สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) กำลังจะปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) ไปยังวงโคจรระดับต่ำของโลกเพิ่มอีก 22 ดวง ในภารกิจ Group 6-13 ที่ขับดันโดยจรวด Falcon 9 ออกจากแท่นปล่อยจรวด SLC-40 ที่สถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล รัฐฟลอริดา ในวันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม เวลา 7:52 p.m. ET (วันศุกร์ เวลา 06:52 น. ในประเทศไทย) ซึ่งจะเป็นเที่ยวบินที่ 58 ของจรวด Falcon 9 และภารกิจที่ 61 ของสเปซเอ็กซ์ในปี 2023
ภารกิจ Group 6-13 เป็นการปล่อยดาวเทียม Starlink V2 Mini ที่อยู่ในกลุ่มหรือเชลล์ 6 มีวงโคจรอยู่ที่ 530 กิโลเมตร มุมเอียง 43 องศา ทั้งนี้ V2 Mini ได้ถูกลดขนาดลงจากรุ่น V2 เพื่อให้รองรับการขนส่งด้วยจรวด Falcon 9 เนื่องจากรุ่น V2 มีขนาดใหญ่จะต้องขนส่งด้วยยานสตาร์ชิปที่กำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้
ภารกิจนี้จะใช้บูสเตอร์ B1077 ขึ้นบินเป็นครั้งที่ 7 สำหรับนำกลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า โดยได้ผ่านภารกิจ Crew-5 ในการส่ง 4 นักบินอวกาศของนาซาไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS), ส่งดาวเทียมนำทาง GPS 3 SV06 ให้กับกองทัพอวกาศสหรัฐฯ, ส่งดาวเทียม Inmarsat 6-F2, ภารกิจ CRS-28 ส่งเสบียงไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ, ดาวเทียมสตาร์ลิงก์ Group 5-10 และดาวเทียม Galaxy 37 ของ Intelsat
หลังจากจรวด Falcon 9 ถูกปล่อยขึ้นไปประมาณ 2 นาทีครึ่ง บูสเตอร์ B1077 จะแยกตัวกลับมาลงจอดบนเรือโดรน A Shortfall of Gravitas ที่จอดรออยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกในเวลาประมาณนาทีที่ 9 หลังจากปล่อยจรวด
ล่าสุด ณ วันที่ 27 สิงหาคม สเปซเอ็กซ์มีดาวเทียมสตาร์ลิงก์อยู่ในวงโครที่ 4,661 ดวง ซึ่งเป็นดาวเทียม Starlink V2 Mini ที่อยู่ในวงโคจรจำนวน 279 ดวง ทำงานผิดปกติ 12 ดวง ซึ่งทั้งหมดมาจากกลุ่มดาวเทียม Group 6 ใน 13 ภารกิจ และ Group 7 อีก 1 ภารกิจ เมื่อภารกิจนี้สำเร็จก็จะทำให้สเปซเอ็กซ์มีดาวเทียม Starlink V2 Mini อยู่ในวงโคจรเพิ่มขึ้นเป็น 301 ดวง และมีดาวเทียมในวงโคจรทั้งหมด 4,683 ดวง
ที่มา : spacex.com และ nextspaceflight.com
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส