สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) กำลังจะปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) ไปยังวงโคจรระดับต่ำของโลกเพิ่มอีก 56 ดวง ในภารกิจ Group 5-5 ที่ขับดันโดยจรวด Falcon 9 ออกจากแท่นปล่อยจรวด SLC-40 ที่สถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล รัฐฟลอริดา ในวันศุกร์ที่ 24 มีนาคม เวลา 11:43 a.m. ET (เวลา 22:43 น. ในประเทศไทย) ซึ่งเป็นเที่ยวบินที่ 19 ของจรวด Falcon 9 และภารกิจที่ 20 ของสเปซเอ็กซ์ในปี 2023
ภารกิจ Group 5-5 จะเป็นการปล่อยดาวเทียม Starlink V1.5 ไปยังเชลล์ที่ 5 ของดาวเทียม Starlink Gen 2 ซึ่งมีวงโคจรอยู่ที่ 530 กิโลเมตร มุมเอียง 43 องศา ได้ปล่อยดาวเทียมในกลุ่มนี้ไปแล้ว 274 ดวง และกำลังปฏิบัติงานอยู่ 74 ดวง
ดาวเทียม Starlink V1.5 มีความพิเศษที่ได้ติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารระหว่างดาวเทียมด้วยเลเซอร์ ช่วยให้ดาวเทียมสามารถสื่อสารกันในวงโคจรเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่มหาสมุทรและพื้นที่ห่างไกลอื่น ๆ จึงทำให้ลดจำนวนสถานีภาคพื้นดิน ส่วนดาวเทียม Starlink Gen 2 ขณะนี้กำลังพบปัญหาในการผลิตจึงยังไม่ถูกปล่อยสู่วงโคจร แต่ก็ได้มีการปล่อย V2 Mini ไปแล้ว 21 ดวง ในภารกิจ Group 6-1
ภารกิจนี้จะใช้บูสเตอร์ B1067 ขึ้นบินเป็นครั้งที่ 10 สำหรับนำกลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า โดยได้ผ่านภารกิจ CRS-22 ขนส่งเสบียงไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS), ภารกิจ Crew-3 ส่งนักบินอวกาศของนาซาไป ISS, ภารกิจปล่อยดาวเทียมสื่อสาร Turksat 5B ของตุรกี, ภารกิจ Crew-4 ส่งนักบินอวกาศของนาซาไป ISS, ภารกิจ CRS-25 ขนส่งเสบียงไปยัง ISS, ปล่อยดาวเทียม Eutelsat HOTBIRD 13G, ภารกิจ SES O3b mPOWER และภารกิจปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิง Group 4-34, Group 5-2 (รวม Group 5-5 เป็นครั้งที่ 10)
หลังจากจรวด Falcon 9 ถูกปล่อยขึ้นไปประมาณ 2 นาทีครึ่ง บูสเตอร์ B1067 จะแยกตัวกลับมาลงจอดบนเรือโดรน A Shortfall of Gravitas droneship ที่จอดรออยู่ในสมุทรแอตแลนติกในเวลาประมาณนาทีที่ 9 หลังจากปล่อยจรวด
ที่มา : spacex.com, nextspaceflight.com และ nasaspaceflight.com
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส