Asus Vivobook Pro 16X จอเทพ 4K OLED สีตรง 100% DCI-P3 ฮาร์ดแวร์แรง! AMD Ryzen 9 5900HX การ์ดจอ Geforce RTX 3050 Ti ตัดต่อลื่น ทำอัฟเตอร์เอฟเฟกต์โหด ๆ ก็ยังไหว เหมาะกับครีเอเตอร์หรือยูทูบเบอร์ และที่สำคัญทำงานคล่องกว่าเดิมเพราะมีนวัตกรรมใหม่ Dial Pad ทั้งหมดนี้ #แบไต๋ รีวิวละเอียดให้ได้รู้กัน
ดีไซน์
สีที่ได้มารีวิวเป็น 0°Black (Zero Degree Black) โดยการออกแบบ Asus Vivobook Pro 16X ในหลายจุดจะเล่นกับนัยของคำว่า Under Construction ความหมายคือสิ่งโน๊ตบุ๊กเครื่องนี้ทำได้ คือการก่อร่างสร้างคอนเทนต์หรืองานต่าง ๆ ออกมาได้ผ่านฮาร์ดแวร์แรง ๆ นั่นเอง โครงเครื่องทั้งหมดทำจากอลูมิเนียมให้ความสัมผัสและความรู้สึกที่แข็งแรงไว้ใจได้ ส่วนฝาหลัง โลโก้จะถูกย้ายที่ไปที่ฝั่งขวาและจะมีพื้นผิวที่นูนขึ้นมา
กล้องและไมโครโฟน
เครื่องนี้ก็ให้เว็บแคมมาด้วย จะมีความละเอียดอยู่ที่ 720p และตัวไมโครโฟนที่บิวท์-อินมากับเครื่องจะมีระบบตัดเสียงรบกวนภายนอกหรือ Noise-canceling ให้ในระดับหนึ่งซึ่งก็ถือว่าใช้งานได้มากพอแล้วกับการประชุมออนไลน์ ไม่จำเป็นต้องซื้อไมโครโฟนมาต่อเพิ่ม
คีย์บอร์ด
ส่วนบริเวณคีย์บอร์ด ที่ปุ่ม ESC (Escape) จะใช้เป็นสีส้มสว่าง ส่วนปุ่ม Enter จะมีลายคาดเอียงที่จะเห็นได้บ่อย ๆ จากป้าย Under Construction และจะมีการเล่นกับโทนสี โดยการให้แป้นภาษาใช้เป็นสีดำ ส่วนแป้นสำหรับคำสั่งต่าง ๆ ที่อยู่ด้านข้างไม่ว่าจะเป็น Backspace, Tab, Caps Lock, Shift หรือว่าปุ่มในระนาบนี้จะเป็นสีเทา ในขณะที่ทัชแพดในรุ่นนี้ค่อนข้างให้มาใหญ่ วางนิ้วได้ครบถ้วนกด Gesture ต่าง ๆ ได้อย่างไม่อึดอัด ส่วนปุ่ม Power จะมีความลึกกว่าปุ่มอื่นเพื่อลดโอกาสเผลอไปกดโดนและยังใส่เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือลงไปในตัวด้วย
น้ำหนัก
เว็บไซต์ออฟฟิเชียลระบุไว้ที่ 1.95 กิโลกรัม ตัวเลขนี้รวมอะแดปเตอร์แล้วด้วย แต่เมื่อได้ลองชั่งน้ำหนักจริง ของตัวเครื่องเปล่า ๆ อยู่ที่ 1.94 กิโลกรัม เมื่อรวมกับอะแดปเตอร์แล้วน้ำหนักจะอยู่ที่ 2.35 กิโลกรัม ถือว่าเป็นโน้ตบุ๊กที่อยู่ในเกณฑ์เบาพกพาไปไหนมาไหนสะดวก ในขณะที่ความหนาอยู่ที่ 18.9 เซนติเมตรเท่านั้น
พอร์ตการเชื่อมต่อ
ถือว่าครบถ้วนจบในตัวไม่ต้องต่อพ่วงอะไรเพิ่ม โดยเจ้าตัว Asus Vivobook Pro 16X มีให้ตั้งแต่ USB 3.2 Gen 1 Type-A x 1, USB 3.2 Gen 1 Type-C x 1, USB 2.0 Type-A x 2, HDMI x 1, แจค 3.5 มิลลิมเตร x 1 และช่อง Micro SD card reader
หน้าจอ
หน้าจอขนาด 16:10 ความละเอียด 4K แบบ WQUXGA (Wide Quad Ultra XGA) พร้อมกับพาแนลจอแบบ OLED ขนาด 16 นิ้ว ความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 550 nits และค่า DCI-P3 100% ที่รับรองคุณภาพโดย Pantone validated
ถนอมสายตา ทำงานได้เป็นเวลานาน โดยไม่ล้า หน้าจอลดแสงสีฟ้า 70% รับรองคุณภาพโดย TÜV Rheinland-certified และ SGS Eye Care Display
ทั้งหมดนี้สามารถทำให้เรานำไปใช้ในการเช็กสีสันของภาพหรือวิดีโอได้อย่างเที่ยงตรง ส่วนหากนำไปใช้ในการรับชมภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือทุกความเอนเตอร์เทน ก็จะได้ทั้งสีสันของภาพที่อิ่ม สีดำสนิท ดูลึกมีมิติ พร้อมกับลำโพงที่จับมือคู่กับ harman/kardon ให้ประสบการณ์ที่ฟินมาก ๆ เลย
สเปกและการทดสอบผ่านโปรแกรม Benchmark ต่าง ๆ
Asus Vivobook Pro 16X ใช้โปรเซสเซอร์เป็น AMD Ryzen™ 9 5900HX processor การ์ดจอ NVIDIA® GeForce® RTX 3050 Ti, RAM 32 GB DDR4 แบบ On Board และให้ SSD มา 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 ทำคะแนนจาก Crystal Diskmark อ่านได้ที่ 3597 เมกาไบต์/วินาที และเขียนอยู่ที่ 3073 เมเกาไบต์/วินาที
เราได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพผ่านโปรแกรม Benchmark ทั้งหลายที่เริ่มกันกับ 3D Mark ในโหมดวัดพลังชิปเซ็ตแบบเข้ม ๆ บน CPU Profile ที่กวาดคะแนนการใช้งานทุก Threads ไปได้ที่ 6477 คะแนน ในโหมด Time Spy วัดประสิทธิภาพการเล่นเกมทำไปได้ 5077 คะแนน
ถัดมากับ Cinebench R20 ทำคะแนนภาพรวม CPU ไปได้ที่ 4840 คะแนน
ปิดท้ายกันกับ Geekbench 5 คะแนนทดสอบ CPI แบบมัลติสกอร์ทำได้ที่ 8100 คะแนน ส่วน Compute หรือการวัดพลังการ์ดจอยู่ ก็ทำไปได้ที่ 61055 คะแนน
ทดสอบการเล่นเกม
กองบรรณาธิการแบไต๋ได้ทำการทดสอบไปทั้งสิ้น 4 เกม ผลสรุปได้ออกมา ดังนี้
Cyberpunk 2077 โดยเราได้ตั้งค่ากราฟิกเพื่อให้เล่นได้ลื่นไหลที่สุด พร้อมกับการเปิด Ray Tracing โดยมากค่าหลัก ๆ ทั้งหมดจะปรับอยู่ในระดับ High ส่วนค่าที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ จะปรับอยู่ในระดับ Low บ้างไปจนถึง off เลยก็มี ส่วนทางด้านสัดส่วนภาพก็จะปรับเป็น FHD+ 1920 x 1200 พร้อมกับการเปิดโหมดภาพแบบ HDR10 scRGB ซึ่งผลลัพธ์นั้นถือว่าเล่นได้เลื่อนไหล เฟรมเรตจะอยู่ที่ราว ๆ 40 – 60 fps ที่มากหรือน้อยก็จะขึ้นอยู่กับหรือจำนวนโมเดลที่ตัวเกมต้องโหลดอีกที
The Witcher 3: Wild Hunt เกมที่ออกมาตั้งแต่ปี 2015 แต่ยังนำมาใช้ในการเทสต์กราฟิกได้จนถึงปัจจุบัน เราได้ทำการตั้งให้ค่ากราฟิกโดยมากอยู่ในระดับ Ultra พร้อมกับตั้งค่าสัดส่วนภาพอยู่ที่ 2,560 x 1600 หรือใกล้ในระดับ Quad HD ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือเล่นได้ในระดับที่น่าพึงพอใจเฟรมเรตอยู่ราว ๆ 40 – 50 fps
Metro Exodus Enhanced Edition ของเก่าที่ว่ากินเครื่อง ภาพสวยแล้ว เวอร์ชันนี้สวยกว่าเดิมอีกทั้งหนักเครื่องกว่าเดิมอีก การตั้งค่ากราฟิกในส่วนของ Quality อยู่ที่ High สัดส่วนภาพเลือกเป็น Full HD 1920 x 1080 พร้อมกับเปิด Ray Tracing ซึ่งผลที่ได้คือเฟรมเรตจะอยู่ที่ 35 – 50 fps ตามแต่จังหวะของเกมว่า Asset มีมากน้อยแค่ไหน
Citie: Skyline เกมที่ยังคงใช้เป็นมาตรฐานในการเทสต์ CPU อยู่เช่นเดิม เราได้ปรับทุกค่าให้สุดมิดหลอด โดยผลที่ได้นั้นความลื่นไหลในการเล่นก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เฟรมเรตทำได้ราว ๆ 29 – 55 fps
DialPad กับงานครีเอเตอร์
ถึงคราวของการทดสอบให้สายครีเอเตอร์และยูทูบเบอร์ได้ดูกันบ้าง Asus Vivobook Pro 16X ได้นำ Asus Dial ที่มีอยู่บน Asus ProArt Studiobook มาใส่ลงไปในทัชแพดในชื่อ DialPad ซึ่งก็จะเป็นวงล้อที่ช่วยให้การใช้โปรแกรมเชิงครีเอตทั้งหลายได้ง่ายขึ้นไม่ว่าจะเป็น Photoshop, Premiere Pro หรือโปรแกรมอื่น ๆ ซึ่งจะให้เป็นคำสั่งแบบไหนบ้างเราก็สามารถเข้าไปตั้งค่าใน ProArt Creator Hub ได้ อีกทั้ง Processor AMD Ryzen 9 จะช่วยให้การใช้งานสมูทยิ่งขึ้น
ระบบระบายความร้อนและแบตเตอรี่
Asus Vivobook Pro 16X มีระบบพัดลมระบายความร้อนคู่ Dual-fan Cooling system ที่ช่วยระบายความร้อน ช่วยให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ทำงานได้อย่างเสถียร เครื่องไม่ร้อน แม้จะใช้งานเป็นระยะเวลานาน พร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานขนาด 96 WHr และมีระบบ fast charge ทำงานได้หลายชั่วโมง แม้ไม่ได้เสียบปลั๊กชาร์จ
ข้อสังเกต
สำหรับ Asus Vivobook Pro 16X ในรุ่นชิปเซ็ต AMD พอร์ต USB-C จะไม่รองรับ Thunderbolt หรือการชาร์จเครื่องผ่านพอร์ตนี้ แต่ถ้าใครที่อยากได้ความสามารถนี้ก็สามารถเลือกซื้อ Asus Vivobook Pro 16X ในรุ่นที่ชิปเซ็ตเป็นของทาง Intel ได้
อีกข้อคือ เสียงที่ออกจากลำโพงตัวเครื่องค่อนข้างเบา
ราคา
Asus Vivobook Pro 16X สนนราคาเริ่มต้นที่ 46,990 บาท ฟรี Microsoft Office Home and Student 2019 ตลอดอายุเครื่อง พร้อม ASUS Exclusive Care บริการซ่อมถึงที่ 3 ปีเต็ม, ประกันอุบัติเหตุ (Perfect Warranty) 1 ปีแรก และประกัน 3 ปี International Warranty ครอบคลุม 57 ประเทศทั่วโลก พร้อมรับสมาชิก Adobe Creative Cloud® ฟรี เป็นระยะเวลา 3 เดือน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส