น้ำหนัก 42.5 g (รวมสาย)
จุดเด่น
- หน้าจอสดใสมากเวลาเจอแสงจ้า จอติดตลอดเวลา ไม่ต้องคอยกดปุ่มเปิดจอเหมือน smart watch อื่นๆ
- แบตเตอรี่อยู่ได้นานร่วมสัปดาห์โดยไม่ต้องชาร์จ
- แสดง Notification ทุกอย่างของ iOS และ Android
- สำหรับ Android สามารถเลือกว่าจะทำอะไรกับ Noti นั้นๆ ได้ เช่นตอบกลับข้อความโดยการพูดใส่ไมค์ หรือส่ง Emoji กลับไป
- โหลดแอป โหลดหน้าปัดนาฬิกามาเพิ่มได้
- สามารถตรวจจับการนอนหลับ การใช้ชีวิต จำนวนก้าวเดิน
- ควบคุมกล้อง GoPro
- เรียก Uber
- เป็นรีโมทกล้อง
- ใช้เป็นแผนที่เล็กๆ
- ใช้เช็คอิน Swarm
- ควบคุมหลอดไฟ
- เล่นเกม
- ลงแอปได้เรื่อยๆ ไม่จำกัดแค่ 8 ตัวเหมือนรุ่นเดิม (ใช้วิธีสตรีมแอปใหม่มาจากมือถือ)
- อินเทอร์เฟซแบบ Timeline เข้าท่า และเหมาะสำหรับนาฬิกา
- แอนิเมชั่นของเมนูน่ารัก
- สามารถต่ออุปกรณ์เสริมในรูปแบบสายนาฬิกาได้ (พอร์ตเชื่อมต่อ 1 รู ความเร็ว 118 kbps)
- เปลี่ยนสายได้ง่าย เพราะใช้สายมาตรฐานขนาด 22 mm
จุดสังเกต
- การชาร์จต้องใช้สายเฉพาะ และไม่สามารถใช้สายของ Pebble, Pebble Steel มาชาร์จได้
- นาฬิกาเปิดไฟหน้าปัดใช้มองตอนกลางคืนได้ แต่สีสันไม่สดใสเท่ามองกลางแดด
- ไม่มี GPS ไม่มี Heart Rate sensor
- ไม่มีลูกเล่นหวือหวาอย่าง Apple Watch หรือ Android Wear
ราคา 9 ประมาณ 6,968 บาท