วันอังคารที่ 17 มกราคม สำนักงานพัฒนาอวกาศ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เผยว่าได้เซ็นสัญญากับบริษัท L3Harris Technologies, Lockheed Martin และ Sierra Space ที่แยกกัน สำหรับการส่งมอบและดำเนินงานกับดาวเทียม 18 ดวง ซึ่งจะใช้ในการติดตามขีปนาวุธในวงโคจรระดับต่ำของโลก

L3Harris ได้รับสัญญามูลค่า 919 ล้านเหรียญ (32,582 ล้านบาท), Lockheed ได้รับสัญญามูลค่า 890 ล้านเหรียญ (31,546 ล้านบาท) และ Sierra Space ได้รับสัญญามูลค่า 740 ล้านเหรียญ (26,236 ล้านบาท) ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง 3 บริษัทได้ทำข้อตกลงกับสำนักงานพัฒนาอวกาศสำหรับสร้างดาวเทียม 54 ดวง ให้กับกองทัพสหรัฐฯ

เดือนกรกฎาคม 2023 มีรายงานว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กำลังมีแผนจ้างบริษัทขนส่งอวกาศที่มากขึ้น เพื่อรองรับ 50 ภารกิจ ตามแผนที่วางไว้ในช่วง 5 ปี ซึ่งต้องการบริษัทเพิ่มเติมจากขาประจำที่มีอยู่อย่าง SpaceX และ ULA

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้พัฒนาขีดความสามารถด้านความมั่นคงมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการป้องกันภัยจากอวกาศ เพราะปัจจุบันบนหน้าสื่อเราจะเห็นว่ารัสเซีย จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ต่างโชว์ศักยภาพอยู่เรื่อย ๆ ว่ามีขีปนาวุธที่ยิงได้ไกลและความเร็วเหนือเสียง นอกจากนี้บางประเทศก็ได้ปล่อยดาวเทียมสู่อวกาศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการเปิดเผยข้อมูล

เดือนพฤศจิกายน 2023 ระบบป้องกันภัยบนอวกาศมีความสำคัญอย่างเห็นได้ชัด เมื่อกองทัพอิสราเอลเผยว่า ระบบป้องกันขีปนาวุธแอร์โรว์สามารถยิงสกัดขีปนาวุธนำวิถี ซึ่งถูกยิงขึ้นไปเหนือชั้นบรรยากาศของโลกแถว ๆ แนวขอบอวกาศ (เส้นคาร์แมน) โดยกลุ่มติดอาวุธฮูตีในเยเมนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ซึ่งระบบป้องกันขีปนาวุธแอร์โรว์ได้รับการพัฒนาร่วมกันระหว่างสหรัฐฯ และอิสราเอล

ที่มา : reuters.com

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส