สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) กำลังจะส่งดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) ไปยังวงโคจรระดับต่ำของโลกเพิ่มอีก 23 ดวง ในภารกิจ Group 6-26 ที่ขับดันโดยจรวด Falcon 9 ออกจากแท่นปล่อยจรวด SLC-40 ที่สถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล รัฐฟลอริดา ในวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน เวลา 6:30 p.m. ET (วันเสาร์ เวลา 05:30 น. ในประเทศไทย) ซึ่งจะเป็นเที่ยวบินที่ 75 ของจรวด Falcon 9 และภารกิจที่ 79 ของสเปซเอ็กซ์ในปี 2023
ภารกิจ Group 6-26 เป็นการปล่อยดาวเทียม Starlink V2 Mini ที่อยู่ในกลุ่มหรือเชลล์ 6 มีวงโคจรอยู่ที่ 530 กิโลเมตร มุมเอียง 43 องศา ทั้งนี้ V2 Mini ได้ถูกลดขนาดลงจากรุ่น V2 เพื่อให้รองรับการขนส่งด้วยจรวด Falcon 9 เนื่องจากรุ่น V2 มีขนาดใหญ่จะต้องขนส่งด้วยยานสตาร์ชิปที่กำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้
ภารกิจนี้จะใช้บูสเตอร์ B1058 ขึ้นบินเป็นครั้งที่ 18 สำหรับนำกลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า โดยได้ผ่านภารกิจ Demo-2 ส่ง 2 นักบินอวกาศสหรัฐฯ ไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ, ภารกิจปล่อยดาวเทียมทางการทหารของเกาหลีใต้ ANASIS-II, ภารกิจ CRS-21 ปล่อยยานอวกาศ Dragon 2 ส่งเสบียงไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ, ภารกิจ Transporter-1 และ 3 ปล่อยดาวเทียมจำนวนมากในเที่ยวบินเดียว และถ้านับครั้งนี้จะเป็นการปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิงก์ครั้งที่ 13
หลังจากจรวด Falcon 9 ถูกปล่อยขึ้นไปประมาณ 2 นาทีครึ่ง บูสเตอร์ B1058 จะแยกตัวกลับมาลงจอดบนเรือโดรน A Shortfall of Gravitas ที่จอดรออยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกในเวลาประมาณนาทีที่ 9 หลังจากปล่อยจรวด
ล่าสุด ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน สเปซเอ็กซ์มีดาวเทียมสตาร์ลิงก์อยู่ในวงโคจรที่ 5,011 ดวง ซึ่งเป็นดาวเทียม Starlink V2 Mini ที่อยู่ในวงโคจรจำนวน 644 ดวง ทำงานผิดปกติ 18 ดวง ซึ่งทั้งหมดมาจากกลุ่มดาวเทียม Group 6 และ Group 7 เมื่อภารกิจนี้สำเร็จก็จะทำให้สเปซเอ็กซ์มีดาวเทียม Starlink V2 Mini อยู่ในวงโคจรเพิ่มขึ้นเป็น 667 ดวง และมีดาวเทียมในวงโคจรทั้งหมด 5,034 ดวง
เที่ยวบินนี้สเปซเอ็กซ์จะถ่ายทอดสดภารกิจให้ติดตามดูกันได้ผ่านบริการ Broadcast บนแพลตฟอร์ม X (Twitter) ในชื่อบัญชี Official ของ SpaceX
ที่มา : spacex.com
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส