สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) กำลังจะปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) ไปยังวงโคจรระดับต่ำของโลกเพิ่มอีก 22 ดวง ในภารกิจ Group 6-10 ที่ขับดันโดยจรวด Falcon 9 ออกจากแท่นปล่อยจรวด SLC-40 ที่สถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล รัฐฟลอริดา ในวันพุธที่ 16 สิงหาคม เวลา 8:14 p.m. ET (วันพฤหัสบดี เวลา 07:14 น. ในประเทศไทย) ซึ่งจะเป็นเที่ยวบินที่ 53 ของจรวด Falcon 9 และภารกิจที่ 56 ของสเปซเอ็กซ์ในปี 2023
ล่าสุด ณ วันที่ 11 สิงหาคม สเปซเอ็กซ์มีดาวเทียมสตาร์ลิงก์อยู่ในวงโครที่ 4,597 ดวง ซึ่งเป็นดาวเทียม Starlink V2 Mini ที่อยู่ในวงโคจรจำนวน 214 ดวง ทำงานผิดปกติ 12 ดวง ซึ่งทั้งหมดมาจากกลุ่มดาวเทียม Group 6 ใน 11 ภารกิจ เมื่อภารกิจนี้สำเร็จก็จะทำให้สเปซเอ็กซ์มีดาวเทียม Starlink V2 Mini อยู่ในวงโคจรเพิ่มขึ้นเป็น 236 ดวง และมีดาวเทียมในวงโคจรทั้งหมด 4,619 ดวง
ภารกิจ Group 6-10 เป็นการปล่อยดาวเทียม Starlink V2 Mini ที่อยู่ในกลุ่มหรือเชลล์ 6 มีวงโคจรอยู่ที่ 530 กิโลเมตร มุมเอียง 43 องศา ทั้งนี้ V2 Mini ได้ถูกลดขนาดลงจากรุ่น V2 เพื่อให้รองรับการขนส่งด้วยจรวด Falcon 9 เนื่องจากรุ่น V2 มีขนาดใหญ่จะต้องขนส่งด้วยยานสตาร์ชิปที่กำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้
ภารกิจนี้จะใช้บูสเตอร์ B1067 ขึ้นบินเป็นครั้งที่ 13 สำหรับนำกลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า โดยได้ผ่านภารกิจ CRS-22 ขนส่งเสบียงไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS), ภารกิจ Crew-3 ส่งนักบินอวกาศไป ISS, ภารกิจปล่อยดาวเทียมสื่อสาร Turksat 5B ของตุรกี, ภารกิจ Crew-4 ส่งนักบินอวกาศไป ISS, ภารกิจ CRS-25 ขนส่งเสบียงไปยัง ISS, ปล่อยดาวเทียม Eutelsat HOTBIRD 13G, ภารกิจ SES O3b mPOWER และภารกิจปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิง Group 4-34, Group 5-2, Group 5-5, Group 5-9, Group 5-9 และดาวเทียม Satria
หลังจากจรวด Falcon 9 ถูกปล่อยขึ้นไปประมาณ 2 นาทีครึ่ง บูสเตอร์ B1067 จะแยกตัวกลับมาลงจอดบนเรือโดรน A Shortfall of Gravitas ที่จอดรออยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกในเวลาประมาณนาทีที่ 9 หลังจากปล่อยจรวด
ที่มา : spacex.com
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส