สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) กำลังจะปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) ไปยังวงโคจรระดับต่ำของโลกเพิ่มอีก 53 ดวง ในภารกิจ Group 5-11 ที่ขับดันโดยจรวด Falcon 9 ออกจากแท่นปล่อยจรวด SLC-40 ที่สถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล รัฐฟลอริดา ในวันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน เวลา 3:10 a.m. ET (เวลา 14:10 น. ในประเทศไทย) ซึ่งจะเป็นเที่ยวบินที่ 37 ของจรวด Falcon 9 และภารกิจที่ 39 ของสเปซเอ็กซ์ในปี 2023
ภารกิจ Group 5-11 จะเป็นการปล่อยดาวเทียม Starlink V1.5 ไปยังเชลล์ที่ 5 ของดาวเทียม Starlink Gen 2 ซึ่งมีวงโคจรอยู่ที่ 530 กิโลเมตร มุมเอียง 43 องศา ได้ปล่อยดาวเทียมในกลุ่มนี้ไปแล้ว 442 ดวง และกำลังปฏิบัติงานอยู่ 439 ดวง ล่าสุดสเปซเอ็กซ์มีดาวเทียมสตาร์ลิงก์อยู่ในวงโครที่ 4,218 ดวง และเมื่อภารกิจครั้งนี้สำเร็จจะช่วยให้สเปซเอ็กซ์มีดาวเทียมสตาร์ลิงก์อยู่ในวงโคจรเพิ่มขึ้นเป็น 4,271 ดวง
ดาวเทียม Starlink V1.5 มีความพิเศษที่ได้ติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารระหว่างดาวเทียมด้วยเลเซอร์ ช่วยให้ดาวเทียมสามารถสื่อสารกันในวงโคจรเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่มหาสมุทรและพื้นที่ห่างไกลอื่น ๆ จึงทำให้ลดจำนวนสถานีภาคพื้นดิน ส่วนดาวเทียม Starlink Gen 2 ขณะนี้กำลังพบปัญหาในการผลิตจึงยังไม่ถูกปล่อยสู่วงโคจร แต่ก็ได้มีการปล่อย V2 Mini ไปแล้ว 86 ดวง ในภารกิจ Group 6-1, 6-2, 6-3 และ 6-4
ภารกิจนี้จะใช้บูสเตอร์ B1073 ขึ้นบินเป็นครั้งที่ 9 สำหรับนำกลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า โดยผ่านภารกิจปล่อยดาวเทียมสื่อสาร SES-22, ขนส่งยานลงจอด HAKUTO-R ของ ispace ไปลงจอดบนดวงจันทร์, ดาวเทียมสื่อสาร Amazonas Nexus ของบริษัท Hispasat, CRS-27 ขนส่งเสบียงไปยัง ISS และอีก 4 ภารกิจในการปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิงก์
หลังจากจรวด Falcon 9 ถูกปล่อยขึ้นไปประมาณ 2 นาทีครึ่ง บูสเตอร์ B1073 จะแยกตัวกลับมาลงจอดบนเรือโดรน Just Read the Instructions ที่จอดรออยู่ในสมุทรแอตแลนติกในเวลาประมาณนาทีที่ 9 หลังจากปล่อยจรวด
ที่มา : spacex.com และ nextspaceflight.com
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส