บรรดาคนรักหมาแมวจะเข้าใจกันดีว่า การผูกพันกับสัตว์เลี้ยงบางตัวนั้นมันเป็นความรู้สึกที่ประเมินค่าไม่ได้ แต่ว่าหมาแมวนั้นมีอายุขัยเพียงแค่สิบกว่าปีเท่านั้น ทุกตัวจะต้องจากเราไปก่อน แม้ว่าเราจะมีเงินทองเพียงใดก็ไม่สามารถยื้อไว้ได้ แต่วันนี้เจ้าของที่มีเงินถุงเงินถัง สามารถโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงตัวโปรดได้แล้ว เพราะมีหลายบริษัทเปิดให้บริการรับโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยง และรายที่ประสบความสำเร็จมากสุดก็คือ Viagen Pets บริษัทสัญชาติอเมริกันที่เป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวในสหรัฐฯ ที่เปิดรับบริการโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงแสนรัก โดยเฉพาะหมาและแมว
ลูกค้ารายหนึ่งที่พึงพอใจกับการใช้บริการของ Viagian Pets เอามาก ๆ ก็คือ จอห์น เมนโดลา (John Mendola) เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำกรุงนิวยอร์ก ที่วันนี้เป็นข้าราชการเกษียณอายุแล้ว เมนโดลาได้ใช้บริการของ Viagen Pets โคลนนิ่ง Princess หมาสุดรักของเขา หลังจากสัตวแพทย์ตรวจพบว่ามันเป็นมะเร็ง เมนโดลาย้อนเล่าว่าเขาได้พบกับ Princess เมื่อปี 2006 ในวันนั้น เมนโดลาอายุได้ 52 ปี เขาอยู่เวรประจำ สน.ลองไอส์แลนด์ เจ้าหน้าที่นายหนึ่งก็นำหมาจรจัดสกปรกตัวหนึ่งเข้ามาใน สน.
“เจ้าหมาตัวนี้ขนสกปรกเป็นก้อน แบบที่ไม่มีทางจะหวีมันได้เลย… แล้วฟันฟางมันก็แย่มากด้วย แต่อย่างน้อยมันก็พอเห็นแววเป็นหมาน่ารักจนจับใจผมได้”
พอเลิกงานในวันนั้น เมนโดลาก็บอกเพื่อนร่วมงานของเขาว่าไม่ต้องเอาเจ้าหมาจรจัดตัวนี้ไปส่งสถานสงเคราะห์สัตว์หรอกนะ เขาจะรับมันไปเลี้ยงเอง
“นั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของผม”
เมนโดลาตั้งชื่อให้เจ้าหมาน้อยว่า Princess ได้แรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนดิสนีย์ เจ้าพรินเซ็สเป็นหมาพันธุ์ ชิห์อัปโซ (shih Apso) เป็นหมาขี้เล่น แล้วก็เข้ากับเด็ก ๆ ได้ดี ทำให้เมนโดลายิ่งรักและผูกพันกับเจ้าพรินเซ็สมากขึ้น หลังอยู่ด้วยกันจนมีความสุขมาตลอด 10 ปี เมนโดลาก็ได้รับข่าวร้ายในปี 2016 เมื่อสัตว์แพทย์บอกว่าเจ้าพรินเซ็สป่วยเป็นมะเร็ง ทำให้เมนโดลานึกถึง Viagen Pets ขึ้นมาทันที เพราะเขาเคยได้ดูสารคดีทีพูดถึงบริษัทนี้ที่ตั้งอยู่ในรัฐเท็กซัส ว่าเปิดให้บริการโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยง
พรินเซ็สได้จากเมื่อปี 2017 แต่ก่อนหน้านั้น กระบวนการโคลนนิ่งก็ได้เริ่มต้นไปแล้ว ทาง Viagen ได้ตัดเนื้อเยื่อบางส่วนของพรินเซ็สออกไป แล้วทำการโคลนนิ่งลูกหมาออกมาได้ 2 ตัว ด้วยการฝากไว้ในครรภ์แม่หมาที่ทำหน้าที่อุ้มบุญ ลูกหมาคลอดออกมาได้สำเร็จในปีต่อมา ทั้งสองตัวจัดว่าเป็นหมาที่มีพันธุกรรมเดียวกันกับพรินเซ็ส (genetically identical) เมนโดลาตั้งชื่อลูกหมา 2 ตัวนี้ว่า Jasmine และ Ariel เป็นชื่อเจ้าหญิงจากการ์ตูนดิสนีย์
“ลายจุด เส้นขน ทุกอย่างเหมือนกับพรินเซ็สเป๊ะเลย แม้กระทั่งนิสัย คุณ ๆ เคยเห็นกันใช่ไหม เวลาหมาเพิ่งตื่นแล้วลุกขึ้นยืน มันจะสะบัดตัว ทั้งคู่นี่ทำเหมือนกันเลย เหมือนกับที่พรินเซ็สชอบทำ”
แม้ว่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายรายจะพึงพอใจกับผลงานของ Viagen แต่บริษัทก็ยังต้องเผชิญกับเสียงโต้แย้งจากสังคมรอบข้างถึงจริยธรรมและความถูกต้อง แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้สนใจมาใช้บริการเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่ค่าบริการของ Viagen ก็จัดว่าอยู่ในระดับเกินเอื้อมสำหรับพนักงานเงินเดือนทั่วไป ด้วยค่าบริการโคลนนิ่งหมาที่ 50,000 เหรียญต่อตัว ประมาณ 1.6 ล้านบาท และโคลนนิ่งแมวที่ 30,000 เหรียญต่อตัว ประมาณ 1 ล้านบาทนิด ๆ ส่วนม้านี่แพงสุด อยู่ที่ 85,000 เหรียญ หรือประมาณ 2.8 ล้านบาท
แม้ว่าราคาจะแพงหูฉี่ขนาดนี้ แต่ตัวแทนทาง Viagen บอกว่า “มีคนมาใช้บริการโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี เราโคลนนิ่งไปเป็นร้อยตัวแล้วนับตั้งแต่เปิดบริษัทมาเมื่อปี 2015” และกลุ่มผู้ที่มาใช้บริการก็มักจะเป็นคนมีชื่อเสียง หรือคนวงการบันเทิง บางคนก็มาใช้บริการกันแล้ว และอีกหลายคนก็มีแผนการว่าจะมาใช้บริการ ตัวอย่างลูกค้าของ Viagen ก็อย่างเช่น บาร์บารา สไตรแซนด์ (Barbra Streisand) ที่มาใช้บริการเมื่อปี 2018 โคลนนิ่ง ซาแมนธา หมาสุดรักของเธอ ออกมาเป็นลูกหมา 2 ตัว และ ไซมอน โคเวลล์ (Simon Cowell) เจ้าพ่อแห่งวงการทาเลนต์โชว์ ก็เคยใช้บริการโคลนนิ่งหมาพันธุ์ ยอร์กเชียร์ เทอร์เรียส์ ของเขาออกมาเป็นลูกหมา 3 ตัว
เหตุหนึ่งที่ธุรกิจการโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่อง ‘ศีลธรรม’ นั่นก็เพราะขั้นตอนกระบวนการต่าง ๆ ในการทำโคลนนิ่งที่ดูจะหมิ่นเหม่ในเรื่องศีลธรรม เริ่มต้นจากการดึงเอานิวเคลียสของเซลล์มาจากสัตว์เลี้ยงตัวต้นแบบ แล้วก็ฉีดเข้าไปในไข่ ที่ดึงออกมาจากตัวแม่อุ้มบุญ แล้วทำการตัดตอนถอดสารพันธุกรรมจากตัวแม่ออกไปเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็เอาไข่นี้ไปเพาะเลี้ยงในห้องแล็บ จนกลายเป็น ‘ตัวอ่อน’ (embryo) พอถึงขั้นตอนนี้ เจ้าหน้าที่ก็นำตัวอ่อนไปฝังลงในมดลูก หรือรงไข่ ของแม่อุ้มบุญ แล้วผลลัพธ์สุดท้ายก็จะออกมาเป็น ลูกหมา ลูกแมว หรือ ลูกม้า นั่นเอง
เบลค รัสเซลล์ (Blake Russell) ประธานของ Viagen Pets ยังอวดอ้างถึงเทคโนโลยีของบริษัทอีกด้วยว่า ทาง Viagen สามารถเก็บรักษาตัวอย่างพันธุกรรมของสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณไว้ได้ยาวนานแบบไม่มีกำหนดอีกด้วย จนกว่าจะเริ่มต้นกระบวนการโคลนนิ่ง เป็นเพราะว่าการเก็บรักษาตัวอย่างพันธุกรรมเหล่านี้ด้วยระบบ Cryopreservation ไม่จำเป็นต้องใช้อุณหภูมิที่เย็นจัดมาก
“การโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงนั้น เรียบง่าย เราได้สัตว์เลี้ยงที่มีพันธุกรรมเหมือนแฝดกัน แตกต่างกันแค่ปี หรือทศวรรษ หรืออาจจะต่างกันเป็นศตวรรษเลยก็ได้”
“เรามันพันธสัญญาสำคัญในการดูแลให้หมาและแมวทุกตัวของเรานั้นมีสุขภาพและอนามัยที่ดี”
การที่ Viagen เอ่ยถึงเรื่องสุขภาพของสัตว์โคลนนิ่งออกมานั้น ก็เหมือนรู้ตัวเองดีว่า ทางบริษัทมีข้อด้อยในจุดนี้อยู่ ที่สื่อและเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ ชี้นิ้วมาตรงจุดนี้ อย่างเช่น องค์กรที่ดูแลเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ก็ออกปากว่าเป็นกังวลเรื่อง สุขภาพของบรรดาสัตว์ที่เกิดจากการโคลนนิ่ง เพราะเห็นผลการศึกษาหลายฉบับต่างก็พูดตรงกันว่า สัตว์โคลนนิ่งนั้นอ่อนแอและป่วยง่าย
ส่วนหน่วยงานอื่น ๆ ก็โจมตีว่า Viagen มีการทำงานที่ผิดพลาดค่อนข้างสูง มีสัตว์โคลนนิ่งหลายตัวที่เกิดมาไม่แข็งแรงและสุขภาพไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อปี 2018 ทางมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในนิวยอร์ก ได้ทำการประเมินไว้ว่า Viagen ประสบความสำเร็จในการทำโคลนนิ่งเพียงแค่ 20% เท่านั้น นั่นหมายความว่าทางบริษัทจำเป็นต้องใช้แม่สัตว์อุ้มบุญจำนวนมาก ในการพยายามทำซ้ำจนกว่าจะสำเร็จ
ดร.เพนนี ฮอว์กินส์ (Penny Hawkins) ผู้เชี่ยวชาญประจำมูลนิธิเพื่อสวัสดิภาพสัตว์ ประจำการอยู่ที่ ราชสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์ (The Royal Society for the Prevention of Cruelty to Animals) ได้ให้ความเห็นถึงธุรกิจการโคลนนิ่งสัตว์ไว้ว่า กระบวนการนี้มันเป็นการกระทำที่สร้างความเจ็บปวดทรมานให้กับบรรดาสัตว์ตัวเมียที่ต้องโดนผ่าตัดเอาไข่ออกไป เพื่อการปลูกถ่ายพันธุกรรม และอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องทำหน้าที่เป็นแม่อุ้มบุญ พร้อมกันนั้น ดร.ฮอว์กินส์ ยังให้ข้อคิดเตือนใจกับบรรดาผู้ที่สนใจจะไปใช้บริการโคลนนิ่งว่า เอาจริง ๆ แล้ว สัตว์ที่โคลนนิ่งมาได้นั้น ไม่มีทางที่จะออกมาเหมือนเป๊ะกับสัตว์ตัวต้นแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องนิสัยใจคอ
“มันมีตัวแปรอื่น ๆ อีกมากมายที่มีอิทธิพลต่อสัตว์ตัวนั้น ๆ มากกว่า DNA ของมันเอง มันไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เลยที่ส้ตว์เหล่านั้นจะต้องเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน แล้วก็ส่งผลให้สัตว์แต่ละตัวมีนิสัยที่ต่างกันออกไป”
ในจุดนี้ ทาง Viagen เองก็ยอมรับว่า มีผลการวิจัยอย่างเป็นทางการยืนยันว่า การเลี้ยงดู อบรม สั่งสอน จากเจ้าของก็มีผลต่อนิสัยส่วนตัวของสัตว์นั้น ๆ ถึง 25%
ดร.ฮอว์กินส์เสริมต่ออีกว่า
“เราแนะนำเป็นอย่างยิ่งว่า ใครก็ตามที่อยากจะได้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่ ควรจะไปรับอุปการะสัตว์ที่มีนับพันตัวจากสถานสงเคราะห์สัตว์ที่กำลังรอคอยบ้านใหม่อยู่”
เอลิซา แอลเลน (Elisa Ellen) ผู้อำนวยการ องค์กรพิทักษ์สัตว์ (People for the Ethical Treatment of Animals)หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม Peta ก็สนับสนุนให้ประชาชนผู้รักสัตว์เลือกที่จะอุปการะสัตว์เลี้ยงแทนที่จะเลือกใช้วิธีการโคลนนิ่ง
“นิสัยเฉพาะตัวของสัตว์ โดยเฉพาะเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริง ๆ นั้นไม่สามารถทำซ้ำขึ้นมาใหม่ได้”
“ฉันอยากจะแนะนำให้คุณ ๆ ลองพิจารณาถึงสัตว์ที่น่ารักนับล้านตัว ทั้งหมาและแมวที่นอนรอผู้ใจบุญมารับอุปการะอย่างอ่อนระโหยโรยแรงไปแต่ละวัน ทุก ๆ ปีจะมีหมาและแมวที่ต้องตายไปพร้อมกับความหวาดกลัวหลักจากที่โดนเจ้าของทิ้ง อยากให้คุณ ๆ รู้ไว้ด้วยว่า การมาถึงของวิทยาการโคลนนิ่งสัตว์นั้นคือวิกฤติการณ์ของหมาและแมวไร้บ้านที่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ”
“ในนามของ Peta พวกเราแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้พวกคุณลองรับอุปการะสัตว์สักตัวจากสถานสงเคราะห์สัตว์ใกล้บ้านแทนที่จะไปอุดหนุนธุรกิจโคลนนิ่งให้เติบใหญ่ มันเป็นกระแสนิยมที่ทำเงินบนความโหดร้าย”
ในขณะที่มีคนจำนวนมากออกมารุมประนามธุรกิจโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยง ก็ยังมีบางคนที่เห็นชอบกับธุรกิจนี้อยู่บ้างและมาให้ความคิดเห็นส่วนตัวของเขา แอนดรูว์ เฮสเซิล (Andrew Hessel) นักพันธุศาสตร์ เป็นคนหนึ่งที่ออกความเห็นว่า ธุรกิจโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงนั้นก็ยังพอคำนึงถึงจริยธรรมอยู่บ้างนะ ถ้าพวกเขาดำเนินกิจการอยู่บนความรับผิดชอบกันจริง ๆ
“บางคนอาจจะพูดว่า ‘โคลนนิ่งกันไปทำไม ในขณะที่มีสัตว์รอให้รับอุปการะอยู่เยอะแยะมากมาย?’ ทำไมเราไม่ใช้มาตรการรูปแบบนี้กับมนุษย์เราบ้างล่ะ เรามีลูกกันเองทำไม ในขณะที่มีเด็กกำพร้าอีกตั้งมากมายรอให้รับอุปการะ? ในขณะที่พวกคุณก็พร่่ำบอกกันอยู่เสมอว่ารักสัตว์เหมือนกับประหนึ่งสมาชิกในครอบครัว”
ก็นับว่าเป็นคำโต้แย้งที่ชวนให้สะอึกได้อยู่เหมือนกันนะครับ
พอพูดถึงเรื่องว่า ควรอุปการะสัตว์แทนที่จะจ่ายเงินแพง ๆ มาโคลนนิ่งนั้น ก็ต้องย้อนกลับไปที่ คุณตำรวจเมนโดลา ท่านนี้ก็บอกว่านอกจากเขาจะใช้บริการโคลนนิ่งแล้ว เขาก็ยังรับอุปการะหมามาเลี้ยงด้วยตัวหนึ่งชื่อว่าเจ้า Bebe รับมาตั้งแต่ก่อนที่พรินเซ็สจะตายแล้วด้วย
“พอผมพาลูกหมาโคลนนิ่งกลับมาบ้าน เบ๊บก็ยินดีต้อนรับพวกมันทันที ผมรู้ว่าเบ๊บก็คิดถึงพรินเซ็ส เบ๊บดมเจ้าสองตัวนั้นแล้วเค้าก็ริกรี้ดีใจ เพราะเจ้าตัวน้อยคู่นี้ก็คือพรินเซ็ส”
เมนโดลาเล่าว่า เบ๊บได้จากไปเมื่อต้นปีนี้เอง แต่เขาก็เตรียมเก็บตัวอย่างพันธุกรรมของเบ๊บไว้เรียบร้อยแล้ว เตรียมพร้อมสำหรับโคลนนิ่ง ส่วนจัสมิน และ แอเรียล สองตัวนั้นยังแข็งแรงและมีความสุขดี