การตลาดที่ใช้อินฟลูเอนเซอร์ในการโปรโมตสินค้าและบริการมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขล่าสุดในปี 2565 พบว่าตลาดอินฟลูเอนเซอร์มีมูลค่าในปีเดียวมากถึง 16,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 537,000 ล้านบาท) จึงไม่แปลกที่จำนวนอินฟลูเอนเซอร์จะเพิ่มขึ้นทุกปี
แม้ว่าอุตสาหกรรมดังกล่าวจะเติบโตขึ้นมาก แต่ก็มาพร้อมกับปัญหาที่มากมาย เช่น ประมาณ 67% เกิดปัญหาฉ้อโกงและอีกเกือบ 30% ของนักการตลาดมีปัญหาในการวัด ROI (ผลตอบแทนจากการลงทุน) ของแคมเปญ รวมถึงการจะหาอินฟลูเอนเซอร์สักคนมาเป็นภาพลักษณ์ของแบรนด์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและเครื่องมือด้านการตลาดยุคใหม่ จึงเกิดเป็นอินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริง (Virtual Influencer หรือ AI Influencer) ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการตลาดแบบใช้อินฟลูเอนเซอร์ไปโดยสิ้นเชิง
ดังที่กล่าวไปข้างต้น ปัญหาฉ้อโกงของอินฟลูเอนเซอร์เป็นปัญหาที่ใหญ่มาก เพราะเสี่ยงทำให้แบรนด์เสียหายและต้องเสียงบประมาณการตลาดหลายพันล้านดอลลาร์ไปฟรี ๆ ปัญหานี้เป็นผลมาจากที่ตลาดนี้มีการแข่งขันสูงมาก อินฟลูเอนเซอร์หลายคนจึงไปทำการซื้อผู้ติดตาม เพียงเพื่อให้มียอดเหนือกว่าคู่แข่ง ผลที่ตามมาคือทำให้การวัดค่าสถิติต่าง ๆ เพี้ยน และคาดเคลื่อน สุดท้ายก็ไม่ทำให้เกิดการซื้อ ดังนั้น อินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริงเลยมาแก้ปัญหาตรงนี้ได้และพร้อมมุ่งเป้าไปยังผู้ซื้อที่เป็น ‘คน’ จริง ๆ เท่านั้น
อีกทั้ง AI ยังช่วยวิเคราะห์ให้ด้วยว่าเนื้อหาไหนที่มีคนสนใจมากที่สุด จากการเก็บข้อมูลนับล้านข้อมูลทุกวันและหาว่าจริง ๆ แล้ว นักการตลาดควรต้องทำคอนเทนต์อะไรที่รับประกันว่าจะสร้างการมีส่วนร่วมสูงสุดได้
นอกจากนี้ เจ้าของแบรนด์สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาอันน่าปวดหัวในการคัดเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะกับแบรนด์ เพราะพวกเขาสามารถเนรมิต Virtual Influencer ขึ้นมาได้เอง ทำให้บุคคลเหล่านี้สื่อสารตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
ซึ่งตลาด Virtual Influencer กำลังมีอิทธิพลอย่างมาก ตามความหมายของคำว่า Influence (อิทธิพล) โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวโน้มตลาดอินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริงเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และน่าจะเติบโตไปได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม การที่ Virtual Influencer สามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้ขนาดนี้ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจาก ‘ความแปลกใหม่’ แต่ในอนาคตก็ยังต้องดูต่อไปว่าจะสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่
ที่มา : Website
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส