สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) บริษัทขนส่งอวกาศมีภารกิจปล่อยดาวเทียมถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ Eutelsat HOTBIRD 13G ไปยังวงโคจรดาวเทียมสำหรับเดินทางต่อไปยังวงโคจรพ้องคาบโลก (Geosynchronous orbit) จาก SLC-40 ที่สถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล รัฐฟลอริดา ด้วยจรวด Falcon 9 ในวันที่ 2 พฤศจิกายน เวลา 11:26 p.m. ET (วันที่ 3 เวลา 10:26 น. ในประเทศไทย) ทั้งนี้จะเป็นเที่ยวบินที่ 50 ของจรวด Falcon 9 และภารกิจครั้งที่ 51 ของสเปซเอ็กซ์ในปีนี้ หลังจากพึ่งทำภารกิจ USSF-44 ไปเมื่อวานนี้ด้วยเที่ยวบินแรกของจรวด Falcon Heavy ในรอบ 3 ปี
Hotbird 13F และ 13G เป็น 2 ดาวเทียมถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์หลายร้อยช่องของ Eutelsat ผู้ให้บริการดาวเทียมสัญชาติฝรั่งเศส ซึ่งให้บริการครอบคลุมทั่วทั้งทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชีย และอเมริกา จัดว่าเป็นผู้ให้บริการดาวเทียมรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกในด้านรายได้
Hotbird 13G เป็นดาวเทียมดวงที่ 2 ที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Eurostar Neo แบบใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดที่พัฒนาโดยบริษัท Airbus ซึ่งทาง Eutelsat ได้สั่งให้ Airbus สร้างดาวเทียมชุดนี้ขึ้นมา 2 ดวง เมื่อเดือนสิงหาคม 2018 คือ Hotbird 13F และ 13G ซึ่งมีกำลังในการสื่อสารแรงสูง มีความต้านทานสัญญาณรบกวนเพิ่มขึ้น และใช้ย่านความถี่ Ku-band ที่มีความจุเท่ากับดาวเทียม Hotbird 8, 9 และ 10 ที่อยู่ในตำแหน่ง 13 องศา ตะวันออก ซึ่งจะนำมาใช้แทนดาวเทียมเก่าทั้ง 3 ดวงที่กล่าวมา ทั้งนี้ดาวเทียมดวงแรก Hotbird 13F ได้ถูกปล่อยสู่วงโคจรไปแล้วเมื่อ 15 ตุลาคม
ภารกิจ Eutelsat HOTBIRD 13G จะใช้บูสเตอร์ B1067 เป็นเที่ยวบินที่ 7 ซึ่งได้ผ่านภารกิจมาแล้ว 6 เที่ยวบิน คือ ภารกิจ CRS-22 ขนส่งเสบียงไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS), ภารกิจ Crew-3 ส่งนักบินอวกาศของนาซาไปกลับ ISS, ภารกิจปล่อยดาวเทียมสื่อสาร Turksat 5B ของตุรกี, ภารกิจ Crew-4 ส่งนักบินอวกาศของนาซาไปกลับ ISS, ภารกิจ CRS-25 ขนส่งเสบียงไปยัง ISS และภารกิจปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิง Group 4-34
เมื่อจรวด Falcon 9 ถูกปล่อยสู่ท้องฟ้า ต่อมาจากนั้นไม่นานบูสเตอร์ B1067 จะแยกตัวออกจากจรวดท่อนที่ 2 และบินกลับมาลงจอดบนเรือโดรน Just Read the Instructions ที่จอดรออยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ในครั้งต่อไป
ที่มา : spacex และ nextspaceflight
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส