หลังจากที่ได้ลองใช้ “ASUS Chromebook Flip CX5” มากว่าหนึ่งอาทิตย์ ต้องบอกเลยว่า มันดิสกว่าที่คี! เอ้ย ดีกว่าที่คิดมาก ๆ ทั้งความลงตัวการออกแบบดีไซน์ที่ดูมินิมอล เลือกใช้สเปกที่เพียงพอทำให้เครื่องลื่นไหล รวมถึงมีหัวใจสำคัญอย่างระบบปฏิบัติการ “Chrome OS” ที่จัดว่าเด็ด ซุกลูกเล่นไว้เพียบ! จะมีอะไรบ้าง มาดูกันในรีวิวนี้!
ดีไซน์ของ ASUS Chromebook Flip CX5
ครั้งแรกที่ได้ยลโฉมรูปลักษณ์ของ ASUS Chromebook Flip CX5 ก็ต้องบอกว่า “ดูมินิมอล” เรียบ ๆ ไม่ได้หวือหวามากนัก ซึ่งหลายคนอาจมองว่ามันธรรมดา แต่ส่วนตัวเราคิดว่า เรียบ ๆ นี่แหละสายกลาง เวลาเอาไปกางใช้ข้างนอก ก็ไม่ดึงดูดสายตาผู้คนเท่าไร ดูสุภาพด้วยซ้ำไป
ในขณะเดียวกันฝาหลังก็เป็นสีขาว Immersive White ให้ผิวสัมผัสคล้ายเซรามิก ตัววัสดุทำจากอะลูมิเนียมอัลลอย ที่ค่อนข้างทนทาน โดยมีน้ำหนักไม่มากนัก ด้านมุมเครื่องจะมีการกัดลายด้วย Chromebook สีเทา ก็ดูเด่นนะ ไว้บอกว่านี่ไม่ใช่โน้ตบุ๊กทั่วไป ส่วนตรงกลางก็มีโลโก้ ASUS สีเงิน สะท้อนวิบวับ ๆ
สำหรับสัดส่วนของ ASUS Chromebook Flip CX5 ก็อยู่ในระดับกลาง ๆ เท่ากับโน้ตบุ๊กทั่วไป ไม่ได้บางเบาเหมือนโน้ตบุ๊กพรีเมียม และก็ไม่ได้หนาเหมือนโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง โดยสัดส่วนความหนาวัดได้อยู่ที่ 1.85 ซม. และหนัก 1.89 กก. ไม่เกินเลข 2 ถือว่าโอเค โดยตัวเราเองก็ได้พกไปใช้งานสลับระหว่างบ้านกับคอนโด ก็ไม่มีปัญหาเรื่องการพกพานะ
เมื่อเปิดฝาขึ้นมา เราก็จะเห็นสีภายในที่ตัดกับฝาหลัง ฝาหลังสีขาว ส่วนด้านในสีดำครับ เอาจริง ๆ คิดว่าถ้าเป็นสีเดียวกันทั้งตัวเครื่องน่าจะสวยอยู่นะ แต่ก็พอเข้าใจว่าภายในต้องสัมผัสกับมือบ่อย ถ้าเป็นสีขาวอาจจะทำให้มีคราบเหลือง และดูโทรมไว
หนึ่งจุดที่น่าสนใจและต้องพูดถึงนั่นก็คือที่รองมือครับ ที่รองมือของ ASUS Chromebook Flip CX5 จะทำจากวัสดุที่เรียกว่า Obsidian Velvet หรือที่คนในวงการคอมเรียกว่า Soft touch ซึ่งช่วงหลัง ๆ โน้ตบุ๊กแทบทุกรุ่นของ ASUS ก็ใช้วัสดุนี้นะครับ ข้อดีคือให้สัมผัสที่ละมุนกว่าพลาสติกหรือโลหะ ทำให้การพิมพ์นาน ๆ ไม่รู้สึกสากมือ แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องแลกมาด้วย คราบมันจากนิ้วมือที่ติดง่าย และสะสมจากได้เรื่อย ๆ ครับ ถ้าใครไม่ชอบอาจจะต้องพกผ้าไว้เช็ดครับ
สำหรับคีย์บอร์ดก็ให้สัมผัสที่ค่อนข้างดี จากระยะการกดที่ 1.4 มิลลิเมตร เอาจริง ๆ เราว่าไม่ต่างจากโน้ตบุ๊กทั่วไปนะ ถ้าจะต่างจริง ๆ ต้องเป็นพวก Mechanical ครับ สำหรับทัชแพดเองก็มีขนาดที่ใหญ่เลย อยู่ที่ 5.68 นิ้ว ใหญ่ใกล้เคียงกับ iPhone X ครับ
เรื่องพอร์ตยุคนี้ ก็สำคัญเหมือนกันนะครับ เพราะเมาส์ก็ต้องเสียบ จอก็ต้องต่อ หูฟังก็ต้องใช้ ASUS Chromebook Flip CX5 ก็เลยจัดให้มาค่อนข้างครบ ประกอบด้วย
- Card Reader MicroSD x 1 ช่อง
- HDMI x 1 ช่อง
- USB-C 3.2 Gen 2 x 2 ช่อง (รองรับการต่อจอแยก และชาร์จ-แชร์แบตในตัวเดียว)
- USB-A 3.2 Gen 2 x 1 ช่อง
- Jack 3.5 มม. x 1 ช่อง
ซึ่งที่ใกล้ ๆ กันจะเป็น ปุ่มควบคุมเสียง และปุ่มเปิด-ปิดเครื่องครับ ที่ต้องอยู่ด้านข้าง เพราะจะได้รองรับการใช้งานที่ยืดหยุ่น สำหรับการเปิดเครื่องก็ถือว่าเปิดไวเลย ใช้เวลารวดเร็วประมาณ 6 วินาทีครับ โดย Chromebook ทุกรุ่นจะมีฟีเจอร์หลักเรื่องการเปิดเครื่องเร็ว เพื่อให้พร้อมใช้ในทุกสถานการณ์ครับ
หน้าจอของ ASUS Chromebook Flip CX5
สลับกลับมาที่เรื่องของหน้าจอกันบ้าง ASUS Chromebook Flip CX5 ใช้จอแบบขอบบาง NanoEdge Display ที่คิดสัดส่วนเป็น 81 % ของตัวเครื่องครับ โดยมีให้เลือกสองไซซ์คือ 14 นิ้ว (CX5400) และ 15.6 นิ้ว (CX5500) รุ่นที่เรากำลังรีวิวอยู่ครับ
สเปกจอก็เป็นแบบ IPS ความละเอียด Full HD (1920×1080) และมีความสว่างอยู่ที่ 250 Nits เรื่องความลื่นไหล ถือว่าดีงามสำหรับการวาดเขียนหน้าจอ ส่วนความสว่างอันนี้คิดว่าน้อยไปหน่อยสำหรับการใช้กลางแจ้งครับ
เป็นหน้าจอยุคนี้ ถ้าจะให้เก่งจริง ๆ ต้องใช้งานได้ยืดหยุ่น กล่าวคือต้องปรับการใช้งานได้หลายรูปแบบ เพราะนอกจากการใช้แบบปกติแล้ว บางคนยังต้องการฟีเจอร์ทัชสกรีน หรือการวาดเขียนด้วยปากกา ซึ่ง ASUS Chromebook Flip CX5 ก็ถือว่าตอบโจทย์เรื่องนี้อยู่นะครับ สามารถพับหน้าจอได้ 360 องศา ซึ่งเปลี่ยนให้เหมาะกับการใช้ได้ถึง 4 รูปแบบ คือ
Laptop Mode สำหรับการใช้งานทั่วไป พิมพ์งาน เล่นเว็บ หรือดูหนัง ซึ่งความพิเศษคือมี ErgoLift ที่เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาบานพับจะยกเครื่องขึ้น 3 องศา เพื่อช่วยให้การพิมพ์ คุณภาพเสียง และการระบายความร้อนให้ดีขึ้นครับ
ถัดมาเป็น Stand Mode ที่รูปแบบการตั้ง จะคล้ายกับขาตั้งสำหรับวาดภาพ ที่สายศิลป์เขาใช้กัน ข้อดีคือช่วยให้เราโฟกัสที่จอได้มากขึ้น ต่อมาจะเป็น Tent Mode ที่ไม่ได้ไว้กางตอนไปเที่ยว แต่เป็นรูปแบบสำหรับการตั้งจอกลับหัว ที่ช่วยให้การพรีเซนต์อยู่ในระดับสายตาครับ
สุดท้าย Tablet Mode อันนี้ต้องยอมรับว่า เด็ดสุดใน 7 ย่านน้ำ เพราะปกติโน้ตบุ๊กทั่วไปที่พับจอเป็นแท็บเล็ตได้ จะใช้งานได้แค่เหมือน หรือเทียบเคียงกับแท็บเล็ต Android เท่านั้น
แต่ ASUS Chromebook Flip CX5 นั้นสามารถใช้งานได้เหมือนแท็บเล็ต Android หนึ่งเครื่องเลยครับ โหลดแอปจาก Google Play Store อย่างพวก Facebook, YouTube, IG มาใช้ได้เลย หรือจะเล่นเกมในมือถืออย่าง ROV อันนี้ก็สบายครับ! ที่ทำได้ขนาดนี้ก็เป็นเพราะหัวใจหลักอย่างระบบปฏิบัติการ Chrome OS ภายใน เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังในส่วนถัดไป
สเปกของ ASUS Chromebook Flip CX5
มาพูดถึงสเปกภายในกันบ้าง อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นแล้วว่า ASUS Chromebook Flip CX5 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ “Chrome OS” ที่มีจุดเด่นเรื่องการกินสเปกน้อย รวมถึงมีระบบการจัดการที่ดี สเปกเลยไม่จำเป็นต้อง “เบ่งพลัง” มาก ก็สามารถใช้งานได้แบบลื่นไหลครับ
ซีพียูที่ให้มาเป็น Intel® Core™ I3-1115G4 ตัวใหม่ล่าสุดใน Gen 11 ส่วนการ์ดจอก็ฝังอยู่ในชิปซีพียูเลย เป็นตัว Intel® UHD Graphics แรมก็ให้มาเป็นแบบ 8GB ความเร็ว 4266 MHz พร้อมกับหน่วยความจำตัวเครื่องแบบ SSD NVMe M.2 ขนาด 256GB ครับ
สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพ อันนี้จะทำไม่ได้ครอบคลุมเหมือนกับโน้ตบุ๊กทั่วไปนะครับ สำหรับ CPU ที่ทดสอบกับโปรแกรม Geekbench 5 ได้ผลคะแนนแบบ Single Core อยู่ที่ 1,153 คะแนน และ Multi-Core อยู่ที่ 2,384 คะแนน ถือว่ากลาง ๆ ส่วนหน่วยความจำก็ทดสอบด้วย Androbench ผลคะแนนความเร็วในการอ่านเขียนคือ 1,983 MB/s และ 569 MB/s ด้านการทดสอบกราฟิกและส่วนอื่น ๆ นั้น เรายังไม่ได้ทดสอบ เพราะไม่มีแอปที่รองรับครับ
ระบบปฏิบัติการของ ASUS Chromebook Flip CX5
“Chrome OS” ถือเป็นระบบปฏิบัติการที่ดูน่าสนใจไม่น้อยเลยครับ เพราะเขาชูเรื่อง 3S ที่เกี่ยวกับ Security, Speed, Simplicity โดยทั้งสามหัวข้อนี้ จำเป็นต่อการใช้งานโน้ตบุ๊กยุคปัจจุบันครับ ซึ่งเราจะแยกออกมาอธิบายเป็นเรื่อง ๆ ให้ฟังครับ
Security: ความปลอดภัย
หนึ่งในสิ่งที่เราต่างไม่อยากเจอในการใช้งานโน้ตบุ๊ก ไม่ใช่เครื่องพัง แต่เป็นการโจมตีจากมัลแวร์ หรือไวรัส ซึ่ง Chrome OS ก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยเขาได้ใส่ Build-in Virus Protection มาให้ในตัวเลย ซึ่งถ้ามีการตรวจเจอไวรัส ระบบก็จะกำจัดให้อัตโนมัติ
นอกจากนี้ยังมีในส่วนของ Security Sandbox ที่จะทำการเก็บข้อมูลแยกออกจากกันเป็นส่วน ๆ ทำให้เกิดความเสียหายเฉพาะจุด โดยไม่กระทบกับข้อมูลภาพรวมทั้งหมด และยังมี Verified boot ระบบเช็กความถูกต้องของอุปกรณ์และไฟล์ต่าง ๆ ก่อนเริ่มเปิดเครื่อง หากส่วนไหนทำงานผิดพลาด ก็จะจัดการซ่อมให้อัตโนมัติ รวมถึงยังมี Titan C Security Chip ชิปรักษาความปลอดภัย ที่ฝังอยู่ในเครื่องมาตั้งแต่โรงงาน ช่วยป้องกันการฝังมัลแวร์ลงในเครื่อง สุดท้ายยังมี Multi-user support ที่รองรับการใช้งานจากหลายผู้ใช้ในเครื่องเดียว และทุกอย่างจะถูกแยกออกจากกัน ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว
Speed: รวดเร็ว
เดี๋ยวนี้หมดยุคมานั่งรอเปิดเครื่องเป็นนาทีแล้ว Chromebook ทุกรุ่นสามารถเปิดเครื่องได้เร็วถึง 6 วินาที อันนี้ถือว่าเร็วมาก ซึ่งเหมาะกับการเปิดใช้งานในทุกสถานการณ์ครับ จะประชุม หรือจดบันทึกในห้องเรียนก็รวดเร็วทันใจ และยังมีการอัปเดตซอฟต์แวร์อัตโนมัติทุก 6 สัปดาห์ด้วยนะ มั่นใจได้ว่าซอฟต์แวร์จะเป็นเวอร์ชันใหม่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ยังมี Google Assistant ติดมาให้ด้วย ทำให้เราสามารถสั่งการได้ด้วยเสียง โดยไม่ต้องเอามือแตะคีย์บอร์ดสักนิดเลยครับ หรือถ้ากำลังพิมพ์งานอยู่ แล้วไม่อยากเอามือไปจับเมาส์ ก็สั่งการด้วยเสียงได้เช่นกัน โดยเริ่มพูดคำว่า “OK Google” แล้วต่อด้วยคำสั่ง จะเป็นภาษาอังกฤษ หรือภาษาไทยก็รองรับครับ
Simplicity: ใช้งานง่าย
นอกจากปลอดภัย รวดเร็ว แล้ว Chrome OS ยังใช้ง่ายอีกด้วยนะครับ เพียงแค่ซิงค์กับ Google Account จากนั้นก็เริ่มใช้งานได้ทันทีเลย แทบไม่ต้องตั้งค่าอะไรเลยครับ และแม้จะไม่ได้ต่อ Wi-Fi แต่ก็ยังคงใช้งานได้แบบออฟไลน์เหมือนออนไลน์ อย่างพวก Google Sheet, Google Docs อันนี้ตั้งค่าได้เลย
ในขณะเดียวกัน Chrome OS ก็ยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจาก Google Play Store มาติดตั้งไว้ใช้งานไม่ต่างจากมือถือ หรือแท็บเลต Android เลยครับ เช่น แอป Facebook, Line, YouTube, Sportify รวมถึงเกม ROV, Genshin Impact และอีกมากมาย ไม่เว้นแม้แต่ Google Workspace แอปต่าง ๆ ของ Google ไม่ว่าจะเป็น Gmail, Docs, Sheet, Drive ซึ่งแอปเหล่านี้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยครับ
แน่นอนว่าการใช้งานง่ายรวมไปถึงการที่เราแทบจะไม่ต้องหยิบอะแดปเตอร์ออกมาชาร์จไฟด้วย เพราะแบตของ ASUS Chromebook Flip CX5 สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 11 ชั่วโมงเลยครับ
ASUS Chromebook Flip CX5 เหมาะกับใคร ?
จากสเปกและฟีเจอร์ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เราคิดว่า ASUS Chromebook Flip CX5 นั้น เหมาะกับนักเรียนนักศึกษา หรือการใช้ในโรงเรียนครับ เพราะอย่างแรกตัวระบบมีความปลอดภัย ใช้ง่าย และยังติดตั้งแอปต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ได้ อย่างที่สองคือความสามารถของหน้าจอที่พับได้แบบ 360 องศา ทำให้ปรับการใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น รวมถึงรองรับการทัชสกรีนด้วยนิ้ว และวาดเขียนด้วยปากกา อันนี้สำคัญกับการเรียนเป็นอย่างมาก อย่างที่สามคือ รองรับการใช้ Google Workspace ที่สามารถทำงานหรือใช้เรียนร่วมกันได้แบบ Real-time
ข้อดีของการใช้ Chromebook ในการเรียนการสอน
ในช่วงที่วิกฤต COVID-19 ระบาดแบบนี้ หลายโรงเรียนปรับรูปแบบการเรียนการสอน เป็นแบบออนไลน์หรือไฮบริด ซึ่งสิ่งที่ท้าทายนอกเหนือจากการจัดเตรียมเนื้อหาแล้ว ยังมีความยุ่งยากในการดูแลอุปกรณ์ในส่วนของผู้สอนและนักเรียนที่ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ที่หน้างาน ทำให้ต้องอาศัยระบบออนไลน์ในการจัดการ ตั้งแต่การปกป้องเครื่องจากมัลแวร์ที่อาจแฝงมากับเว็บไซต์หรือโปรแกรมที่ไม่พึงประสงค์ หรือจะเป็นการอัปเดตระบบให้เป็นเวอร์ชันใหม่อยู่เสมอ และยังมีเรื่องของการอบรมบุคลากร ที่ต้องใช้ทั้งเวลาและทรัพยากรค่อนข้างสูง ฉะนั้นการหาโซลูชันที่เหมาะสมจึงเป็นอะไรที่นักเรียนและผู้สอนต้องการ ซึ่ง Chromebook ที่มี Chrome Education Upgrade ก็ตอบโจทย์ในจุดนี้ครับ
ประโยชน์ของการใช้ Chromebook กับการเรียน ก็มีตั้งแต่การใช้งานที่ง่าย จัดการอุปกรณ์ได้จากส่วนกลางเพียงที่เดียว แค่ใช้แผนกไอทีเพียงไม่กี่คนก็จัดการทั้งระบบได้ จะหลายร้อยหลายพันก็ทำได้ ทำให้นักเรียนหรือผู้สอนไม่ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง แล้วไปโฟกัสกับการเรียนหรือการสอน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการเรียนออนไลน์
นอกจากนี้ยังมี Chrome Education Upgrade ส่วนเสริมของ Chromebook ที่ช่วยลดความยุ่งยากในส่วนของแผนกไอที ในการจัดการอุปกรณ์จากระยะไกล ผ่านระบบ Cloud ของ Google ตั้งแต่การเชื่อมต่อเครือข่าย เพิ่มผู้ใช้ เพิ่มเครื่องพิมพ์ และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต รวมถึงเข้าถึงการตั้งค่าความปลอดภัยขั้นสูงที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าโรงเรียนและนักเรียนจะปลอดภัยจากอันตรายในออนไลน์ ไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์จากที่โรงเรียน ที่บ้าน หรือที่ใด ๆ ก็ตาม
ถ้าพูดถึงฟีเจอร์เด่น ๆ ของ Chrome Education Upgrade ก็ต้องเป็น คอนโซล์ผู้ดูแลระบบของ Google ส่วนนี้จะช่วยให้การจัดการ Chromebook, เครื่องพิมพ์ และเครือข่ายทำได้อย่างรวดเร็วจากทุกที่ และยังมี Bring Your Own Device ที่ช่วยให้การเชื่อมต่ออุปกรณ์ส่วนตัวของนักเรียนกับระบบเครือข่ายของโรงเรียน หรือเครื่องพิมพ์ทำได้อย่างง่ายดาย
และความง่ายของแผนกไอทีในการควบคุมการเข้าถึงอย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะสามารถจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลและแพลตฟอร์มแบบรายคนได้ ทั้งนี้ก็เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของการเรียนการสอน และป้องกันข้อมูลรั่วไหล
สุดท้ายยังมีระบบความปลอดภัยขั้นสูง ซึ่งแผนกไอทีสามารถสั่งปิดการใช้งาน หรือลบข้อมูลต่าง ๆ ในอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็ว หากอุปกรณ์ถูกนำไปใช้นอกสถานที่โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือเกิดการขโมยขึ้น ซึ่งจุดนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ข้อมูลของโรงเรียน ถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตครับ
ด้านความสะดวกในการเรียนการสอนของ Chromebook ก็มี Google Workspace ที่ประกอบด้วยบริการของ Google ที่จำเป็นต่อการเรียน เช่น Google Docs สำหรับการพิมพ์รายงาน, Google Sheets สำหรับการจัดตารางงานสอน หรือทำสรุปผลคะแนนของนักเรียน, Google Slide สำหรับทำสื่อการสอน หรือทำงานนำเสนอหน้าชั้นเรียน, Google Meet สำหรับการประชุมหรือนัดหารือเรื่องเนื้อหาการเรียนการสอน, Google Classroom สำหรับการเรียนการสอนในห้องเรียนออนไลน์ ที่สามารถกำหนดตารางล่วงหน้า และจัดทำแบบทดสอบก่อน-หลังได้เพื่อดูความเข้าใจของนักเรียนในเนื้อหานั้น ๆ ซึ่งนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของ Google Workspace เท่านั้น ยังมีอีกหลายบริการเลยที่นำมาใช้กับการเรียนการสอนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้
ราคาของ ASUS Chromebook Flip CX5
มาพูดถึงราคาค่าตัวของ ASUS Chromebook Flip CX5 รหัส CX5500 กันบ้างครับ สำหรับราคาก็จะอยู่ที่ 23,000 บาท ซึ่งราคานี้จะได้การรับประกัน 3 แบบครับ แบบแรกคือการรับประกันแบบ Onsite Service 3 ปีหากเครื่องมีปัญหาเขาก็จะมาซ่อมให้ถึงที่ แบบที่สองคือ Global Warranty 3 ปี อันนี้จะเป็นประกันในต่างประเทศ ซึ่งครอบคลุม 57 ประเทศทั่วโลก กล่าวคือหากเราหิ้วเครื่องไปแล้วไปเดี้ยงในต่างแดน ก็พาเข้าศูนย์ไปซ่อมได้เลย และแบบสุดท้าย Perfect Warranty 1 ปี ประกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้
เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจก็สามารถเข้าไปที่ลิงก์ ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
- ตรวจสอบตัวแทนจำหน่าย : https://bit.ly/3yxc5kl
- สั่งซื้อจาก ASUS Official Store บน Shopee: https://bit.ly/2UEpBCb
- ASUS Official Store บน Lazada: https://bit.ly/2UBBmcJ
- ASUS Official Store บน JD: https://bit.ly/3fi1S5b
- แผนกลูกค้าองค์กรติดต่อ: https://bit.ly/3po8HFl
#ASUSTH #Chromebook #ChromebookCX5 #ChromesOS