สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) กำลังจะปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) รุ่นใหม่ V2 Mini ไปยังวงโคจรระดับต่ำของโลกจำนวน 21 ดวง เป็นชุดที่ 2 ในภารกิจ Group 6-2 ที่ขับดันโดยจรวด Falcon 9 ออกจากแท่นปล่อยจรวด SLC-40 ที่สถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล รัฐฟลอริดา ในวันพุธที่ 19 เมษายน เวลา 19:27 น. ภารกิจนี้จะเป็นเที่ยวบินที่ 24 ของจรวด Falcon 9 และภารกิจครั้งที่ 25 ของสเปซเอ็กซ์ในปี 2023
ภารกิจ Group 6-2 เป็นการปล่อยดาวเทียม Starlink V2 Mini ที่อยู่ในกลุ่มหรือเชลล์ 6 มีวงโคจรอยู่ที่ 530 กิโลเมตร มุมเอียง 43 องศา ทั้งนี้ V2 Mini ได้ถูกลดขนาดลงจากรุ่น V2 เพื่อให้รองรับการขนส่งด้วยจรวด Falcon 9 เนื่องจากรุ่น V2 มีขนาดใหญ่จะต้องขนส่งด้วยยานสตาร์ชิปที่กำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้
ดาวเทียม Starlink V2 Mini มีเสาอากาศอาเรย์ที่ทรงพลังมากขึ้นและใช้ความถี่ย่าน E-band สําหรับ backhaul (เชื่อมต่อระหว่างโหนด) ซึ่งจะทําให้ดาวเทียมแต่ละดวงสามารถให้ความจุมากกว่า Starlink v1.0 และ v1.5 ได้ถึง 4 เท่า
ภารกิจนี้จะใช้บูสเตอร์ B1073 ขึ้นบินเป็นครั้งที่ 8 สำหรับนำกลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า โดยผ่านภารกิจปล่อยดาวเทียมสื่อสาร SES-22 ของบริษัท SES, ขนส่งยานลงจอด HAKUTO-R ของ ispace บริษัทเอกชนของญี่ปุ่นเพื่อมุ่งหน้าไปลงจอดบนดวงจันทร์, ดาวเทียมสื่อสาร Amazonas Nexus ของบริษัท Hispasat, CRS-27 ขนส่งเสบียงไปยัง ISS และอีก 3 ภารกิจในการปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิงก์
หลังจากจรวด Falcon 9 ถูกปล่อยขึ้นไปประมาณ 2 นาทีครึ่ง บูสเตอร์ B1073 จะแยกตัวกลับมาลงจอดบนเรือโดรน A Shortfall of Gravitas ที่จอดรออยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกในเวลาประมาณนาทีที่ 9 หลังจากปล่อยจรวด
ที่มา : nextspaceflight.com
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส