วันเสาร์ที่ 27 เมษายน เวลา 8:34 p.m. ET (07:34 น. วันอาทิตย์ ในประเทศไทย) สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ได้ปล่อยภารกิจ Galileo L12 ในการขนส่งดาวเทียมกาลิเลโอของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่ขับดันด้วยจรวด Falcon 9 ไปยังวงโคจรของโลกระดับกลาง (MEO) ออกจากแท่นปล่อยจรวด LC-39A ที่ศูนย์อวกาศเคนเนดีในรัฐฟลอริดา และจัดว่าเป็นเที่ยวบินที่ 42 ของจรวด Falcon 9 ในปี 2024
กลุ่มดาวเทียมกาลิเลโอ (Galileo) เป็นระบบดาวเทียมนำทางทั่วโลก (GNNS) ของสหภาพยุโรปที่อยู่ในวงโคจรของโลกระดับกลางใช้สำหรับแสดงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์และเวลาที่ครอบคลุมทั่วโลก รวมทั้งมีการสื่อสารแบบเข้ารหัสที่ใช้สำหรับการรับส่งข้อความทางทหาร ซึ่งคล้ายกับ GPS (Global Positioning System) ระบบดาวเทียมนำทางของสหรัฐฯ, GLONASS ของรัสเซีย และ BeiDou ของจีน
ก่อนหน้านี้ดาวเทียมกาลิเลโอได้ถูกปล่อยสู่อวกาศไปแล้ว 28 ดวง ด้วยจรวดโซยุส (Soyuz) ของรัสเซียและจรวด Ariane 5 ของยุโรปเอง ต่อมาหลังจากสงครามยูเครนก็ได้ระงับการใช้จรวดโซยุสของรัสเซีย และจรวด Ariane 5 ของยุโรปก็ได้ถูกเลิกใช้งานไปแล้ว ดังนั้นเดือนตุลาคม 2023 องค์การอวกาศยุโรป (ESA) จึงได้เสนอให้ใช้บริการขนส่งด้วยจรวด Falcon 9 ของสเปซเอ็กซ์จำนวน 2 เที่ยวบิน เนื่องจากในตอนนั้นจรวด Ariane 6 ที่กำลังพัฒนามาแทนจรวด Ariane 5 ติดปัญหาความล่าช้า และจรวด Vega-C จะกลับมาบินในปลายปี 2024
ภารกิจนี้ได้ใช้บูสเตอร์ B1060 ขึ้นบินเป็นครั้งที่ 20 ซึ่งได้ผ่านภารกิจในการปล่อยดาวเทียม GPS III SV03, ดาวเทียมตุรกี (Türksat 5A), แชร์เที่ยวบินใน Transporter-2, ดาวเทียม Galaxy 33 / 34, แชร์เที่ยวบินใน Transporter-6, ภารกิจ Intuitive Machines IM-1 และดาวเทียมสตาร์ลิงก์ 13 ครั้ง
ภารกิจส่วนใหญ่ของจรวด Falcon 9 จะอยู่ที่วงโคจรของโลกระดับต่ำ ซึ่งบูสเตอร์จะบินขึ้นไปในระดับที่มีพลังงานเหลือเพียงพอให้บินกลับมาลงจอดในเรือโดรน แต่ภารกิจนี้สเปซเอ็กซ์เผยว่าเนื่องจากต้องการประสิทธิภาพเพิ่มเติมที่จำเป็นในการส่งมอบน้ำหนักบรรทุกไปยังวงโคจรของโลกระดับกลาง ภารกิจนี้ถือเป็นการปล่อยจรวดครั้งที่ 20 และครั้งสุดท้ายสำหรับบูสเตอร์ B1060 ของจรวด Falcon 9