Our score
9.2Dyson V12 Detect Slim
จุดเด่น
- หัวดูด Fulffy ที่มาพร้อมเลเซอร์ ใช้งานได้จริง มองเห็นฝุ่นที่พื้นชัดๆ เข้าไปทำความสะอาดได้
- ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา ใช้งานสะดวกกว่ารุ่นก่อนๆ
- หัวดูดที่ให้มามีความหลากหลาย ครอบคลุมการทำความสะอาดแทบทุกส่วนในบ้าน
- ถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ด้วยตัวเอง ทำให้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้แม้ทำความสะอาดพื้นที่ใหญ่ๆ
- มีการซีลฝุ่นรอบเครื่อง ทำให้เวลาใช้งานแทบไม่มีฝุ่นเล็ดรอดออกมาจากลมที่ออกจากเครื่อง
จุดสังเกต
- สวิทซ์เปิด-ปิดแบบใหม่ ไม่สามารถเปิด-ปิดการทำงานของเครื่องด้วยมือเดียวได้
- ถังเก็บฝุ่นเล็ก และหลายครั้งไม่สามารถทิ้งฝุ่นแบบไม่เอามือไปดึงฝุ่นออกจากถังได้
- ถึงราคาจะถูกกว่ารุ่นท็อปในปีก่อนๆ แล้ว แต่ก็ยังถือว่าราคาสูงอยู่ดี
-
รูปร่างลักษณะ
9.4
-
ความสะดวกในการใช้
9.0
-
ความสามารถในการทำความสะอาด
9.5
-
ความยืดหยุ่นในการใช้งาน
9.5
-
ความคุ้มค่า
8.5
Dyson เจ้าแห่งเครื่องดูดฝุ่นไร้สายนั้นมีความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาเครื่องดูดฝุ่นรุ่นใหม่เสมอครับ เราที่เคยใช้รุ่นก่อนหน้านี้ก็แปลกใจเสมอว่าไดสันคิดได้ยังไงว่าต้องติดเลเซอร์ไว้ที่หัวดูดในรุ่น Dyson V12 Detect Slim ที่เราจะรีวิวในวันนี้ครับ
ดีไซน์และการใช้งาน Dyson V12 Detect Slim
การออกแบบของ Dyson V12 นั้นเป็นลักษณะเดียวกับ Dyson V11 และ V10 คือดีไซน์เครื่องดูดฝุ่นยุคใหม่ของไดสันที่ถังเก็บฝุ่นต่อเป็นระนาบเดียวกับท่อดูด ซึ่งถังเก็บฝุ่นนี้มีความจุ 0.35 ลิตร ก็ถือว่ามีความจุไม่เยอะ ถ้าบ้านมีฝุ่นเยอะก็อาจจะต้องทิ้งฝุ่นสัก 2 รอบนะครับ
ไดสันพยายามออกแบบถังเก็บฝุ่นให้ทิ้งฝุ่นลงถังขยะได้โดยไม่ต้องเอามือไปสัมผัสฝุ่น แต่จากการใช้งานจริงระยะระหว่างแกนตรงกลางท่อดูดกับผนังถังเก็บฝุ่นนี้มันแคบไปหน่อยครับ ทำให้การทิ้งฝุ่น 10 ครั้ง เราต้องเอามือไปเขี่ยให้ฝุ่นตกลงถังขยะสัก 8 ครั้งได้ บางครั้งถ้าฝุ่นเกาะตัวเป็นก้อนจริงๆ ก็ต้องถอดเอาถังเก็บฝุ่นออกมาจากเครื่องเลย เพื่อให้ทิ้งฝุ่นทั้งหมดได้ครับ
สิ่งที่แตกต่างจากรุ่นเดิมคือปุ่มเริ่มดูดที่เปลี่ยนมาใช้ปุ่มกดด้านบนคล้ายๆ Dyson Omni-Glide ที่กด 1 ครั้งเพื่อเริ่มดูด และกดอีกครั้งเพื่อหยุด แทนที่จะเป็นปุ่มแบบไกปืนเหมือนรุ่นก่อนๆ ที่ต้องกดค้างตลอดเวลาที่ทำงาน ถ้ามองในแง่ดี ดีไซน์ปุ่มทำงานแบบนี้ก็ทำให้มือเราไม่ต้องออกแรงกดตลอดการใช้งานเหมือนรุ่นเดิม แต่ข้อเสียก็อยู่ที่เราต้องใช้ 2 มือเพื่อเริ่มทำงานและหยุดทำงานครับ เวลาทำงานแล้วเครื่องไปดูดติดอะไร ก็ต้องใช้อีกมือหนึ่งมากดหยุดเครื่อง แทนที่จะหยุดได้ทันทีเหมือนรุ่นเดิม ก็ต้องปรับตัวกันเวลาใช้งานครับ
จุดเด่นอีกอย่างของ Dyson V12 คือสามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ง่ายๆ ทำให้สำหรับบ้านที่ใหญ่มากๆ ก็สามารถซื้อแบตเตอรี่ 2 ก้อนไว้สลับสับเปลี่ยนได้ ไม่ต้องรอชาร์จ (เพราะตอนเสียบชาร์จคือใช้งานไม่ได้นะ) แต่สำหรับบ้านทั่วๆ ไป แบตเตอรี่ก้อนเดียวก็เอาอยู่ได้สบายๆ ครับ ซึ่ง Dyson V12 สามารถทำงานต่อเนื่องได้นานสุด 1 ชั่วโมง เมื่อใช้โหมด Eco และหัวดูดปกติที่ไม่มีไฟและไม่มีมอเตอร์
Dyson V12 มีหน้าจอด้านหลังเครื่องเหมือน Dyson V11 นะครับ ซึ่งนอกจากจะใช้ดูโหมดการทำงาน ดูเวลาแบตเตอรี่คงเหลือ ดูเวลาชาร์จได้เหมือนรุ่นเดิมแล้ว ในรุ่นใหม่ยังสามารถแสดงปริมาณฝุ่นที่ดูดได้แบบ Real-time ทำให้รู้ว่าขนาดนี้เรากำลังดูดฝุ่นอยู่มากน้อยแค่ไหน แล้วเป็นฝุ่นขนาดใดบ้าง เพื่อรู้ความหนักหนาของสถานการณ์ความสกปรกในบ้านครับ
นอกจากนี้ Dyson V12 จะมีซีลรอบเครื่องพร้อมแผ่นกรอง HEPA ติดตั้งอยู่หลังเครื่อง เพื่อดักฝุ่น 99.99% ไม่ให้หลุดออกจากเครื่องระหว่างการทำความสะอาด ทำให้แม้กำลังดูดสูงก็ไม่มีฝุ่นฟุ้งออกมาจนทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกเจ็บคอ ซึ่งแผ่นกรองเหล่านี้สามารถล้างทำความสะอาดได้ด้วย
หัวทำความสะอาดหลากหลาย
Dyson V12 ที่จำหน่ายในไทยนั้นมี 4 รุ่นย่อยให้เลือกคือ
- Dyson V12 Detect Slim Fluffy รุ่นถูกที่สุด ราคา 21,900 บาท มีหัวดูดน้อยที่สุด ไม่มีหัวดูดสำหรับพรมมาให้ แต่ก็เพียงพอสำหรับบ้านทั่วไป
- Dyson V12 Detect Slim Total Clean รุ่นกลางที่เรารีวิวในวันนี้ เพิ่มหัวดูดพื้นแบบ Driect Drive สำหรับทำความสะอาดพรม และหัวดูดฝุ่นแบบฝึกลึก ราคา 24,900 บาท
- Dyson V12 Detect Slim Total Clean + แท่นวางตั้งพื้น ราคา 25,900 บาท
- Dyson V12 Detect Slim Absolute Extra คือมาพร้อมแท่นวางตั้งพื้นและแบตเตอรี่เสริมอีก 1 ก้อน ราคา 28,900 บาท
หัวดูดพื้น Slim Fluffy แบบเลเซอร์ (มีในทุกรุ่นย่อย)
หัวดูดทำความสะอาดพื้นที่เป็นพระเอกของ Dyson V12 Detect เลยคือหัวดูด Slim Fluffy ที่มีขนนุ่มๆ สำหรับทำความสะอาดพื้นแข็งพวกพื้นปูน พื้นกระเบื้อง พื้นไม้ในบ้านได้สะอาดเอี่ยม แถมเป็นรุ่น Slim ที่มีน้ำหนักเบาลง และปรับปรุงล่าสุดของหัว Fluffy คือมีเลเซอร์สีเขียวๆ สาดไปที่พื้น ให้เรามองเห็นฝุ่นได้ชัดเจนด้วย ซึ่งจากการใช้งานมาหลายเดือนก็พบว่าเลเซอร์สีเขียวนี้ใช้งานได้จริงครับ แทบจะปิดไฟมืดๆ แล้วดูดฝุ่นที่พื้นได้เลย เลเซอร์ส่องให้เห็นชัดเจนว่าพื้นที่ไหนฝุ่นเยอะ ยังไม่ได้ทำความสะอาดบ้าง ทำให้การทำความสะอาดพื้นมีประสิทธิภาพสุดๆ แค่หัวเลเซอร์นี้อย่างเดียวก็ทำให้เครื่องรุ่นนี้น่าใช้แล้วครับ
โดยวิศวกรของ Dyson อธิบายว่าที่เลือกใช้เลเซอร์สีเขียวเพราะตามนุษย์มองเห็นสีเขียวได้ดี แยกฝุ่นออกง่าย และเลเซอร์ผ่านการรับรองแล้วว่าปลอดภัยต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง แต่ถ้าใช้งานในพื้นที่ที่มีแสงเยอะๆ เช่นห้องในเวลากลางวันที่เปิดหน้าต่าง จะมองเห็นเลเซอร์ที่พื้นยากหน่อยครับ จึงทำให้หัวดูดนี้ใช้ในที่แสงน้อย ๆ ได้ง่ายกว่า
หัวดูด Hair Screw (มีในทุกรุ่นย่อย)
หัวดูดแบบใหม่อีกตัวที่มีใน Dyson V12 Detect เป็นครั้งแรกคือหัวดูด Hair Screw ที่มาแทนหัวดูด Mini Motor เดิม โดยหัวดูดนี้ออกแบบไว้สำหรับการทำความสะอาดที่นอน เฟอร์นิเจอร์ผ้า หรือเบาะนุ่มต่าง ๆ โดยแปรงปั่นที่หัวดูดจะตะกุยฝุ่นที่ติดอยู่ตามวัสดุนุ่ม ๆ เพื่อให้เครื่องดูดออกมา ซึ่งการปรับปรุงในรุ่น Hair Screw คือเปลี่ยนแกนของแปรงจากทรงกระบอกให้เป็นรูปร่างกรวยแทน เพื่อแก้ปัญหาผมเส้นยาวๆ ไปพันแกนปั่นในรุ่นเดิม ซึ่งผู้ใช้ต้องคอยถอดแกนปั่นออกมาทำความสะอาดเรื่อย ๆ แต่ในรุ่นใหม่นี้เมื่อเส้นผมถูกปั่นเข้าไปก็จะถูกดันไปออกที่ปลายด้านแหลมของกรวย และถูกแรงดูดของ Dyson V12 ดึงผมเข้าไปเก็บในถังเก็บฝุ่นแทนครับ
หัวดูดอื่น ๆ
สำหรับรุ่น Dyson V12 Detect Total Clean ขึ้นไปจะได้หัวดูด Direct Drive ที่เป็นแปรงแข็ง ๆ มาด้วย ก็เหมาะสำหรับการทำความสะอาดพื้นพรมที่หัวดูด Fluffy อาจจะทำได้ไม่ดีพอ หรือคราบสกปรกแบบติดแน่น นอกจากนี้ยังได้หัวดูดฝุ่นฝังลึกตัวเล็ก ๆ มาด้วย สำหรับการทำความสะอาดเฉพาะจุด ซึ่งส่วนตัว 2 หัวดูดนี้ไม่ค่อยได้ใช้สำหรับบ้านที่ไม่มีพรมครับ เลยไม่ต้องเพิ่มราคาก็ได้ถ้าคิดว่าจะไม่ได้ใช้
แต่ 2 หัวดูดที่เราได้ใช้บ่อยมาก ๆ (และ 2 หัวดูดนี้มีในทุกรุ่น) คือ หัวดูด Combi ที่เป็นหัวดูดแบบปากกว้างพร้อมสลับไปใช้งานแบบแปรงได้ด้วย และหัวดูดปลายแหลมพร้อมไฟส่องสำหรับทำความสะอาดในพื้นที่แคบ ๆ ซึ่งใช้งานได้ดีเลย แถมใน Dyson V12 Detect จะมาพร้อมคลิปสำหรับติดท่อดูดยาว ให้เราเอาหัวดูดอีก 2 หัวติดไปได้ระหว่างทำความสะอาด ทำให้เราไม่ต้องเดินมาหยิบหัวดูดบ่อยๆ ซึ่งหัวดูดอีก 2 ตัวที่มักจะติดไปด้วยเสมอคือหัว Combi กับหัวปลายแหลมนี่แหละ
ส่วนอุปกรณ์เสริมที่เหลือ ส่วนตัวไม่ค่อยได้ใช้คือ ข้อต่อสำหรับดูดใต้เตียง ที่เปลี่ยนองศาท่อดูดให้ทำความสะอาดใต้เตียงได้ง่ายขึ้น, หัวดูดแบบแปรงขนนุ่มที่เราไปใช้หัวแบบ Combi แทนมากกว่า
ความสามารถในการทำความสะอาด
Dyson V12 Detect ถือเป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นท็อปสุดจากไดสันในไทยตอนนี้นะครับ จึงให้ประสิทธิภาพได้สูงได้ตามความคาดหวัง มาพร้อมมอเตอร์ Dyson Hyperdymium ในเครื่องทำงานด้วยความเร็วสูงสุด 120,000 RPM สร้างแรงดูดสูงสุด 150 Air-Watt แต่ก็ยังน้อยกว่า V11 เดิมที่ให้แรงดูดสูงสุด 185 Air-Watt เพราะรุ่นเดิมมีขนาดใหญ่กว่า ถังเก็บฝุ่นจุกว่า แต่ก็มีน้ำหนักมากกว่าคือเกือบ 3 กก. เทียบกับ V12 ที่หนักเพียง 2.2 กก.
(ส่วนต่างประเทศจะจำหน่ายรุ่น V15 Detect ที่เครื่องใหญ่กว่า แรงดูดมากกว่า แพงกว่า และหนักมากกว่า 3 กิโล แต่ประเทศแถบเอเชียจะขายรุ่น Slim เป็นหลัก เพราะน้ำหนักเบา เหมาะกับผู้ใช้มากกว่า)
เครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ออกแบบในระบบไซโคลน ประกอบด้วยท่อไซโคลน 11 ท่อเพื่อสร้างแรงเหวี่ยงฝุ่นออกจากอากาศให้ตกลงไปในถังฝุ่น ทำให้ไม่ให้ต้องถุงดักฝุ่นแบบเครื่องดูดฝุ่นสมัยก่อน แรงดูดฝุ่นจึงไม่ตกแม้ฝุ่นจะมีอยู่เต็มถึงเก็บฝุ่นครับ
การทำงานปกติในโหมด Auto ที่เครื่องจะปรับความแรงในการทำงานให้ตามลักษณะการทำงานหรือพื้นผิวที่ดูดก็ทำงานได้ดีครับ สามารถทำความสะอาดได้รวดเร็วโดยไม่ต้องทำความสะอาดซ้ำหลายๆ รอบ เพราะการดูดแค่รอบเดียวก็สามารถทำความสะอาดพื้นผิวได้สะอาดดีแล้ว ซึ่งโหมดนี้จะใช้งานได้ราว 40 นาที
ส่วนโหมด Eco ที่กำลังดูดน้อยที่สุด อันนี้สำหรับการทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ๆ ที่ต้องทำงานต่อเนื่องยาว ๆ แต่ความสกปรกไม่หนักหนามาก ก็จะทำงานได้ราว ๆ 1 ชั่วโมง และโหมดสุดท้ายคือ Boost อันนี้ได้กำลังสูงสุดคือ 150 Air-Watt สำหรับทำความสะอาดเฉพาะจุดที่ต้องการแรงดูดสูง ก็จะทำงานได้ราว ๆ 10 นาทีเท่านั้นครับ
สรุป Dyson V12 Detect Slim น่าใช้ไหม
เรารีวิวเครื่องดูดฝุ่นไดสันมาหลายรุ่นนะครับ ซึ่งบทสรุปที่ได้จากการใช้จริงมาหลายเดือนคือ Dyson V12 Detect Slim เป็นเครื่องดูดฝุ่นที่น่าใช้ครับ ด้วยราคาเริ่มต้นแค่ 21,900 บาท ถือเป็นเครื่องรุ่นท็อปที่ราคาถูกกว่ารุ่นท็อปในปีก่อน ๆ แถมเลเซอร์ที่หัวดูดพื้นยังใช้ดีมากด้วย ทำความสะอาดได้สะดวกและสนุกสุด ๆ นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักเบา ได้หัวดูดทำความสะอาดครอบคลุมการใช้งานในบ้าน และเครื่องฉลาด สามารถปรับการทำงานได้อัตโนมัติด้วย ถ้าใครยังไม่มีเครื่องดูดฝุ่นไร้สายในบ้าน ก็น่าหาซื้อไว้ครับ
อ่านรีวิว Dyson Omni-Glide เครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบไม้กวาด
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส